Skip to main content
sharethis

12 ต.ค. 2558 เคท ครั้งพิบูลย์ เดินทางมายังศาลปกครอง เพื่อยื่นฟ้อง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้ถูกฟ้องที่1 และคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย (ก.บ.ม.) เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 2 หลังตนผ่านการคัดเลือกเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์ คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ซึ่งหลังจากที่ยื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อมติของคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย(ก.บ.ม.) และมีมติ ไม่เห็นชอบจ้าง ตนเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย โดยแจ้งเหตุผลว่า “มีพฤติกรรมการแสดงออกด้วยการใช้ถ้อยคำผ่านสื่อสาธารณะในลักษณะที่ไม่เหมาะสม และส่งผลต่อภาพลักษณ์ของการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย" และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็ยืนยันตามมติเดิมว่า ไม่จ้างตนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย

โดย เคท ฟ้องต่อ มธ. และ ก.บ.ม. ในข้อหาใช้ดุลยพินิจโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง จากกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีมีมติไม่เห็นชอบให้ว่าจ้าง เคท เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยในตำแหน่งอาจารย์คณะสังคมศาสตร์ ทั้งที่สอบผ่านข้อเขียนและสัมภาษณ์ โดยอ้างกรณีที่ เคท ได้โพสต์ภาพลิปสติกที่มีลักษณะคล้ายอวัยวะเพศชายผ่านสื่อออนไลน์ จึงเห็นว่ามีพฤติกรรมการแสดงออกด้วยการใช้ถ้อยคำผ่านสื่อสาธารณะในลักษณะที่ไม่เหมาะสม และส่งผลต่อภาพลักษณ์ของการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย โดยในคำฟ้องได้ระบุว่าภาพลิปสติกดังกล่าวเป็นของฝากจากประเทศญี่ปุ่น เป็นการโพสต์เพื่อขอบคุณผู้ที่ซื้อฝากและเป็นการสื่อถึงเรื่องเพศวิถี และตามปกติ เคท เป็นผู้ที่ใช้สื่อออนไลน์ในการให้ข้อมูลเรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน ความหลากหลายทางเพศวิถี เพศสภาพ เพราะมีประสบการณ์ทำงานวิชาการในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นจึงเห็นว่าผู้ถูกฟ้องคดีมีทัศนคติเรื่องเพศที่ตายตัว มองความหลากหลายทางเพศเป็นเรื่องผิดปกติ รวมทั้งการที่ผู้ถูกฟ้องคดีนำสื่อออนไลน์มาเป็นดุลยพินิจในการพิจารณานั้น ถือเป็นครั้งแรกและครั้งเดียว เป็นการเลือกปฏิบัติ

จึงขอให้ศาลปกครองสั่งเพิกถอนมติ ก.บ.ม. ครั้งที่ 5/2558 เมื่อวันที่ 2 มี.ค.2558 และมติ ก.บ.ม. ครั้งที่ 10/2558 เมื่อวันที่ 22 มิ.ย.2558 ที่มีมติไม่เห็นชอบจ้าง เคท เป็นอาจารย์ และให้ศาลสั่งให้ ก.บ.ม.รับนายเคท เป็นอาจารย์ คณะสังคมศาสตร์ พร้อมให้ทางมหาวิทยาลัยชดใช้ค่าสินไหมแก่นายเคท เป็นเงิน 363,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น รวมทั้งให้ชดใช้ค่าเสียโอกาสแก่ เคท ในอัตราเดือนละ 23,700 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่า ก.บ.ม.จะรับ เคท เป็นอาจารย์ในคณะดังกล่าว

นอกจากนี้ นคร ชมพูชาติ ทนายความ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญต้องสอดคล้องกฎหมาย(พ.ร.บ.ความเท่าเทียมทางเพศ ) ออกมาแล้ว โดยกฎหมายใหญ่จะต้องเป็นภาพกว้างขึ้น แต่ในคดีนี้เรื่องการตรวจสอบแนวคิดการวินิจฉัยการใช้ดุลยพินิจรับคนเข้าทำงาน โดยการตรวจสอบครั้งนี้เพื่อให้เห็นเหตุผลชัดเจนขึ้น แม้มหาวิทยาลัยจะมีการอ้างหลักพิจารณาต่างๆ ซึ่งต้องมองเรื่องทางเพศวิถีด้วยในการประกอบการพิจารณาด้วย ตนหวังให้ศาลปกครองช่วยทำให้สังคมเห็นถึงความซับซ้อนต่างๆ

อย่างไรก็ตามตนมั่นใจในการใช้ดุลพินิจและการตรวจสอบของศาลปกครองที่จะสามารถดูรายละเอียดหลักเกณฑ์ที่ถูกต้องและหวังว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะให้ข้อมูลแก่ศาลด้วย ส่วนการบังคับใช้พ.ร.บ.ความเท่าเทียมทางเพศ นั้น นายนคร ระบุ ต้องดูรายละเอียดว่าใครรับผิดชอบกฎหมายนี้และจะมีขั้นตอนการปฏิบัติ มีกรอบการดำเนินการอย่างไร เพราะกฎหมายเป็นเพียงฐาน แต่ก็อยู่ที่การนำไปใช้ด้วย

 

ที่มา : มติชนออนไลน์และเดลินิวส์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net