Skip to main content
sharethis

16 ต.ค. 2558 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้สหภาพรัฐสภากระตุ้นรัฐบาลไทยให้ยกเลิกข้อกฎหมายที่ส่งผลให้เกิดการจำกัดการใช้สิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง รวมทั้งอำนาจในการควบคุมตัวผู้วิพากษ์วิจารณ์อย่างสงบโดยพลการ ชี้ทางการไทยต้องทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่มีเสรีภาพเพื่อให้อดีตสมาชิกรัฐสภาและพลเมืองไทยทุกคนรู้สึกได้ว่าตนสามารถพูดหรือไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ นโยบายของรัฐบาล หรือประเด็นอื่นๆ ได้อย่างสงบโดยไม่กลัวว่าจะถูกลงโทษ

 

00000

แอมเนสตี้ฯ เรียกร้องสหภาพรัฐสภากระตุ้นรัฐบาลไทย ยุติการคุกคามอดีตสมาชิกรัฐสภาที่แสดงความเห็นต่างจากรัฐบาล

               
เนื่องในโอกาสที่สหภาพรัฐสภา (Inter Parliamentary Union) จัดการประชุมประจำปีสมัยที่ 133 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้กระตุ้นให้ตัวแทนผู้เข้าร่วมประชุมหาแนวทางแก้ปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย เช่น กรณีที่มีการลงโทษอดีตสมาชิกรัฐสภา และมีการจำกัดบทบาทของในการแสดงความเห็นเชิงวิพากษ์วิจารณ์ในการอภิปรายและแลกเปลี่ยนความเห็นทางการเมืองผู้เข้าร่วมประชุมควรเรียกร้องให้ทางการไทยยุติการจับกุมโดยพลการ การข่มขู่คุกคามและการดำเนินคดีต่ออดีตสมาชิกรัฐสภาและผู้ที่แสดงความเห็นอย่างสงบคนอื่นๆ อีกทั้งให้ยกเลิกอำนาจที่นำไปสู่การจำกัดสิทธิมนุษยชนโดยพลการ ซึ่งเป็นการขัดขวางการมีส่วนร่วมอย่างอิสระตามขั้นตอนของ “โรดแม็ปสู่ประชาธิปไตย” ของประเทศที่กำลังถูกยืดเวลาออกไป

การควบคุมตัวอดีตสมาชิกรัฐสภาและบุคคลอื่นโดยพลการเนื่องจากการแสดงความเห็นอย่างสงบ หรือเนื่องจากการสมาคมทางการเมือง ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากกองทัพได้ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา โดยมีการควบคุมอดีตสมาชิกรัฐสภาหลายคน รวมทั้งอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เช่นนายการุณ โหสกุลและนายพิชัย นริพทะพันธุ์ซึ่งถูกควบคุมตัวโดยไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอกเป็นเวลาหลายวันในช่วงเดือนกันยายน 2558 เนื่องจากพวกเขาได้แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ทางการ ซึ่งทั้งสองถือเป็นอดีตสมาชิกรัฐสภารายล่าสุดที่ถูกควบคุมตัวโดยพลการ และเป็นกรณีที่มีการรับรู้โดยทั่วไป โดยพวกเขาถูกคุมขังในสถานที่ซึ่งไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ และไม่มีการตั้งข้อหาหรือไต่สวนดำเนินคดี แต่เป็นไปตามที่ทางการไทยเรียกว่า “การปรับทัศนคติ” ซึ่งใช้เวลานานเกือบสัปดาห์ เพื่อ “ให้แน่ใจว่าพวกเขาจะให้ความร่วมมือ”
               
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กำลังถูกดำเนินคดีข้อหายุยงปลุกปั่นและต้องขึ้นศาลทหาร ซึ่งเขาจะไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำตัดสิน เนื่องจากเขาใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างสงบต่อต้านการทำรัฐประหาร และขัดขืนคำสั่งของกองทัพที่เรียกให้เขามารายงานตัว ถือว่ากลุ่มอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งจากบุคคลหลายร้อยคนที่ถูกกำหนดให้ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขหลังจากได้รับการปล่อยตัวจากการถูกควบคุมตัวโดยพลการ โดยเงื่อนไขการปล่อยตัวเป็นเหตุให้พวกเขาไม่สามารถมีบทบาทใน “กิจกรรมทางการเมือง” ถ้าไม่เช่นนั้นพวกเขาจะถูกดำเนินคดีและถูกคุมขัง สำหรับอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่ไปรายงานตัวกับกองทัพจะถูกสั่งลงโทษโดยพลการ ซึ่งมีทั้งการสั่งอายัดทรัพย์สิน และการยกเลิกหนังสือเดินทาง โดยมีอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรถูกยกเลิกหนังสือเดินทางแล้วอย่างน้อยสามคน

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้สหภาพรัฐสภากระตุ้นรัฐบาลไทยให้ยกเลิกข้อกฎหมายที่ส่งผลให้เกิดการจำกัดการใช้สิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง รวมทั้งอำนาจในการควบคุมตัวผู้วิพากษ์วิจารณ์อย่างสงบโดยพลการ แม้ก่อนหน้านี้ทางกองทัพสัญญาว่า มาตรการที่ละเมิดพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศเหล่านี้รวมถึงมาตรการที่ละเมิดสิทธิในการชุมนุมอย่างสงบ สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการแสดงออกและการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม จะเป็นเพียงมาตรการที่นำมาใช้เพียงชั่วคราว แต่ที่ผ่านมากองทัพกลับขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการที่กดขี่เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ รัฐบาลทหารยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาอย่างชัดเจนว่าจะมีการยกเลิกอำนาจที่จำกัดสิทธิเหล่านี้เมื่อใด

ทั้งนี้ การยกเลิกอำนาจในการควบคุมตัวบุคคลโดยพลการและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอื่นๆ เป็นเงื่อนไขที่จำเป็น เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่ประกาศใช้ในขณะนี้ ไม่สามารถคุ้มครองสิทธิมนุษยชนได้อย่างเพียงพอ และ “โรดแม็ปสู่ประชาธิปไตย” ของกองทัพก็ยังคงยืดเวลาออกไปซึ่งหลังจากสภาที่ทหารแต่งตั้งได้ลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เมื่อใด และเป็นที่น่าเคลือบแคลงใจว่าเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นจะสอดคล้องกับพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศของไทยหรือไม่ ทางการไทยต้องทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่มีเสรีภาพเพื่อให้อดีตสมาชิกรัฐสภาและพลเมืองไทยทุกคนรู้สึกได้ว่าตนสามารถพูดหรือไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ นโยบายของรัฐบาล หรือประเด็นอื่นๆ ได้อย่างสงบโดยไม่กลัวว่าจะถูกลงโทษ
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net