รัฐบาลเกาหลีใต้จะใช้ระบบควบคุมตำราเรียนประวัติศาสตร์แบบที่เคยใช้สมัยรัฐบาลเผด็จการปัก จุงฮี ที่ให้รัฐเป็นผู้แต่งตำราเท่านั้น แทนระบบปัจจุบันที่ใช้มาตั้งแต่ยุคปฏิรูปประชาธิปไตย ที่ให้เอกชนหลายแห่งเป็นผู้แต่งตำรา ด้านฝ่ายค้านหวั่นรัฐบาลยัดเยียดเนื้อหา - นักวิชาการประวัติศาสตร์ 1,100 คน - ผอ.เขตการศึกษา 14 แห่งทั่วเกาหลีใต้ เรียกร้องให้รัฐบาลล้มเลิกแผน
สมาชิกรัฐสภาฝ่ายค้านเกาหลีใต้ นำโดย ลี จองกุน แถลงเมื่อ 12 ต.ค. คัดค้านการเปลี่ยนระบบตำราเรียนประวัติศาสตร์ ที่รัฐบาลวางแผนจะกลับไปใช้ระบบรัฐบาลควบคุมตำราแบบสมัยรัฐบาลเผด็จการ ปัก จุงฮี ขณะที่ในปัจจุบันโรงเรียนมัธยมในเกาหลีใต้ใช้ตำราเรียนที่ผลิตโดยสำนักพิมพ์เอกชน โดยมีตำราที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลให้ใช้ในชั้นเรียนได้ 8 ฉบับ (ที่มา: เฟซบุ๊คพรรคพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยและการเมืองใหม่)
13 ต.ค. 2558 เว็บไซต์อารีรัง ของเกาหลีใต้ รายงานว่ารัฐบาลเกาหลีใต้ได้ตัดสินใจเมื่อวันจันทร์นี้ (12 ต.ค.) ที่จะใช้ระบบเรียนตำราประวัติศาสตร์ฉบับเดียวที่ผ่านการอนุมัติจากรัฐบาล และจะยกเลิกระบบปัจจุบันที่ใช้ระบบรัฐบาลอนุมัติตำราเรียนหลายฉบับ
พรรครัฐบาลระบุใช้ตำราประวัติศาสตร์แบบเดียว เพราะระบบปัจจุบันให้มุมมองบิดเบือน
โดยพรรคแซนูรี (Saenuri Party) หรือพรรคพรมแดนใหม่ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลสนับสนุนให้ใช้ระบบตำราเรียนประวัติศาสตร์ฉบับเดียว โดยให้เหตุผลว่า ตำราเรียนที่ใช้ในปัจจุบันมีเนื้อหาที่ผิดพลาดและนำเสนอมุมมองที่บิดเบือน
คิม ซูมุน หัวหน้าพรรคแซนูรี กล่าวว่า “ตำราเรียนหลายฉบับระบุว่าเกาหลีใต้เป็นประเทศที่ 'พวกฉวยโอกาส' เจริญก้าวหน้า และความยุติธรรมหายสาบสูญ ซึ่งจะทำให้อนาคตของคนรุ่นหลังมีจิตใจที่อคติและกลายเป็นผู้สิ้นหวัง ตำราบางเล่มให้ภาพเกาหลีเหนือที่สวยงาม ขณะที่ให้ภาพลบเมื่อพูดถึงนักธุรกิจชาวเกาหลีใต้ผู้อุทิศให้ประเทศเกิดความมั่งคั่ง”
ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย หวั่นรัฐบาลยัดเยียดคนรุ่นใหม่ให้อ่านตำราที่มีเนื้อหานิยมรัฐบาล
ขณะที่พรรค “พรรคพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตยและการเมืองใหม่” (NPAD) ซึ่งเป็นฝ่ายค้านโจมตีแผนการของรัฐบาล โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลมุ่งหมายที่จะยัดเยียดแง่มุมทางประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังนิยมพรรครัฐบาล
โดยลี จองกุน แกนนำพรรคฝ่ายค้าน แถลงว่า “การติดสินใจของรัฐบาลเป็นที่แน่ชัดว่า รัฐบาลต้องการยัดเยียดแง่มุมทางประวัติศาสตร์ที่ให้ภาพที่สวยงามของการสนับสนุนญี่ปุ่น (ในช่วงที่เกาหลีใต้เป็นอาณานิคม) และช่วงรัฐบาลเผด็จการ” ลี จองกุน กล่าวต่อไปว่า “รัฐบาลเมินเฉยต่อประชาชน ทำให้ประชาชนเสียน้ำตา และสนใจแต่การบิดเบือนข้อเท็จจริง และหมุนกลับกงล้อประวัติศาสตร์”
นอกจากเรื่อง “ตำราเรียน” ที่พรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลกำลังเผชิญหน้ากันแล้ว พรรครัฐบาลเกาหลีใต้เองก็กำลังผลักดันการแก้ไขกฎหมายแรงงาน 5 ฉบับ เพื่อทำให้ตลาดแรงงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลของปัก กึนเฮต้องการปฏิรูป อย่างไรก็ตามพรรคฝ่ายค้านคัดค้านการแก้ไขกฎหมายแรงงาน 5 ฉบับดังกล่าว โดยเสนอให้บริษัทต้องมีระบบบริหารจัดการตนเองและสนับสนุนระบบจ้างงานพนักงาน
ขณะที่การเลือกตั้งทั่วไปในเกาหลีใต้กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 6 เดือนข้างหน้า โดยนักวิเคราะห์มองว่าการเชิญหน้าระหว่างทั้งสองพรรคการเมืองจะถูกเน้นมากขึ้น ขณะเดียวกันทั้งสองพรรคการเมืองเองก็ต้องการเบี่ยงเบนเรื่องความขัดแย้งภายในพรรค ในช่วงการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. สำหรับการเลือกตั้งด้วย
นักวิชาการประวัติศาสตร์ 1,100 คน – ผอ.เขตการศึกษา 14 แห่ง ค้านระบบตำราเดี่ยว
ก่อนหน้านี้ ในรายงานของสำนักข่าวยอนฮัประบุด้วยว่าเมื่อวันที่ 7 ก.ย. มีนักวิชาการและนักวิจัยด้านประวัติศาสตร์และการศึกษาประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นฝ่ายเสรีนิยม 1,100 คน ได้ออกแถลงการณ์ต่อต้านแผนเปลี่ยนแปลงระบบตำราเรียนที่เสนอโดยรัฐบาลดังกล่าว โดยเรียกร้องให้ยกเลิกแผนการนี้ทันที และกล่าวด้วยว่าแผนการใช้ระบบตำราเรียนแบบเดี่ยวดังกล่าวจะเป็นการฝังหัวแก่นักเรียนด้วยอุดมการณ์ที่มีอคติ และปฏิเสธจิตวิญญาณการศึกษาใฝ่ประชาธิปไตย ซึ่งเคารพความอิสระ ความหลากหลาย และความสร้างสรรค์
ทั้งนี้ยังมีแถลงการณ์คัดค้านแผนเปลี่ยนแปลงระบบตำราเรียน ออกโดยศาสตราจารย์ด้านการศึกษาประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล แถลงการณ์ของอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ในโรงเรียนทั่วประเทศ และแถลงการณ์ของผู้อำนวยการเขตการศึกษา 14 เมืองและจังหวัดทั่วเกาหลีใต้
รากความขัดแย้งเรื่องระบบตำราเรียนตั้งแต่สมัยเผด็จการปัก จุงฮี
อนึ่ง ความขัดแย้งเรื่องระบบตำราเรียนเกิดขึ้นมานานในเกาหลีใต้ โดยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 ในสมัยรัฐบาลเผด็จการ ปัก จุงฮี (Park Chung-hee) บิดาของปัก กึนเฮ ประธานาธิบดีปัจจุบัน โดยปัก จุงฮี มุ่งที่จะใช้ตำราเรียนประวัติศาสตร์แบบที่รัฐเป็นผู้แต่งหนังสือ และยกเลิกระบบตำราเรียนก่อนหน้านี้ที่อนุญาตให้มีผู้แต่งตำราเรียนเอกชนหลายราย โดยแผนดังกล่าวถูกบังคับใช้ท่ามกลางเสียงคัดค้านแข็งขันของนักประวัติศาสตร์
ต่อมาใน พ.ศ. 2537 นักวิชาการทั้งสายอนุรักษ์นิยม และเสรีนิยมในเกาหลีใต้ ถกเถียงกันอย่างหนักในเรื่องมาตรฐานของรัฐบาลต่อการเขียนตำราเรียนทางประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะหัวข้อประวัติศาสตร์สมัยใหม่ โดยการถกเถียงเริ่มต้นเมื่อสมาชิกรัฐสภาสายอนุรักษ์นิยมอ้างว่า ในตำราเรียนประวัติศาสตร์มีการบรรจุมุมมองฝ่ายซ้ายในช่วงที่สำคัญของประวัติศาสตร์เกาหลีสมัยใหม่ เช่น ช่วงสงครามเกาหลี พ.ศ. 2493 -2496 และช่วงการต่อสู้ของประชาชนบนเกาะเจจู ทางตอนใต้ของเกาหลีเมื่อ 3 เมษายน พ.ศ. 2491
เกาหลีใต้ปฏิรูประบบตำราเรียนสมัยรัฐบาลเสรีนิยม ให้เอกชนผลิตตำราเรียนประวัติศาสตร์
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังมีอำนาจในการออกตำราเรียนประวัติศาสตร์เป็นเวลากว่า 30 ปี นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517 จนกระทั่งรัฐบาลเสรีนิยมนำโดยประธานาธิบดีโน มูฮุน (ดำรงตำแหน่ง กุมภาพันธ์ 2546 - กุมภาพันธ์ 2551) ได้ยกเลิกระบบนี้ และอนุญาตให้สำนักพิมพ์เอกชนพิมพ์ตำราเรียนสำหรับใช้ในโรงเรียนระดับมัธยม โดยหน่วยงานรัฐบาลทำหน้าที่เป็นเพียงผู้อนุมัติตำราเรียน
ทั้งนี้โรงเรียนระดับมัธยมในเกาหลีใต้ ได้รับอนุญาตให้เลือกใช้ตำราเรียนประวัติศาสตร์ในชั้นเรียน 8 ฉบับ ตามที่พิมพ์โดยสำนักพิมพ์เอกชน ส่วนโรงเรียนระดับประถมในเกาหลีใต้ยังใช้ระบบตำราเรียนแบบรัฐบาลมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489
ทั้งนี้รัฐบาลเกาหลีใต้ปัจจุบันซึ่งนำโดยปัก กึนเฮ พยายามที่จะเปลี่ยนระบบตำราเรียนประวัติศาสตร์ โดยยกเหตุผลว่าจำเป็นต้องสร้างความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์ ในประเทศที่ประชาชนถูกแบ่งแยกด้วยอุดมการณ์ทางการเมือง ขณะที่ฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลกำลังท้าทายประชาธิปไตย
นอกจากแถลงการณ์คัดค้านโดยนักวิชาการประวัติศาสตร์แล้ว ในรายงานของยอนฮัป ระบุด้วยว่า แผนการเปลี่ยนไปใช้ระบบตำราเรียนประวัติศาสตร์ฉบับเดียว ยังถูกโจมตีจากบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ด้านรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการเกาหลีกล่าวว่ากำลังตรวจสอบว่าจะเลือกวิธีการใดเพื่อปรับปรุงตำราเรียนประวัติศาสตร์ระดับมัธยมศึกษา ระหว่างปรับปรุงระบบปัจจุบัน หรือเปลี่ยนระบบไปใช้ระบบที่รัฐดูแลการพิมพ์ตำราเรียน
ที่มา: แปลและเรียบเรียงจาก
Rival parties at odds over history textbook, Arirang 2015-10-12 22:27:25 KST http://www.arirang.com/News/News_View.asp?nseq=184173
S. Korea locked in history textbook dispute, Shin Sun-ah, Yonhap, 15 Sept 2015 http://english.yonhapnews.co.kr/national/2015/09/15/85/0302000000AEN20150915004500315F.html
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)