Skip to main content
sharethis

22 ก.ย. 2558 Transborder News รายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 7.30 น. เครือข่ายประชาชนที่คัดค้านเหมืองแร่ทองคำในนาม เครือข่ายประชาคมสังคมปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ (ปปท.) จำนวนกว่า 700 คน เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลฝั่งอาคารสำนักงานข้าราชการพลเรือน (กพ.) เพื่อเปิดโต๊ะลงทะเบียนคัดค้านเหมืองแร่ทองคำเพิ่มเติม พร้อมทั้งเตรียมยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ยุตินโยบายสำรวจและสัมปทานเหมืองแร่ทองคำและระงับการทำเหมืองแร่ทองคำทุกแห่ง รวมทั้งทบทวนร่างพระราชบัญญัติแร่ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม

ทั้งนี้บรรยากาศช่วงเช้านอกจากการถือป้ายคัดค้านเหมืองแล้ว ยังมีการแสดงศิลปะ และชาวบ้านในหลายพื้นที่ได้ผลัดกันปราศรัยคัดค้านเหมืองทอง และนำรายชื่อทั่วประเทศมาส่งเพิ่มให้ตัวแทน ปปท. ด้วย ขณะเดียวกันยังคงมีประชาชนบางส่วนทยอยลงชื่อคัดค้านต่อเนื่อง

สำนักข่าวไทย รายงานด้วยว่า วันเพ็ญ พรมรังสรรค์ แกนนำกลุ่มชาวบ้าน จังหวัดสระบุรี กล่าวว่า กลุ่มชาวบ้าน 12 จังหวัดรวมตัวกันลงรายชื่อ 27,500 ราย รวมตัวในนาม ปปท. เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีขอให้ยกเลิกร่างประกาศการสำรวจและทำเหมืองแร่ทองคำ ครอบคลุมพื้นที่ 37 จังหวัด เช่น พิจิตร พิษณุโลก เลย ระยอง จันทบุรี ตราด สตูล บนเนื้อที่ 1 ล้านไร่ เนื่องจากเห็นว่าการให้สัมปทานเหมืองทองคำมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตทำลายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีสารตกค้างส่งผลกระทบต่อการดำรงชีพของชาวบ้านในพื้นที่

มณี อุ่ยประเสริฐ ตัวแทนจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นพื้นที่หนึ่งที่จะถูกสัมปทานเหมืองทองคำ กล่าวว่าติดตามเหมืองแร่มาโดยตลอด โดยลงชื่อคัดค้านเหมืองตั้งแต่ยังเป็นเหมืองอัคราไมนิ่ง ปกติทำอาชีพออแกนิกอยู่แล้ว อย่างไรก็ไม่เอาสารเคมี และไม่ยอมรับการทำอุตสาหกรรมที่หนัก ทำลายเกษตรอินทรีย์ ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องของเครือข่ายประชาสังคมเพื่อการปฏิรูปทรัพยากรและทองคำ (ปปท.) ขอให้รัฐบาลพิจารณาดำเนินการดังนี้

1. ขอให้ยุตินโยบายสำรวจและสัมปทานเหมืองแร่ทองคำและระงับการทำเหมืองแร่ทองคำทุกแห่ง ยกเลิกการประทานบัตร อาชญาบัตร และอาชญาบัตรพิเศษ และคำขออาชญาบัตรสำรวจแร่ทองคำ โดยทันที

2. ขอให้ทำการตรวจและรักษาสุขภาพของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบทุกด้านอย่างละเอียดในทันที และชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้วกับประชาชนและสิ่งแวดล้อมทั้งหมด โดยหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นกลาง และให้พิจารณาต้นทุนที่ผลักภาระให้กับสังคมทั้งหมดจากการทำเหมืองแร่ทองคำ โดยให้เป็นภาระต้นทุน ค่าใช้จ่ายและความรับผิดชอบของผู้ประกอบการในการทำเหมืองแร่ทองคำทั้งหมด โดยปราศจากมลพิษและต้องให้มีส่วนร่วมของประชาชนทุกขั้นตอน

3. ขอให้ยกเลิกกระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แร่ พศ.2510 และยกเลิกร่าง พ.ร.บ. แร่ที่อยู่ระหว่างหรือผ่านความเห็นชอบของสำนักงานกฤษฎีกาหรือผ่านความเห็นชอบของจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)ทุกฉบับ เพราะมีช่องโหว่ของกฎหมายมากมาย ก่อให้เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวง และไม่สร้างประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ประเทศชาติ อีกทั้งมามาซึ่งความเสี่ยงของการทำลายทรัพยากรน้ำ ดิน ป่า และสุขภาวะชุมชนด้วย จึงต้องการให้มีการยกร่างใหม่ที่ปลอดภัยและมีความยั่งยืนต่อผลผลิตการเกษตรของประเทศไทย ภายใต้การมีส่วนร่วมของประชาชน

4. ในระหว่างที่กำลังจะมีการปิดเหมืองทองคำ หรือปิดเหมืองทองคำแล้ว หากมีประชาชนได้รับผลกระทบต่อสุขภาพและต้องวิถีชีวิตจะต้องได้รับการเยียวยาโดยทันที และกรณีที่ประชาชนได้รับผลกระทบจนต้องมีการอพยพ เพื่อให้มีหลักประกันว่าประชาชนไม่ถูกหลอกจากกลุ่มทุนเหมืองทองคำ และปกป้องผู้ฉกฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวบนความเดือดร้อนของประชาชน ขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งการเป็นนโยบายให้ดำเนินการบริหารจัดการและจัดงบประมาณให้มีการอพยพในเงื่อนไขที่ประชาชนต้องการ อย่างเป็นธรรม โดยออกคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษร ส่วนพื้นที่ที่ประชาชนย้ายออกไปนั้นต้องสงวนสิทธิ์ให้เป็นของประชาชนเช่นเดิม ห้ามรัฐบาล เหมือง หรือกลุ่มทุนอื่นครอบครองพื้นที่ดังกล่าว

5. ขอให้กำหนดแผนฟื้นฟูทรัพยากรดิน น้ำ ป่า รอบๆเหมืองทองคำ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน

รมว.อุตฯ ศึกษาผลดีผลเสียเหมืองทองคำ ก่อนเดินหน้าหรือยุติ

โดยวานนี้(21 ก.ย.58) สำนักข่าวไทย รายงานความเห็นของ อรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ถึงกรณีดังกล่าว โดย อรรชกา ระบุว่าได้สั่งการให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) ศึกษาข้อมูลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ผลดีผลเสียก่อนเปิดสัมปทานเหมืองทองคำใน 12 จังหวัด เนื่องจากขณะนี้มีกระแสคัดค้าน โดยไม่ยืนยันว่าจะยุติการให้สัมปทานเหมืองทองคำหรือไม่

สำหรับการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชนเรื่องเหมืองทองคำ ขณะนี้ต้องยกเลิกไปก่อน ยืนยันจะรับฟังข้อมูลจากทุกภาคส่วนอย่างรอบด้านทั้งภาคประชาชน องค์กรพัฒนาเอกชน และผู้ประกอบการ ส่วนความคืบหน้าการแก้ไข พ.ร.บ.เหมืองแร่ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกฤษฎีกา

 

ที่มาภาพประกอบ Transborder News 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net