1 ต.ค. 2558 พล.ร.อ.ณะ  อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีประดับเครื่องหมายยศพร้อมทั้งประกอบพิธีถวายสักการะและบวงสรวงสังเวยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในพื้นที่พระราชวังเดิม เขตบางกอกใหญ่ และพื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร

พล.ร.อ.ณะ กล่าวถึงนโยบายในการทำงานว่ามาตรการเร่งด่วน คือ การสนับสนุนการแก้ปัญหาให้กับรัฐบาลและประเทศชาติ ในส่วนของการพัฒนาศักยภาพกองทัพเรือนั้น จะผลักดันให้ทุกหน่วยบูรณาการในเรื่องการใช้ทรัพยากรและเครื่องมือต่างๆ ให้สามารถเดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะไม่ทิ้งนโยบายของผู้บัญชาการทหารเรือคนเก่า แต่จะนำมาปรับแนวทางดำเนินการบางอย่าง รวมทั้งกำหนดเป้าหมายในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว จนถึงปี 2567 เพื่อบรรลุเป้าหมายของกองทัพเรืออย่างเป็นระบบ

“ผมจะทำหน้าที่บัญชาการทหารเรือด้วยความยึดมั่นในหลักคุณธรรมจริยธรรม ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจและกำลังสติปัญญาเพื่อพัฒนากองทัพเรืออย่างเต็มกำลังความสามารถ อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนการพัฒนากองทัพเรือ จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือร่วมใจจากทุกคนและกำลังพลทุกระดับ ผมเข้าใจว่าทุกคนมีเพื่อน มีพี่ มีน้อง มีพรรคพวก มีผู้มีพระคุณและทุกคนมีอุดมการณ์ มีความคิดเห็นที่แตกต่าง หลากหลาย แต่มั่นใจว่าทุกคนมีสิ่งที่เหมือนกัน คือหัวใจที่ทุ่มเทให้กับกองทัพเรือ ขอให้ทุกคนลดละอัตตา ความเป็นตัวตนลงมา ร่วมมือร่วมใจปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจและเสียสละ เพื่อพัฒนากองทัพเรือร่วมกัน หากทุกคนร่วมมือ เชื่อมั่นว่ากองทัพเรือไทยเจริญรุ่งเรื่องก้าวหน้าในสมัยของพวกเราทุกคน” พล.ร.อ.ณะ กล่าว

ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวถึงการเสริมศักยภาพและยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือ ว่า เรือดำน้ำถือเป็นยุทโธปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับกองทัพเรือและเป็นประโยชน์ประเทศไทย แต่ขณะนี้ยังมีปัญหา ด้วยสภาวะของเศรษฐกิจที่มีข้อจำกัดหลายด้าน เนื่องจากรัฐบาลจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือประชาชนทุกภาคส่วน สามารถชะลอหรือทบทวนการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปก่อน และฝึกกำลังพลให้มีความเชี่ยวชาญเพิ่มเติมได้ ซึ่งจะเป็นโอกาสในการปรับปรุงเสริมสร้างความรู้ให้กับกำลังพล รวมทั้งปรับปรุงการบริหารจัดการยุทธวิธีให้การปฏิบัติงานภายใต้ขีดจำกัดทางด้านงบประมาณมีประสิทธิภาพเท่าเดิม ซึ่งความตั้งใจในการดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือในช่วง 2 ปีนี้ ให้กองทัพเรือเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้และถ่ายทอดต่อไปในแต่ละยุคอย่างเป็นระบบ

ที่มา : กองประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ, สำนักข่าวไทย และ ไทยรัฐออนไลน์