Skip to main content
sharethis

จากหมายจับ ‘อ๊อด พยุงวงศ์’ ผู้ต้องหาร่วมก่อเหตุระเบิดราชประสงค์ ผบช.น.ยันโยงระเบิดปี 53,57 อ้างประวัติการ์ด นปช. ถูกดำเนินคดี พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 53 ผบ.ตร. เร่งสอบประวัติอ๊อด หลังกระแสข่าวดีเอสไอไม่เคยออกหมายจับระเบิดสมานฯ ด้านตู่-เต้นยันไม่รู้จัก ข้องใจเหตุไร้เลข 13 หลัก ทั้งที่อ้างเคยถูกดำเนินคดี

29 ก.ย. 2558  สำนักข่าวไทย รายงานว่า พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวถึงการออกหมายจับนายยงยุทธ พบแก้ว หรือ อ๊อด พยุงวงศ์ 1 ใน 17 ผู้ต้องหาร่วมกันก่อเหตุวางระเบิดใกล้สี่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ซึ่งถูกระบุว่าเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่สมานเมตตา แมนชั่น จังหวัดนนทบุรี ปี 2553 และระเบิดในพื้นที่มีนบุรี เมื่อปี 2557 ว่าการสอบสวนของตำรวจมีพยานหลักฐานชัดเจนจนสามารถขออนุมัติหมายจับจากศาลทหารได้

สำหรับนายอ๊อด ประวัติเป็นการ์ด นปช.ที่ถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เมื่อปี 2553 มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือและอีกหลายที่ เช่น สระบุรี ซึ่งตำรวจจะต้องติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป กรณีผู้ต้องหารายนี้ไม่มีเลขประจำตัวประชาชน 13 หลักนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏขึ้นแล้ว คดีนี้จนจะได้ทำต่อหรือใหม่หลังจากโยกย้ายไปรับตำแหน่งใหม่ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ตัดสินใจ แต่คดีความมั่นคงอื่นๆ ที่ตนร่วมเป็นพนักงานสอบสวนจะพ้นความรับผิดชอบไปแน่นอน ขอยืนยันว่าการทำหน้าที่ที่ผ่านมา ยึดประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ ไม่มีเจตนากลั่นแกล้งผู้ใด

ผบ.ตร. เร่งสอบประวัติอ๊อด

นอกจากนี้วันเดียวกัน สำนักข่าวไทย ยังรายงานด้วยว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ขอตรวจสอบข้อมูลกรณีมีกระแสข่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ไม่เคยออกหมายจับนายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือ ยงยุทธ พบแก้ว ผู้ต้องหาคดีระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทร ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ซึ่งอาจขัดแย้งกับข้อมูลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ชี้แจงต่อสื่อมวลชนก่อนหน้านี้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่มีการนำเสนอเป็นข้อมูลจากพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลเป็นผู้จัดทำ ซึ่งจะต้องสอบถามพล.ต.ท.ศรีวราห์ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลอีกครั้ง ส่วนคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงส่วนใหญ่จะถูกส่งให้ดีเอสไอนั้นคงไม่ใช่ทุกเรื่อง โดยเฉพาะคดีระเบิดจะแบ่งหน้าที่กันทำตามที่ได้มอบหมายให้รับผิดชอบ หากรายงานมาอย่างไรก็เป็นไปตามนั้น

ตู่-เต้น ยันไม่รู้จักอ๊อด ข้องใจเหตุไร้เลขบัตรประชาชน 13 หลัก

ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘Jatuporn Prompan - จตุพร พรหมพันธุ์’ ว่า พล.ต.อ.สมยศ มีการอธิบายความว่ากระบวนการระเบิดนี้มีส่วนโยงใยเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ และเกี่ยวข้องทางการเมือง และเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ระเบิดที่มีนบุรีและสมานเมตตาแมนชั่นที่บางบัวทอง โดยมีการระบุแนวทางการสอบสวนและหลักฐานจากกล้องวงจรปิด และเทคนิคสืบสวนด้วยอุปกรณ์พิเศษ ผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานบุคคล จนจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 2 คน และมีการออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องอีก 17 คน โดยมีชาวไทย 2 คน หนึ่งในนั้นคือ นายอ๊อด หรือนายยงยุทธ์ พบแก้ว โดยเชื่อมโยงว่านายอ๊อดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง จึงไม่สามารถตัดประเด็นการเมืองทิ้งได้ โดยนายอ๊อดเคยถูกจับกุมคดีฝ่าฝืน พรบ.มั่นคงเมื่อปี 2553 และขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัว แต่ไม่สามารถระบุตัวได้เพราะไม่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก

“ผมขอเรียนไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติและ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งผลการแถลงข่าวเมื่อวานนี้นั้น ผลลัพธ์สุดท้ายใครก็อ่านกันได้ว่า กำลังจะเลี้ยวมาที่ "คนเสื้อแดง" ผมเองเห็นว่า สองวันสุดท้ายของอายุราชการของ ผบ.ตร.นั้นกำลังจะสร้างปัญหาในอนาคต ผมไม่ได้เกี่ยวอะไรกับใคร จะนายอ๊อดหรือนายยงยุทธ์ ผมก็ไม่เคยรู้จัก แต่เรื่องนี้ต่อให้ไม่ใช่นักกฎหมายก็ต้องทราบกันดีว่า นายอ๊อดเคยต้องคำพิพากษามาแล้ว แน่นอนที่สุดครับ แปลว่าถูกจับกุมได้แล้ว เป็นไปได้ไหมครับ ที่จะไม่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก เพราะเลขนี้จะติดตัวไปจนตายไม่ว่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรก็ตาม”

เช่นเดียวกับ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในลักษณะสาธารณะถึงประเด็นนี้ด้วยว่า ตนเอาใจช่วยทุกฝ่ายในการคลี่คลายคดีระเบิดราชประสงค์ จึงอยากเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่ตามความต้องการของผู้มีอำนาจ ข้อมูลในสื่อก่อนหน้านี้บ่งชี้ว่าน่าจะมีมูลเหตุจากการส่งผู้อพยพชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน แม้แต่ตัว ผบ.ตร. ก็เคยให้สัมภาษณ์ แต่อยู่ๆ ก็ลุกขึ้นมาชี้ว่ามีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้อง โดยมีชื่อนายอ๊อด ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ต้องหาอาญาหลายคดีเป็นตัวเชื่อมสำคัญ ทั้งที่ตำรวจไม่มีแม้แต่ข้อมูลเลข 13 หลัก

ณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ถ้าบอกว่าแรงจูงใจเกิดจากขบวนการค้ามนุษย์ถูกทำลายก็แปลกใจว่าทำไมคนพวกนี้ความรู้สึกช้า เพราะชาวอุยกูร์กลุ่มนี้ถูกควบคุมตัวตั้งแต่ต้นปี 2557 สมัยรัฐบาลที่แล้ว แต่ข้อเท็จจริงคือสถานการณ์ร้อนแรงขึ้นตั้งแต่รัฐบาลปัจจุบันส่งตัวชาวอุยกูร์กลับประเทศจีน และไม่น่าเป็นไปได้ที่ขบวนการค้ามนุษย์ที่หวังผลประโยชน์เป็นตัวเงินจะมีปฏิบัติการในลักษณะการก่อการร้าย นอกจากมีแรงจูงใจที่สูงกว่าเช่นเรื่องเชื้อชาติ หรืออื่นๆ ที่ลึกกว่านั้น

“ส่วนตัวผมไม่รู้จักนายอ๊อดที่ถูกกล่าวหามาก่อน แต่พอรู้จักนายอ๊อดอีกคนคือพล.ต.อ.สมยศ เข้าใจว่าท่านต้องดูทิศทางลมเนื่องจากคนในรัฐบาลตั้งธงตั้งแต่คืนเกิดเหตุว่าเป็นเรื่องการเมืองแต่อยากบอกว่าการทำเรื่องนี้เป็นที่จับตามองไปทั่วโลก แม้ขณะนี้ยังไม่มีคนกลุ่มไหนเสียหายแต่ประเทศไทยจะเสียหายหนักถ้ากระบวนการคลี่คลายความจริงไม่ได้มาตรฐาน ผมภาวนาให้ตำรวจตามจับตัวคนร้ายได้ทั้งขบวนการ ไม่ใช่ประชาชนจับพิรุธได้ทั้งกระบวนการ” ณัฐวุฒิ กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net