Skip to main content
sharethis
บอร์ดค่าจ้างยังไม่เคาะค่าจ้างขั้นต่ำ 2559 รอผลการวิจัยนิด้า คาดพิจารณาได้ปลายปี 2558
 
นายนคร ศิลปอาชา ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง(บอร์ดค่าจ้าง) ประจำเดือนกันยายน 2558 ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงกรณีที่คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.)ขอเข้าร่วมประชุมบอร์ดค่าจ้างและบอร์ดค่าจ้างมีมติไม่ให้ คสรท.เข้าร่วมประชุม เพราะเกรงว่าจะผิดกฎหมาย
 
ส่วนการพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2559 นั้น ต้องรอพิจารณาสภาวะเศรษฐกิจและรอพิจารณาผลการวิจัยของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ว่าจะได้ข้อยุติอย่างไร รวมไปถึงต้องรอให้ ม.ล.ปุณฑริก สมิติ อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน(กพร.) ปลัดกระทรวงแรงงานคนถัดไปมาร่วมพิจารณา คาดว่าจะเป็นช่วงปลายปีนี้ 
 
นอกจากนั้นที่ประชุมยังเสนอให้ กพร.ออกประกาศให้ชัดเจนว่าอาชีพ/สาขาที่ได้รับอัตราค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงานจำนวน 20 สาขา ต้องมีใบรับรองความรู้สามารถจึงจะสามารถทำงานได้ มิเช่นนั้นแม้จะมีอัตราค่าจ้างตามมาตรฐาน
 
แต่ไม่มีข้อบังคับนายจ้างก็ยังคงจ้างแรงงานในอัตราค่าจ้างที่ต่ำกว่ากำหนด และแรงงานก็จะไม่พัฒนาตนเองให้ได้ค่าจ้างที่สูงขึ้นและที่ประชุมยังได้กำชับให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน(กสร.)เฝ้าระวังสถานการณ์การเลิกจ้างอย่างใกล้ชิดเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจของไทยยังไม่ดีขึ้น รวมไปถึงยอดการส่งออกสินค้าลดลง
 
(มติชนออนไลน์, 10/8/2558)
 
ประกาศนโยบายปฏิรูปอาชีวศึกษา วาง 16 ประเด็นขับเคลื่อน
 
ดร.ชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.) กล่าวระหว่างมอบนโยบายที่ประชุมผู้บริหารสถานศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ทั่วประเทศ ตอนหนึ่งว่า การดำเนินงานในปีงบประมาณ 2559 ของ สอศ. จะยึดกรอบ "เร่งเดินหน้าปฏิรูปการอาชีวศึกษา ธำรงรักษาธรรมาภิบาล" ซึ่งเป็นการผนวกกรอบนโยบายของนายกรัฐมนตรี ประเด็นเชิงนโยบายของ รมว.ศึกษาธิการ กับแผนงบประมาณที่ สอศ.ได้รับมาเข้าด้วยกัน และจะมีการกำหนดเป้าหมายให้ดำเนินการเห็นผลชัดเจนภายในเดือนกันยายน 2559 โดยจะมีการประเมินผลเป็นระยะๆ
 
ทั้งนี้ ในส่วนแนวทางการเดินหน้าปฏิรูปอาชีวศึกษามี 16 ประเด็น อาทิ ให้เด็กเข้าสู่การเรียนอาชีวศึกษามากขึ้น พร้อมทั้งขยายกลุ่มเป้าหมายผู้เรียนโดยจัดอบรมสาขาอาชีพที่ขาดแคลนให้แก่กำลังแรงงาน  1 ล้านคน, เพิ่มความร่วมมือกับสถานประ กอบการในการจัดทวิภาคี, ลดการทะเลาะวิวาทโดยใช้การเรียนระบบทวิภาคีในวิทยาลัยกลุ่มเสี่ยง 27 แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เตรียมอาชีวศึกษา, ให้สถานศึกษาอาชีวศึกษามีความเป็นเลิศเฉพาะด้าน, อาชีวะมาตรฐานสากล โดยร่วมมือพัฒนาการสอนอาชีวศึกษาทั้งระบบกับ 7 ประเทศ อาทิ จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี อิสราเอล สิงคโปร์ อังกฤษ และเดนมาร์ก พร้อมนำมาตรฐานนานาชาติมาประเมินสถานศึกษา, และนำอาชีวศึกษาเข้าสู่อาเซียน โดยใช้เครือข่ายสมาพันธ์อาชีวศึกษาตามข้อตกลงจากการประชุม SEA TVET และเน้นการสร้างโอกาสการเรียนอาชีวศึกษาในภาคใต้ให้มากขึ้น โดยสอนอาชีพคู่กับการเรียนศาสนา และยกระดับการใช้ภาษาอังกฤษของเด็กอาชีวะ เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อเดินหน้าการปฏิรูปอาชีวศึกษา ทาง สอศ.ได้ตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปฯ และศูนย์ปฏิบัติการอาชีวศึกษาขึ้น โดยสนับสนุนและติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิด
 
(ไทยโพสต์, 10/9/2558)
 
เผยภาวการณ์จ้างงานระบบประกันสังคมมาตรา 33 ขยายตัวร้อยละ 2.89
 
นายนคร ศิลปอาชา ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 19 ครั้งที่ 7/2558 ว่า ที่ประชุมได้รายงานสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและแรงงานเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2558 ทั้งนี้ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมยังชะลอตัว มีเพียงภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของภาครัฐที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออกสินค้าโดยรวมยังคงซบเซาจากความต้องการสินค้าจากประเทศคู่ค้าที่ชะลอตัว ส่วนการบริโภคภาคเอกชนลดลงสอดคล้องกับรายได้ที่ยังไม่ดีขึ้น และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ต่ำลง รวมทั้งอุปสงค์ที่อ่อนแอทั้งในและต่างประเทศที่กระทบความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจและการส่งออก นอกจากนี้ ด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ เมื่อพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อยังคงดีอยู่ อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง
 
สำหรับภาวการณ์จ้างงานในระบบประกันสังคมมาตรา 33 ยังคงขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.89 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนสถานการณ์การเลิกจ้างต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเลิกจ้างอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 46.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ย 3 ปี ในช่วงเศรษฐกิจมีเสถียรภาพ ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 41.01 (ใช้ฐานข้อมูลปี 2548 - 2551) ในส่วนของกระทรวงแรงงานได้สั่งการให้ทุกจังหวัดได้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ด้านแรงงานโดยให้จับตาแนวโน้มและสัญญาณตัวเลขการปิดกิจการ การเลิกโรงงานและความเคลื่อนไหวด้านการจ้างงานของธุรกิจทุกขนาดในพื้นที่จังหวัดอย่างใกล้ชิด อันเนื่องมาจากภาวะอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นจากร้อย 0.8 เป็นร้อยละ 1
 
ทั้งนี้ แนวโน้มธุรกิจไทย ปี 2558 เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.8 ชะลอลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 3.0 ในไตรมาส 1 และคาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2558 จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.7 – 3.2 โดยมีปัจจัยสนับสนุนคือ การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐที่จะขยายตัวต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก การขยายตัวจำนวนนักท่องเที่ยวในอัตราที่สูง รวมทั้งการอ่อนค่าของเงินบาทและราคาน้ำมันรวมถึงเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำช่วยเพิ่มอำนาจการซื้อ แต่ยังมีข้อจำกัดของเศรษฐกิจโลกที่ต่ำสุดในรอบ 3 ปี ก็คือ การอ่อนค่าของสกุลเงินในประเทศคู่ค้าและคู่แข่ง รวมทั้งราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกที่ตกต่ำ และผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง
 
นอกจากนี้ ประเด็นที่สำคัญที่คาดว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดแรงงาน จากรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 2 ปี 2558 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เสนอประเด็นสำคัญที่คาดว่าจะมีผลกระทบต่อตลาดแรงงาน ในระยะต่อไป ได้แก่ รายได้ของลูกจ้าง แม้ค่าจ้างแรงงานภาคเอกชนในภาพรวมยังเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 และค่าจ้างแรงงานเอกชนที่หักเงินเฟ้อแล้วเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ประกอบกับการจ้างงานภาคนอกเกษตรยังเพิ่มขึ้น แต่การลดชั่วโมงการทำงานลงของผู้ประกอบการทำให้แรงงานบางกลุ่มมีรายได้เฉลี่ยลดลง ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีการติดตามตรวจสอบการจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายและอื่นๆ ตามสิทธิของลูกจ้าง และการหาตำแหน่งงานว่างเพื่อรองรับหากผู้ประกอบการไม่สามารถรับภาระได้จนทำให้มีการปรับลดแรงงาน รวมถึงการวางแนวทางเพิ่มทักษะแรงงานในระหว่างรอทำงาน และการเฝ้าระวังการเลิกจ้างแรงงาน จากผลกระทบการส่งออกที่ยังมีแนวโน้มลดลง และการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งนอกจากจะทำให้มีการเลิกจ้างในอุตสาหกรรมนั้นซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงแล้ว ยังส่งผลกระทบทางอ้อมต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรม SME
 
"ที่ประชุมได้ให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เฝ้าระวังการเลิกจ้าง เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ในภาวะทรงตัว ขณะที่ภาคธุรกิจส่งออกเริ่มได้รับผลกระทบ" ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าว
 
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้ให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการค่าจ้างประสานไปยังกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) พิจารณาออกประกาศให้ชัดเจนเกี่ยวกับช่างสาขาต่างๆที่มีการกำหนดเป็นมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ 20 สาขาว่าต้องมีใบรับรองความสามารถเพื่อให้รับค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน ซึ่งจะสนับสนุนช่างฝีมือที่ผ่านการรับรองมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ให้ได้รับค่าจ้างจากนายจ้างสอดคล้องตามอัตราค่าจ้างที่กฎหมายกำหนดต่อไป
 
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณากรณีคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) ยื่นข้อเรียกร้องขอเข้าร่วมประชุมบอร์ดค่าจ้างในการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ โดยที่ประชุมมีมติไม่เห็นชอบในเรื่องนี้ เพราะตามข้อกฎหมายคณะกรรมการค่าจ้างสามารถเชิญกลุ่มบุคคลมาให้ข้อมูลได้ แต่ไม่สามารถให้เข้ารับฟังการประชุมได้ ซึ่งในกรณี คสรท. หากมีข้อเสนอแนะก็สามารถที่จะส่งเป็นหนังสือให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการค่าจ้างได้ สำหรับการพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะปรับขึ้นหรือไม่ ยังไม่มีการพิจารณา โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปปลายปี 2558 เนื่องจากกำลังรอข้อมูลสรุปผลวิจัยเรื่องค่าจ้างลอยตัวของผศ.สุจิตรา ชำนิวิกรณ์ อาจารย์คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
 
(เว็บไซต์ประชาชาติธุรกิจ, 10/9/2558)
 
ปิดโรงกลั่นสุราชุมชน - ลูกจ้างตกงานเพียบ
 
จากกรณีที่ผู้ประกอบการโรงกลั่นสุราชุมชนทั่วประเทศกว่า 3,900 แห่ง รวมตัวเดินทางไปยื่นหนังสือกับศาลปกครองและหน่วยงานต่างๆ ที่กทม.ให้มีการชะลอการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อขอความเป็นธรรมหลังจากที่โรงงานกลุ่มสุราชุมชนในแต่ละพื้นที่กำลังถูกเพิกถอนใบประกอบการและเริ่มทยอยปิดกิจการ จนส่งผลกระทบให้กับแรงงานในชุมชนที่ต้องตกงานเป็นจำนวนมาก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
 
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงกลั่นสุราชุมชนในพื้นที่ ต.พุดซา อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งมีโรงกลั่นสุรากว่า 20 แห่ง พบว่า โรงกลั่นส่วนใหญ่ปิดการผลิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้อุปกรณ์ในการผลิตต่างๆ เช่น ขวดบรรจุสุรา สายพานลำเลียงขวด ลังบรรจุขวด และฉลากยี่ห้อสุรา ถูกกองทิ้งไว้ นอกจากนั้นยังทำให้บรรดาลูกจ้างไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้จ่ายในครอบครัว บางรายต้องไปหาหยิบยืมเงินจากเพื่อนบ้านหรือไปกู้เงินนอกระบบดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 20 มาใช้จ่ายในครอบครัว
 
 จากการสอบถามนางหมั่น หาญขุนทด อายุ 68 ปี ชาวจ.นครราชสีมา หนึ่งในลูกจ้างโรงกลั่นสุราเปิดเผยว่า ทำงานมากว่า 12 ปี ได้ค่าแรงวันละ 250-300 บาท เงินที่ได้มานั้นจะนำไปใช้จ่ายในครอบครัวและเลี้ยงลูกสาวที่พิการทางสมอง ตอนนี้รู้สึกเสียใจอย่างมากที่โรงกลั่นสุราชุมชนได้ปิดตัวลง ไม่รู้ว่าจะไปหางานที่ไหนทำ อายุก็มากแล้ว ต้องไปกู้เงินนอกระบบมาใช้จ่ายเพื่อให้อยู่รอดไปวันๆ อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือนายกรัฐมนตรีลงมาช่วยเหลือ เพื่อให้โรงกลั่นสุราชุมชนสามารถดำเนินการผลิตต่อไปได้
 
ด้านน.ส.สมภาร สมพลกรัง อายุ 53 ปี เปิดเผยว่า หลังจากที่ทราบข่าวว่า พรุ่งนี้ (11 ก.ย.) โรงกลั่นที่ตนทำงานมากว่า 11 ปีต้องปิดตัวลง ก็รู้สึกเสียใจและไม่รู้ว่าจะไปทำงานอะไร อยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือไม่ให้ปิดโรงกลั่นสุราชุมชนเพื่อช่วยเหลือลูกจ้างในพื้นที่ และขอให้ศาลปกครองคุ้มครองโรงกลั่นสุราชุมชนเพื่อที่จะให้มีงานทำ
 
(เว็บไซต์ข่าวสด, 10/9/2558)
 
บุรีรัมย์ลงนามความร่วมมือ มีงาน-มีเงิน-มีวุฒิการศึกษา
 
นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนผู้ประกอบการ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือการดำเนินงาน ตามโครงการ 3 ม. มีงาน มีเงิน มีวุฒิการศึกษาเพิ่ม ที่ห้องบุรีรายา วิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ โดยมีการลงนามความร่วมมือระหว่างสำนักงานจัดหางาน จ.บุรีรัมย์ วิทยาลัยเทคนิคบุรีรัมย์ บริษัท โตโยต้าบุรีรัมย์ จำกัด บริษัท โตโยต้าพนมรุ้ง จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด คิงส์ยนต์ ร่วมลงนามความร่วมมือในการร่วมดำเนินโครงการ
 
นายเสรีกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถานศึกษา ได้ร่วมมือในการร่วมกันแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานและเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา และประชาชนได้มีงานทำในสถานประกอบการ ควบคู่ไปกับการศึกษาในสถานศึกษา ทำให้มีรายได้ระหว่างการศึกษา และมีวุฒิการศึกษาเพิ่มขึ้น สถานประกอบการมีแรงงานช่วยปฏิบัติงาน และยังเป็นการผลิตแรงงานใหม่ได้ตรงตามความต้องการของการตลาดแรงงาน อันจะส่งผลให้เกิดการจ้างงานและลดอัตราการว่างงาน ทำให้ จ.บุรีรัมย์ เกิดความสันติสุข บนความพอเพียง เพื่ออนาคตลูกหลานชาวบุรีรัมย์ ครอบครัวเดียวกัน สายเลือดเดียวกัน
 
ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน จ.บุรีรัมย์ เป็นเมืองท่องเที่ยวด้านกีฬาอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้นนักศึกษาด้านสายอาชีพทุกสาขา จึงเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน จึงอยากฝากถึงสถานศึกษาอาชีวศึกษาใน จ.บุรีรัมย์ และสถานประกอบการ ร่วมกันหาวิธีผลิตและพัฒนาแรงงานให้มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับของตลาดแรงงานเพิ่มมากยิ่งๆ ขึ้น
 
(RYT9, 11/9/2558)
 
สหภาพจี้ผู้บริหาร ขสมก. เร่งจัดหารถเมล์-แก้ทุจริต
 
นายวีระพงษ์ วงศ์แหวน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) เปิดเผยภายหลังการเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาของ ขสมก.ให้นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม รับทราบว่า ได้เร่งรัด ขสมก.ตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่นและผลประโยชน์ทับซ้อนของพนักงานทุกตำแหน่ง เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าบางเขตการเดินรถมีการทุจริตเรื่องการจัดซื้ออะไหล่ แม้ว่าทาง ขสมก.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงแล้วแต่มีการใช้ระยะเวลานานกว่า ที่กำหนดจึงอยากให้มีการเร่งรัดกระบวนการสอบสวนและเร่งชี้แจงกรณีดังกล่าว เพื่อไม่ให้ภาพลักษณ์ของ ขสมก. เสียหาย
 
นอกจากนี้ยังได้มีการเสนอให้ขยายระยะเวลารถเมล์ฟรีเกณฑ์เดิมออกไปจากการที่จะหมดวาระในวันที่ 31 ต.ค. 2558 นี้เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาเรื่องค่าครองชีพในสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาและค่าครองชีพสูง และการจัดหารถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน ควรจะจัดหามาโดยเร็วหากไม่ติดปัญหาในเรื่องกระบวนการจัดหา เนื่องจากรถที่มีอยู่เดิมมีสภาพเก่าและชำรุดอย่างมาก
 
ด้านนางปราณี ศุกระศร รักษาการผู้อำนวยการ ขสมก.กล่าวว่า ได้สั่งการให้คณะกรรมการสอบสวนหาสาเหตุเรื่องการทุจริตจัดซื้อ อะไหล่ในเขตการเดินรถที่ 5 โดยเร็วและรอบคอบ เนื่องจากกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจ เอกสาร ส่วนเรื่องการจัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีทางอิเล็กทรอนิกส์ หากมีความคืบหน้าก็จะแจ้งให้ทราบในทันที
 
(แนวหน้า, 11/9/2558)
 
ฮิตขายแรงงาน “ไต้หวัน” เผยไปทำงาน “เกาหลีใต้” ถูกระงับเดินทางมากสุด
 
กรมจัดหางานเผย ส.ค. คนฮิตไปขายแรงงานต่างแดนถึง 7.6 พันคน นิยมไปในประเทศเอเชีย พบ “ไต้หวัน” มาแรง คนเลือกไปทำงานเกาหลีใต้ถูกระงับการเดินทางมากสุดถึง 199 คน เตือนศึกษาข้อมูลถ้วนถี่ก่อนถูกหลอก
       
นายสุเมธ มโหสถ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ช่วง ส.ค. ที่ผ่านมา มีคนงานไทยเดินทางไปทำงานในต่างประเทศผ่านด่านตรวจคนหางานสุวรรณภูมิ จำนวน 7,641 คน โดยนิยมเดินทางไปทำงานประเทศในเอเชียมากที่สุด จำนวน 4,966 คน ได้แก่ ไต้หวัน 2,512 คน เกาหลีใต้ 785 คน ญี่ปุ่น 594 คน และสิงคโปร์ 251 คน รองลงมาเป็นประเทศในตะวันออกกลาง 1,447 คน ประเทศในยุโรป 701 คน ประเทศในแอฟริกา 241 คน ประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ 205 คน และอื่น ๆ จำนวน 81 คน คนหางานถูกระงับการเดินทางไปเกาหลีใต้มากที่สุด จำนวน 199 คน รองลงมาได้แก่ บาห์เรน อินเดีย โอมาน จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไลบีเรีย และเวียดนาม
       
นายสุเมธ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ผู้ที่มีพฤติกรรมจะลักลอบไปทำงานในต่างประเทศ มักจะถูกชักชวน หลอกลวงจากสาย หรือนายหน้าให้เดินทางเข้าไปลักลอบทำงาน โดยอ้างรายได้ที่สูงเกินจริง ตลอดจนการอ้างประเทศใหม่ ๆ ที่คนหางานไม่รู้จัก หรือเป็นประเทศที่คนหางานไม่เคยไปทำงาน ทำให้ต้องการไปทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่เมื่อเดินทางไปแล้วมักจะไม่มีงานทำ และถูกลอยแพ หรือต้องอยู่อย่างหลบซ่อน และหลายรายต้องถูกจับกุม เนื่องจากการลักลอบทำงานเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ดังนั้น เพื่อป้องกันมิให้แรงงานไทยเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง กรมฯ จึงขอย้ำเตือนแรงงานไทยที่ประสงค์จะไปทำงานต่างประเทศ ควรตรวจสอบข้อมูล ศึกษาเงื่อนไขในสัญญาจ้างงานอย่างละเอียด โดยสัญญาจ้างงานจะต้องผ่านการรับรองจากสำนักงานแรงงานไทย หรือสถานทูต/สถานกงสุลไทยประจำประเทศนั้น ๆ
       
นอกจากนี้ ต้องทราบกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการจ้างงานในประเทศที่จะเดินทางไปทำงาน รวมทั้งที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ของสำนักงานแรงงานไทย หรือสถานทูต/สถานกงสุลไทยประจำประเทศนั้น ๆ เพื่อใช้ในการติดต่อขอความช่วยเหลือ หากมีข้อสงสัย หรือต้องการร้องทุกข์ ติดต่อได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักจัดหางานกรุงเทพเขตพื้นที่ 1 - 10 หรือที่กองตรวจและคุ้มครองคนหางาน กรมการจัดหางาน โทร. 0-2245-6763 หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694
 
(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 11/9/2558)
 
ลูกจ้าง สอศ. 5,586 คน เข้าสอบบรรจุครูผู้ช่วยกรณีพิเศษ ตรวจเข้มเลื่อนเวลาสอบ รับได้ 384 ตำแหน่ง
 
(13.ก.ย.) ที่ศูนย์ประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิตสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้จัดสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วย ดร.ชัยพฤกษ์เสรีรักษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมสนามสอบว่า การสอบครั้งนี้เป็นการสอบบรรจุครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษสังกัด สอศ.และในเขตพัฒนาเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยมีผู้เข้าสอบทั้งสิ้น 5,586 คนขาดสอบ 231 คนมีตำแหน่งรองรับ 384 ตำแหน่งจำแนกเป็นจังหวัดทั่วไปเข้าสอบ 5,554 คนมีตำแหน่งรองรับ 375 ตำแหน่งเขตพัฒนาเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าสอบ 32 คนมีตำแหน่งรองรับ 9 ตำแหน่ง  
 
"การสอบวันนี้ช่วงเช้าါเป็นการสอบ ภาค ก ความรอบรู้และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความประพฤติและการปฏิบัติของวิชาชีพครูและภาคบ่าย เป็นการสอบ ภาคข ความรู้และความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่งซึ่งในช่วงเช้าได้เลื่อนเวลาสอบออกไปเล็กน้อยเนื่องจากมีการตรวจผู้เข้าสอบอย่างเข้มงวดทั้งนี้ สอศ.จะตรวจและประกาศผลสอบข้อเขียนให้ได้ภายใน10วันและกำหนดวันสอบสัมภาษณ์ประเมินประวัติและผลงานอีกครั้งหนึ่งซึ่งจะบรรจุให้ได้ก่อนเปิดภาคเรียนที่2/2558โดยไม่มีการขึ้นบัญชีไว้หากมีตำแหน่งเหลือจะนำไปรวมกับการเปิดสอบบรรจุครูผู้ช่วยกรณีทั่วไปที่จะมีขึ้นในเดือนเมษายน 2559 และจะบรรจุก่อนเปิดภาคเรียนที่1/2559 ” เลขาธิการ กอศ.กล่าว และว่าสำหรับสาขาที่มีผู้สมัครมากที่สุดคือ สาขาช่างยนต์ สมัคร 882 คนรับ 50 คนช่างไฟฟ้ากำลัง สมัคร 539 คนรับ 35 คนช่างกลโรงงาน สมัคร 524 รับ 34 คนส่วนสาขาที่มีผู้สมัครน้อยเช่น ช่างกลการเกษตรสมัคร 5 คนรับ 1 คนเมคคาทรอนิกส์ สมัคร 3 คนรับ 1 คนเทคโนโลยีภูมิทัศน์ สมัคร 2 คนรับ 1 คนส่วนจังหวัดชายแดนภาคใต้มี 2 สาขาที่ไม่มีผู้มาสมัครคือ อาหารและโภชนาการ ,พืชศาสตร์และเกษตรกรรมอุตสาหกรรม
 
(เว็บไซต์เดลินิวส์, 13/9/2558)
 
'ILO' เตือน แรงงานเด็ก ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลไทย เสี่ยงบาดเจ็บสูง
 
องค์การแรงงานระหว่างประเทศเตือน แรงงานเด็กที่ต้องมาทำงานในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลไทย มีความเสี่ยงได้รับบาดเจ็บมากกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆถึง 2 เท่า เนื่องจากต้องอยู่ในสถานที่ทำงานที่สัมผัสกับไฟและแก๊สมากกว่า...
 
รายงานของ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization: ILO) และมูลนิธิเอเชีย (Asia Foundation) พบว่า มีแรงงานเด็กในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลไทยได้รับบาดเจ็บในที่ทำงาน 19.4% ในขณะที่มีแรงงานเด็กบาดเจ็บในอุตสาหกรรมอื่นราว 8.4%
 
โดย นายเมาริซิโอ บุสซี เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงาน ILO ในไทย, กัมพูชาและลาว กล่าวว่า "แรงงานเด็กเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อย่างแท้จริงในศตวรรษที่ 21 และน่าเสียดายที่ปัญหานี้ยังคงเป็นความท้าทายต่อระบบการจัดการตลาดแรงงาน ควบคู่ไปกับการขาดซึ่งทางเลือกอย่างเสรีสำหรับแรงงานด้อยโอกาสและครอบครัวของพวกเขา"
 
รายงานของ ILO ยังระบุคำแนะนำเอาไว้หลายข้อ รวมทั้งการเรียกร้องให้รัฐบาลไทยให้ความคุ้มครองแรงงานอย่างเท่าเทียม โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและสถานะทางกฎหมาย นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้ผู้ซื้อนานาชาติติดต่อกับผู้ผลิตสินค้าและวัตถุดิบ หรือซัพพลายเออร์ของพวกเขาโดยตรงมากขึ้น เผื่อว่าพวกเขาจะช่วยนำมาตรฐานสากล รวมทั้งมาตรฐานแรงงานไปปฏิบัติ
 
อีกด้านหนึ่ง กลุ่มสิทธิมนุษยชน 'ฮิวแมน ไรท์ วอตช์' ระบุในรายงานของพวกเขาว่า ชาวประมงจากกัมพูชาและเมียนมา ถูกลักลอบพาเข้าประเทศไทย และถูกบังคับให้ทำงานบนเรือประมง ขณะที่ลูกของชาวประมงเหล่านี้เป็นประชากรแรงงานเด็กส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลไทย
 
(ไทยรัฐออนไลน์, 14/9/2558)
 
สภาพัฒน์เผยแผนพัฒนา ศก. ฉบับ 12 เน้น ไทยหลุดพ้นความยากจน ใน 10 ปีข้างหน้า หาก ศก.ไทยโตเฉลี่ย 5% ทุกปี
 
14 ก.ย. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวในการรับฟังความคิดเห็นต่อทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560-2564 ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยเน้นย้ำให้มีการวางแผนยุทธศาสตร์ระยะสั้น กลาง และยาว โดยระบุว่า แผนพัฒนาฯ ฉบับดังกล่าว จะมุ่งเน้นให้ไทยเป็นประเทศที่หลุดพ้นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง รักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง ลดความยากจนและความเหลื่อมล้ำ พร้อมทั้งจะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง และ ระบบโลจิสติกส์ของประเทศ รวมถึงพัฒนาคุณภาพชีวิตมุ่งเน้นด้านการศึกษาและสังคม นอกจากนี้ ในอนาคตโครงสร้างประชากรของประเทศไทย จะเปลี่ยนแปลงเข้าสู่สังคมสูงวัย ซึ่งต้องเตรียมแผนรองรับ
 
นายอาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า หากใน 10 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจไทยเติบโตเฉลี่ย 5% ทุกปี ประเทศไทยจะหลุดพ้นจากประเทศรายได้ปานกลาง โดยมองว่า เศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสจะกลับไปเติบโตในระดับ 5% ได้ แต่ไทยจะต้องปรับปรุงประสิทธิภาพแรงงาน ทั้งทักษะฝีมือแรงงาน และ เร่งลงทุน โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งภายใน 2 ปีนี้ กระทรวงคมนาคม จะอนุมัติโครงการคมนาคมขนส่งประมาณ 18-19 โครงการ ซึ่งจะมีเม็ดอัดฉีดสู่ระบบเศรษฐกิจต่อเนื่อง 8 ปีข้างหน้า ถึง 1.6 ล้านล้านบาท เชื่อว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
 
ขณะเดียวกัน ยอมรับว่า ภาคการส่งออกปีนี้น่าจะติดลบ แต่ปี 59 ยังต้องดูปัจจัยภายนอก อย่างเศรษฐกิจโลก ซึ่งคาดว่า จะฟื้นตัวและเป็นแรงหนุนให้การส่งออกของไทยกลับมาเป็นบวก แต่หากจะให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) เติบโตได้ถึง 5% ภาคการส่งออกเฉลี่ยแต่ละปีต้องเติบโตไม่น้อยกว่า 10-15% อย่างไรก็ตาม ภาคการท่องเที่ยวยังเป็นปัจจัยหลักที่จะสร้างรายได้สนับสนุนให้เศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จะเข้าสู่ชุมชนจะทำให้การท่องเที่ยวคึกคักมากขึ้น
 
ส่วนภาคการเกษตร ที่เป็นปัญหาราคาตกต่ำนั้น ถ้ามีการบริหารอุปสงค์และอุปทานอย่างดีภาคการเกษตรก็ยังสามารถเติบโตได้ เพราะในอนาคตสินค้าส่งออก ยังเน้นสินค้าเกษตร อาหาร และสินค้าแปรรูป โดยจำเป็นต้องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีช่วยเหลือ
 
(ไทยรัฐออนไลน์, 14/9/2558)
 
กระแสน้ำพัดแคมป์ก่อสร้างพัทยา ทำคนงาน 200 ชีวิต ไร้ที่อยู่ กู้ภัยรุดช่วยเยียวยา
 
(15 ก.ย.) หน่วยกู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ได้รับการประสานขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านว่า กระแสน้ำได้โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงทำให้ชุมชนคนต่างด้าวในแคมป์คนงานก่อสร้างภายในซอยจันทร์เพ็ญ เขตพื้นที่ ม.7 ตำบลหนองปลาไหล อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่รุดช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
       
เมื่อไปถึงพบเป็นพื้นที่ปลูกสร้างสำหรับแรงงานชาวต่างด้าว และชาวไทยที่มารับจ้างก่อสร้างอาศัยอยู่ร่วมกว่า 200 ชีวิต ซึ่งเบื้องต้นพบว่า กระแสน้ำได้พัดพาบ้านเรือนที่ปลูกไว้ชั่วคราวจนได้รับความเสียหายทั้งหมด แรงงานก่อสร้างกว่า 200 ชีวิต จึงได้รับผลกระทบจากสภาพฝนตกกระหน่ำดังกล่าวไปตามๆ กัน
       
ล่าสุด ข่าวรายงานว่า ประธานมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยา ได้ระดมกำลังจัดถุงยังชีพลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ได้รับความเสียหายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ก่อนจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นช่วยเหลืออย่างจริงจังต่อไป 
 
(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 15/9/2558)
 
มติคณะรัฐมนตรี เพิ่มเงินเดือน 1 ขั้น และเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของอาสาสมัคร ทหารพราน
 
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) และ รัฐมนตรีว่ากรกระทรวงกลาโหมเสนอ ดังนี้
 
1. เห็นชอบการปรับเงินเดือนเพิ่ม 1 ขั้น ให้กับอาสาสมัครทหารพราน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2557 ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2557
 
2. เห็นชอบการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของอาสาสมัครทหารพราย ตามระเบียบ กระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2558 ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557
 
สาระสำคัญของเรื่อง กห. รายงานว่า
 
1. อาสาสมัครทหารพรานเป็นบุคคลเข้าทำหน้าที่ทหารเป็นการชั่วคราวตามมาตรา 4/1 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2551 ซึ่งได้รับเงินเดือนระดับ พ.2 ตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อีกทั้งได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ตามบัญชีแนบท้ายระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยหลักเกณฑ์การได้รับเงินเดือน ค่าตอบแทนอย่างอื่นและสิทธิประโยชน์ของอาสาสมัครทหารพราน พ.ศ. 2554 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวดังกล่าวเป็นอัตราเดียวกันกับบุคลากรภาครัฐอื่น จากการที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบการยกระดับรายได้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐชั้นผู้น้อย ยังไม่ครอบคลุมต่ออาสาสมัครทหารพราน ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลากรภาครัฐประเภทหนึ่งที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ดังกล่าวเช่นกัน
 
2. ปัจจุบัน กห. มีการบรรจุอาสาสมัครทหารพราน จำนวน 23,500 นาย ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสำหรับการปรับเงินเดือนเพิ่ม 1 ขั้น และการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของอาสาสมัครทหารพราน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 ถึง 30 กันยายน 2558
 
ทั้งนี้ เพื่อให้การปรับเงินเดือนเพิ่ม 1 ขั้น และการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของอาสาสมัครทหารพราน ซึ่งเป็นกำลังพลชั้นผู้น้อยให้มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่ปรับสูงขึ้น รวมทั้งเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกับข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ และลูกจ้างชั่วคราว
 
(ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี, 15/9/2558)
 
เจ้าหน้าที่บุกจับแรงงานเถื่อนชาวกัมพูชา192คน คาไซต์งานก่อสร้างคอนโดฯกลางเมืองหัวหิน  
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา (15 ก.ย.) แรงงานต่างด้าวชายและหญิง 192 คน ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่สนธิกำลังทหาร จับกุมได้ ขณะนำกำลังบุกเข้าตรวจค้นภายแคมป์คนงานก่อสร้างคอนโดมิเนียม บริเวณหมู่บ้านหัวนา ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  
 
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ พบว่าทั้งหมดเป็นแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา โดยมี 141 คน ที่ไม่มีหลักฐานและไม่มีบัตรอนุญาตการทำงาน ถือเป็นแรงงานเถื่อนที่ลักลอบเข้ามาทำงานในประเทศ ส่วนที่เหลืออีก 51 คนมีบัตรอนุญาตทำงานถูกต้อง แต่ผิดเงื่อนไขการเข้ามาทำงาน โดยเจ้าหน้าที่จะส่งแรงงานชาวกัมพูชาที่จับกุมได้ทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.หัวหินดำเนินคดี ข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศ ส่วนนายจ้างจะถูกแจ้งข้อหาให้ที่พักพิงซ่อนเร้น แก่บุคคลต่างด้าวต่อไป  
 
นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม นายอำเภอหัวหิน ในฐานะหัวหน้าชุดเฉพาะกิจฝ่ายปกครองอำเภอหัวหิน กล่าวว่า การระดมกำลังกวาดล้างจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่สืบทราบว่าในพื้นที่อำเภอหัวหิน มีการใช้แรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทำงานก่อสร้างคอนโดมิเนียมในพื้นที่  จึงประสานกับทหารนำกำลังบุกเข้าจับกุม
 
(TNN, 16/9/2558)
 
เผยยอดขายนิคมอุตสาหกรรมปีนี้ดิ่ง 40-50%
 
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทยและพันธมิตร ว่า ยอดการขายนิคมอุตสาหกรรมในภาพรวมของภาคเอกชนปี 2558 คาดว่าจะลดลงจากปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 40-50% หรือเฉลี่ยไม่เกิน 2,500 ไร่ จากปีที่แล้วที่ยอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 4,000 ไร่ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัว ล่าสุด ยังมีปัญหาเรื่องสงครามค่าเงิน ทำให้การตัดสินใจลงทุนของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศสำหรับโครงการใหม่ๆแทบไม่เกิดขึ้นเลย ทั้งนี้ การลงทุนในนิคมฯส่วนใหญ่เป็นการขยายกิจการตามแผนที่วางไว้เดิม กิจการใหม่ๆที่จะหันมาซื้อที่ดินหลายรายก็ชะลอที่จะตัดสินใจออกไปเพื่อรอดูทิศทางเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ประกอบการที่พัฒนาที่ดิน เป็นนิคมฯในส่วนของนิคมฯเอกชน ก็หวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยทำให้ยอดขายนิคมฯฟื้นตัวขึ้นมาได้ในปีหน้า
 
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า ต้องจับตาภาวะอัตราแลกเปลี่ยนของโลกที่มีความไม่แน่นอนสูงและคาดเดาค่อนข้างยาก ซึ่งทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในโครงการใหม่ๆออกไป จนกว่าจะมั่นใจในทิศทางของภาวะเศรษฐกิจโลก และการลงทุนของเอกชนที่จะเดินไปได้คงต้องสอดรับกับโครงการลงทุนของภาครัฐมากกว่า นอกจากนี้ ปัจจัยความผันผวนค่าเงินบาทที่อ่อนค่า สิ่งที่รัฐบาลจะต้องติดตามคือ การนำเข้าสินค้าหลายอย่างจะมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไม่ว่าจะเป็นพลังงาน ปุ๋ย เคมีภัณฑ์ เหล็ก
 
(เว็บไซต์ไทยรัฐ, 16/9/2558)
 
ตร.ล่าหนุ่มแสบ ตุ๋นคนตกงานเปิดรับสมัครงานในท่าเรือแหลมฉบังเหยื่อกว่าร้อย
 
เหตุ ตุ๋นชาวบ้านรายนี้เปิดเผยขึ้น เมื่อเวลา 08.10 น. วันที่ 15 ก.ย. ร.ต.ท.นิติภูมิ รัตนวรรณี พนักงานสอบสวน สภ.แหลมฉบัง จ.ชลบุรี รับแจ้งความจากชาวบ้านกว่า 150 คน ที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกเรียกรับเงินเพื่อแลกต่อการเข้าทำงาน กวาดขยะ ภายในเขตท่าเรือแหลมฉบัง โดยผู้เสียหายให้การเมื่อต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากนายวันชัย ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งอ้างตัวเป็นนายทหารถูกส่งมาประจำการที่อำเภอศรีราชา ระบุสำนักงานท่าเรือแหลมฉบังจะเปิดรับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และเจ้าหน้าที่กวาดถนน โดยคิดค่าใบสมัครใบละ 150 บาท และนัดให้ไปสอบสัมภาษณ์และรายงานตัวเข้าทำงานในวันนี้ เมื่อไปที่สำนักงานท่าเรือแหลมฉบังจึงทราบว่าไม่มีการรับสมัครแต่อย่างใด ทุกคนจึงทราบว่าถูกหลอกและได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แหลมฉบัง
 
ผู้เสียหายให้การด้วยว่า นายวันชัยระบุมีตำแหน่งงานหลายตำแหน่งโดยผู้ชายจะต้องไปเป็นเจ้าหน้าที่อาสา สมัคร ดูแลความเรียบร้อย ส่วนผู้หญิงก็มีหน้าที่กวาดพื้นถนนภายในเขตท่าเรือแหลมฉบัง จนกระทั่งความแตกเมื่อ ผู้เสียหายทั้งหมดเดินทางไปยังสำนักงานท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อสอบสัมภาษณ์งาน และรายงานตัว แต่กลับได้รับคำตอบว่า ไม่ได้เปิดรับสมัครงานแต่ประการใด
 
พ.ต.อ. ชันโชติ เสนาจักร พงส.ผทค.สภ.แหลมฉบัง กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อผู้เสียหาย ซึ่งยังมีผู้เสียหายเดินทางมาลงชื่อเป็นระยะๆ ทั้งนี้ต้องขอเวลาให้กับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน ดำเนินการสักระยะหนึ่ง ล่าสุดพบที่อยู่ของคนร้ายรายนี้แล้ว แต่ยังไม่พบตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งหาตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้เร็วที่สุด
 
นางอรุณ ลักษณ์ จันทร์หอม อายุ 47 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตนได้รับการติดต่อจากนายวันชัย ว่า มีตำแหน่งเจ้าหน้าที่กวาดถนน ของสำนักงานท่าเรือแหลมฉบัง ว่าถ้าตนสนใจจะทำงานก็ต้องจ่ายเงิน 150 บาท เป็นค่าใบสมัคร และเพื่อเป็นการการันตีตำแหน่ง ตนก็จ่ายไป และบอกให้ตนรอมาอบรมที่สำนักงานการท่าเรือแหลมฉบัง แถมยังบอกว่าทำงานเพียงแค่ 4 เดือนก็จะได้บรรจุเป็นพนักงานของการท่าเรือแหลมฉบังอีกด้วย ทำให้ชาวบ้านต่างพากันหลงเชื่อใจอย่างสนิท
 
นางอรุณลักษณ์ กล่าวต่อว่า จนวันนี้ซึ่งเป็นวันนัดสัมภาษณ์งาน และรายงานตัวเพื่อจะเข้าทำงาน ก็ไปติดตามเรื่องที่สำนักงานการท่าเรือแหลมฉบัง จึงทราบไม่มีการประกาศรับสมัครงานแต่อย่างใด ตนพร้อมกับผู้เสียหายอีกประมาณ 120 คน จึงเดินทางเข้าแจ้งความที่สภ.แหลมฉบัง ขณะเดียวกันก็พบชาวบ้านอีกกลุ่มจำนวนกว่า 20 คน เดินทางมาแจ้งความเช่นเดียวกัน
 
ผู้เสียหายอีกรายกล่าวว่า ตัวเองถูกหลอกให้ทำงาน โดยทำหน้าที่เดินเก็บถุงขยะ ภายในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งต้องจ่ายค่าใบสมัครคนละ 150 บาท เช่นเดียวกัน โดยคนร้ายอ้างเป็น เจ้าหน้าที่ทหารมารับสมัครพนักงานเก็บถุงขยะ ให้สำนักงานเทศบาลนครแหลมฉบัง และยังอ้างอีกว่าเป็นคำสั่งของนางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง ส่งผลให้ชาวบ้านต่างพากันให้ความสนใจ จนยอมจ่ายค่า ใบสมัครอย่างเต็มใจ
 
ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่า ผู้เสียหายทั้งหมดส่วนใหญ่เป็นคนที่ตกงานอยู่แล้ว และบางส่วนก็มีงานทำอยู่ แต่ก็ต้องออกจากงานเดิม เพราะหลงเชื่ออุบายของคนร้ายรายนี้ โดยหลังแจ้งความเสร็จได้รวมตัวกันเดินทางไปยังสำนักงานเทศบาลนครแหลมฉบัง เพื่อให้นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง หาช่องทางช่วยเหลือผู้เสียหาย โดยมีผู้บริหารของเทศบาล ทั้งนางจินดา นายบุญเลิศ น้อมศิลป์ ประธานที่ปรึกษาคณะผู้บริหารเทศบาลนครแหลมฉบัง และนายภูษิต แจ่มศรี ปลัดเทศบาลนครแหลมฉบังออกมารับทราบปัญหาของชาวบ้าน
 
นายบุญ เลิศกล่าวว่า จะให้เจ้าหน้าที่ อาสาสมัครชุมชน ทั้ง 23 ชุมชน ภายในเขตเทศบาลนครแหลมฉบัง และเจ้าหน้าที่เทศกิจ ช่วยกันติดตามสอดส่องหาตัวคนร้ายรายนี้ให้เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มผู้ เสียหายอีกทางหนึ่ง
 
(ข่าวสดออนไลน์, 16/9/2558)
 
กยศ.ขู่ยึดทรัพย์ผู้ค้างชำระ ประเดิมแล้วเกือบ 800 ราย
 
( 16 ก.ย.) น.ส.ฑิตติมา วิชัยรัตน์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ในปีการศึกษา 2558 มีผู้กู้รายเก่าและรายใหม่ รวมประมาณ 750,000 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้กู้รายใหม่ ประมาณ 200,000 ราย ซึ่งในภาพรวมพบว่าจำนวนผู้กู้รายใหม่ลดลงกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุมาจากการที่ กยศ.จำกัดจำนวนผู้กู้ไม่ให้เกิน 200,000 ราย อีกทั้งอัตราการเกิดของประชากรลดน้อยลง จึงทำให้นักเรียน นักศึกษาในสถาบันการศึกษาลดน้อยลงด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนของการชำระหนี้ กยศ.คืนนั้น ในปีนี้มีผู้ชำระหนี้เพิ่มมากขึ้นจากปี 2557 ประมาณ 2.2 ล้านคน ซึ่งเป็นผลมาจากการรณรงค์ชำระหนี้ในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะการจ้างบริษัทติดตามหนี้ โดยในปี 2557 ได้เงินคืนประมาณ 800 ล้านบาท ปี 2558 ประมาณ 5,000 ล้านบาท 
 
ผู้จัดการ กยศ. กล่าวต่อไปว่า แม้จะมีผู้ชำระหนี้คืนมากขึ้น แต่ก็ยังมีผู้กู้ที่ค้างชำระอีกจำนวนมากที่ กยศ. ต้องเร่งติดตาม ซึ่งที่ผ่านมา กยศ. พยายามหามาตรการรณรงค์มาโดยตลอด เพราะไม่อยากให้มีการฟ้องร้องดำเนินคดีเกิดขึ้น แต่ก็ยังมีผู้กู้จำนวนมากที่ไม่สนใจ และปล่อยปละละเลยไม่ชำระหนี้ จึงทำให้ กยศ.ต้องฟ้องร้อง ซึ่งเมื่อฟ้องร้องไปแล้ว ผู้กู้ก็ยังไม่ชำระหนี้คืนตามคำพิพากษา ดังนั้นหาก กยศ. ปล่อยปละละเลยคดีก็จะหมดอายุความ จึงทำให้ กยศ.ต้องดำเนินการขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี เพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีไปบังคับยึดทรัพย์ผู้กู้ ซึ่งถือเป็นปีแรกที่ขณะนี้ได้มีการยึดทรัพย์ผู้กู้ที่ยังไม่ชำระหนี้ไปแล้ว จำนวน 786 ราย รวมเป็นเงิน 22 ล้านบาท และในปีนี้มีผู้ที่เข้าข่ายจะถูกยึดทรัพย์อีก 4,175 ราย รวมเป็นเงิน 109 ล้านบาท อย่างไรก็ตามจำนวนผู้กู้ดังกล่าวเป็นผู้กู้ที่กู้ยืมในปีการศึกษา 2547 
 
"ขอเชิญชวนให้ผู้กู้ที่ค้างชำระรีบมาชำระเงินกู้ยืมคืน เพื่อป้องกันการถูกฟ้องร้อง และถูกยึดทรัพย์ ซึ่งหลังจากนี้ กยศ.จะไม่มีโครงการไกล่เกลี่ยลูกหนี้ตามคำพิพากษาในชั้นบังคับคดีอีกแล้ว แต่ กยศ. ได้กำหนดมาตรการใหม่ โดยจะร่วมกับหน่วยงานราชการ และสถานประกอบการต่างๆ เพื่อเข้าร่วมโครงการรณรงค์ชำระหนี้ โดยหักเงินเดือนพนักงานที่เป็นลูกหนี้ กยศ. ซึ่งขณะนี้ กยศ. อยู่ระหว่างการคิดโปรโมชั่นต่างๆ เช่น ลดดอกเบี้ย เป็นต้น เพื่อจูงใจให้ผู้กู้มาชำระหนี้คืนมากขึ้น อย่างไรก็ตามเวลานี้ได้เริ่มมีหน่วยงานภาครัฐ และสถานประกอบการเข้าร่วมโครงการบ้างแล้ว เช่น กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง มหาวิทยาลัยนเรศวร บริษัท บาธรูม ดีไซน์ จำกัด เป็นต้น" น.ส.ฑิตติมา กล่าว
 
(เว็บไซต์เดลินิวส์, 16/9/2558)
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net