พล.อ.ประยุทธ์ ชี้ถ้า รธน.ไม่ผ่าน เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย ถือว่าไม่แฟร์กับประชาชน

ระบุเรากำลังพูดถึงในเรื่องของอนาคต คือการมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เป็นสากล ยันไม่เคยคิดจะเปลี่ยน จะเลื่อน Roadmap ลงมติของ สปช. เป็นอิสระ ไม่ต้องให้ใครชี้นำ ย้ำช่วงนี้ชาติกำลังมีภัย แจงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน ถามทิ้งท้าย “เคยฟังใครพูดอย่างผมได้หรือไม่”

4 ก.ย.2558 เมื่อเวลา 20.15 น. ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย โดยมีรายละเอียดดังนี้

เรากำลังพูดถึงในเรื่องของอนาคต คือการมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เป็นสากล

ในห้วงเวลานี้ นับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่พวกเราทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจในการเดินหน้าประเทศไทย ไปในอนาคต โดยทุกคนต้องคิดร่วมกัน หารือร่วมกัน โดยไม่นำทุกอย่างมาขัดแย้งกันทุกเรื่อง วันนี้เรากำลังพูดถึงในเรื่องของอนาคต คือการมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เป็นสากล แต่พวกเรามั่นใจหรือยังว่าในวันหน้านั้น ถ้าหากว่าเป็นดังกล่าวแล้ว จะเป็นเหมือนเช่นที่ห้วงผ่านมาหรือไม่ อันนี้ต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมาคิดกัน

ไม่เคยคิดเลื่อน Roadmap ชี้ถ้า รธน.ไม่ผ่าน เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย ถือว่าไม่แฟร์กับประชาชน

ขณะนี้ คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ก็กำลังจะเสนอร่างรัฐธรรมนูญใหม่ต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ก็เป็นการเดินหน้าตาม Roadmap ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่ง คสช. บอกไว้แล้วว่าไม่เคยคิดจะเปลี่ยน จะเลื่อน ก็เป็นไปตามนั้นผ่านหรือไม่ผ่าน ก็เป็นเรื่องของ สปช. ถ้าผ่านก็มั่นใจให้ได้ว่าจะต้องมีการปฏิรูป และไม่มีความขัดแย้ง ถ้าไม่ผ่านก็ไปดูว่าไม่ผ่านตรงไหน ด้วยเรื่องอะไร แต่ถ้าจะไม่ผ่านเพราะว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ผมคิดว่าไม่เป็นธรรมกับประชาชน เพราะฉะนั้นประชาชนก็ต้องการที่จะให้มีความเปลี่ยนแปลง ต้องการให้มีการปฏิรูป การที่มีรัฐธรรมนูญ คำว่าจะมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย หรือไม่เป็นประชาธิปไตยนั้น ผมคิดว่าวัตถุประสงค์การเป็นประชาธิปไตยนั้นก็คือ ประชาชนจะต้องได้รับประโยชน์ ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่พรรคการเมือง ไม่ใช่ใครก็แล้วแต่ เป็นผลประโยชน์ และ คสช. ก็ไม่ได้ประโยชน์จากตรงนั้นด้วยอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นขอให้ท่านไปพิจารณากันให้ดี หลายท่านก็อยากให้ผมออกมาตัดสิน ผมตัดสินไม่ได้เรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องของทุกคนที่ต้องตัดสินตัวเอง ตัดสินประเทศชาติของตัวเองได้

ลงมติของ สปช. เป็นอิสระ ไม่ต้องให้ใครชี้นำ

เพราะฉะนั้นการออกเสียง ลงประชามติของ สปช. ก็เป็นเสรี เป็นอิสระ ไม่ต้องให้ใครชี้นำ ถ้าใครเห็นด้วยก็ลงเห็นด้วย ถ้าใครไม่เห็นด้วยก็ลงไม่เห็นด้วย แต่ต้องไปมองว่าหลักการ เหตุผลคืออะไร และต้องดูให้ครบทุกหมวดด้วย ไม่ใช่เฉพาะหมวดนี้ มีปัญหาอยู่ 3-4 เรื่อง เฉพาะเรื่องที่มีผลกระทบกับพรรคการเมืองทั้งสิ้น ผมคิดว่าไม่ถูกต้อง ผมเคารพในการตัดสินใจของทุกท่าน หวังให้ประเทศเรานั้นมีการเดินหน้าปฏิรูป และก็มีรัฐบาลหรือเป็นนักการเมืองที่ดี ๆ เข้ามาในสภาฯ และดำเนินการปฏิรูปประเทศให้ได้ คงต้องใช้เวลานานพอสมควร ไม่ใช่ใช้เวลา 1-2 ปี คงไม่เสร็จ ปฏิรูปทั้งหมด ผมก็จะไปเฝ้ารอคอยดูว่าความสำเร็จของท่านก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ ในวันที่ 6 ด้วย

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน : กองทุนหมู่บ้าน

การที่ประเทศชาติของเราจะเติบโตและแข็งแกร่งไปได้ด้วยกันนั้น ที่ผมเคยพูดไว้นั้นว่า Our Home Our Country Stronger Together นั้นเป็นเรื่องของเศรษฐกิจด้วย นอกจากความมั่นคงแล้ว ก็เป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ปากท้องของพี่น้องประชาชน ทุกอย่างมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน ในการขับเคลื่อนประเทศ  สัปดาห์นี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือบรรเทาภาระของพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยในทุกพื้นที่ให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ในชุมชน มีโครงการที่เป็นประโยชน์และตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชนในชุมชนอย่างแท้จริง เราต้องการให้มีเงินหมุนเวียนในพื้นที่ เพื่อจะช่วยวางรากฐานให้ชุมชนเข้มแข็ง มาตรการดังกล่าวนั้น จะครอบคลุมท้องถิ่นทั้งระดับหมู่บ้าน ระดับตำบล ในหมู่บ้านนั้น  ได้มีการจัดสรรเงินกู้ให้กับกองทุนหมู่บ้าน ที่อยู่ในเกณฑ์ระดับ A และ B คือมีผลประกอบการที่ดี ดีมาก ดี กองทุนละไม่เกิน 1 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีแรกนั้น จะปลอดภาระดอกเบี้ย เพื่อให้พี่น้องประชาชน ไม่ต้องกังวลในการจ่ายคืนหนี้ในช่วงแรกที่นำเงินไปลงทุน อย่าไปใช้ในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ที่ผ่านมาไม่ได้รับความเชื่อมั่นไว้วางใจจากสังคมโดยรวมว่าไปใช้ซื้อในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์

เพราะฉะนั้นกรรมการหมู่บ้านเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะว่าเป็นเรื่องของการเป็นประชาธิปไตย ที่ต้องให้ประชาชนนั้นมีส่วนร่วมหรือเป็นผู้ในการที่จะใช้จ่ายเงิน สอน ให้มีความเข้มแข็งในการจัดระบบในเรื่องของการดูแลประชาชนด้วยกันเอง นี่คือสิ่งที่เป็นพื้นฐานแรกของการกระจายอำนวย แต่จะต้องไม่ทุจริต ไม่นำไปแจกให้กับหัวคะแนน ให้หัวคะแนนนั้นนำไปแจกให้กับสมาชิกที่เป็นพวก ถ้าไม่ใช่กลุ่มนี้ พรรคนี้ก็ไม่ได้ อันนี้คือปัญหา ผมไม่ได้ไปว่าประชานิยมอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าประชานิยมแล้วมีปัญหาแบบนี้ ผมก็ไม่ทำ แต่อันนี้เป็นเรื่องของการทำเพื่อให้ประชาชนมีเงินมีใช้ ใช้สอยได้พอสมควรในช่วงนี้ ซึ่งมีรายได้น้อย ไม่ใช่ประชานิยม เพราะว่าผมไม่ได้ต้องการให้ท่านมาชอบผม ผมต้องการให้เศรษฐกิจเดินหน้า ถ้ามีเม็ดเงินตรงนี้ มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ภาคการผลิตเขาสามารถจะผลิตของมาขายได้ ถ้าผลิตมาแล้วไม่มีคนซื้อ ก็พังตามกันไปอีก

เพราะฉะนั้นรัฐบาลก็จะมีกลไกในการตรวจสอบ จะไม่ปล่อยปละละเลยเหมือนเช่นเดิมที่ผ่านมา ในห้วงก่อนหน้าเราเข้ามา เพราะฉะนั้นจะทำให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นใครที่ออกมาพูดตามสื่อ ตามอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ ไปดูว่ารายละเอียดท่านทำอะไรไว้อย่างไร วันนี้เราต้องมาแก้ไขทั้งหมด

สำหรับกองทุนหมู่บ้านในระดับ C และ D นั้น ที่ผ่านมานั้นจะเห็นได้ว่าเราได้มีมาตรการในการเข้าฟื้นฟูอยู่แล้ว ได้มีการอนุมัติเม็ดเงินไว้แล้วตั้งแต่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดที่แล้ว ก็จะนำมาใช้จ่ายให้สามารถที่จะทั่วถึง คือตอนแรกถ้าคิดแต่เพียงว่าจะให้เฉพาะกองทุนที่ดี และที่ไม่ดี ที่ฟื้นฟู ผมว่าไม่ใช่ความผิดของเขา เพราะฉะนั้นต้องฟื้นฟูเขาให้ได้ จะให้ทาง คสช. กระทรวงมหาดไทย เขาไปดูแลคณะกรรมการด้วย เพราะฉะนั้นอย่าทำทุจริตโดยเด็ดขาด ผมไม่ต้องการให้มีผลกระทบทางด้านการเมือง ในเรื่องคะแนนเสียงต่าง ๆ ทั้งสิ้นในช่วงนี้

ในส่วนของกองทุนหมู่บ้าน ผมถือว่าเป็นเม็ดเงินที่จะถึงประชาชนได้อย่างแท้จริง และประชาชนเป็นผู้ดำเนินการเอง แต่ช่วงนี้จะต้องมีคนเข้าไปดูแล ที่ผ่านมาก็มีกฎหมายอยู่แล้ว ให้เขาทำเองได้อะไรเองได้ แต่ปรากฏว่าอาจจะมีคนบางคน หรือบางพวกทำให้เกิดความไม่เป็นระเบียบ เกิดความเป็นธรรมทั่วถึงทำนองนั้น

ระดับตำบลนั้น เราเพิ่มงบประมาณลงไปอีกก้อนหนึ่ง ทุกทำตำบล ๆ ละ 5 ล้านบาท เพื่อต้องการให้เกิดการกิจกรรมหมุนเวียนในท้องถิ่น ที่ผ่านเราเคยให้ไปแล้ว ในตำบลที่แล้งซ้ำซาก ตำบลละ 1 ล้าน ปรากฏว่าประชาชนก็เสนอมาว่าไม่เคยได้รับเงินแบบนี้มาก่อน คือเขาเอาเงินไปลงทุน ทำอะไรต่าง ๆ ขุดบ่อน้ำ ทำซ่อมแซมถนน ทำสร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างลานมัน จัดหาเครื่องมือ เครื่องสีข้าวขนาดเล็ก ต่าง ๆ ผมถือว่าเป็นการลงถึงมือเขาและเขาเป็นคนกำหนดโครงการเอง แต่เราต้องไปดูเช่นกัน ทั้ง คสช. กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่าง ๆ ต้องไปเดินดูทั้งหมด

เพราะฉะนั้นขอร้องเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ด้วย ถ้าหากตรวจพบการทุจริตตรงใดก็ตาม ให้รีบแจ้งมา เพราะฉะนั้นคนทำก็ไม่ต้องทุจริต ไม่ต้องกลัวจะโดนจับ ถ้าตั้งใจดีแล้วได้เงินไป คิดว่าจะทำอย่างไรให้คนอื่น อย่างที่ผมเคยพูดมาแล้ว ไม่มีเรื่องหรอก หลายคนก็บ่นว่าวันนี้รัฐบาลเข้มงวด คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) คสช. ต่าง ๆ ไปเข้มงวดเรื่องการทำแผนงานโครงการ ก็ทำให้ถูกต้องแล้วจะกลัวอะไร ที่กลัวเพราะทำไม่ถูกต้อง หรือไม่มีความรู้อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นท่านก็ไปเร่งมาว่าทำอย่างไรจะใช้จ่ายงบประมาณได้ และช่วยรัฐบาล ช่วยประชาชนของท่าน ไม่ใช่กลัวแต่ว่าจะถูกจับ ก็ท่านทำผิดก็ต้องถูกจับอยู่ดี ผมต้องการให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นอย่างเท่าเทียม

เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครเขามาว่าได้ ชอบมาพูดทำนองว่าวันนี้งบประมาณช้า เพราะข้าราชการไม่กล้าทำ เพราะเราไปตรวจสอบ แล้วผิดตรงไหนที่ไปตรวจสอบ หรือจะต้องไม่ตรวจสอบ ผมไม่รู้ เมื่อไปตรวจสอบ ผมก็ใช้สติปัญญาของผม สั่งการไปแล้วว่าโครงการทุกโครงการไม่ได้ตรวจทุกโครงการ บางโครงการก็มีเจ้าหน้าที่เขาทำของเขาอยู่แล้ว บางโครงการที่มีความล่อแหลมก็จะลงไปตรวจสอบ ถ้าหากว่าพบการกระทำความผิด ก็หยุดไม่ให้ทำ นำมาดำเนินคดี และโครงการนั้นก็ไปหาทางทำต่อให้ได้ คือวิธีการที่ผมทำอยู่ในเวลานี้ ผมไม่เห็นว่าจะผิดตรงไหน เว้นแต่ว่าต้องการนำเงินออก ใครจะทุจริตอะไรก็ว่ากันไป

ส่งเสริมการลงทุนขนาดเล็ก

เรื่องของการเร่งการส่งเสริมการลงทุนขนาดเล็ก อาทิ การซ่อม สร้าง เล็ก ๆ น้อย ๆ ซ่อมโรงเรียน ซ่อมอาคารราชการ ทาสี ต่าง ๆ เหล่านี้ ต้องการที่จะให้มีเม็ดเงินลงไป เกิดการจ้างงานได้มากขึ้น สามารถเบิกจ่ายได้รวดเร็ว มีการแก้ไขกฎระเบียบให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ติดขัด บางอย่างก็มีการผ่อนผัน มีการชะลออยู่แล้ว ขอร้องอย่างเดียวอย่าทุจริตกัน ต้องเสริมสร้างทั้ง 2 อย่าง ใช้กฎหมาย ใช้การปลูกจิตสำนึก ใช้ความมีอุดมการณ์ที่จะทำให้ประเทศชาติปลอดภัย ถ้าทุกคนคิดแบบนี้ได้ ผมก็เบาแรง ผมก็ไม่จำเป็นต้องมาพูดมากขนาดนี้ เราต้องการให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไปทั่วทุกภูมิภาคไปพร้อม ๆ กัน ให้มีการกระจายการลงทุนไปสู่ท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็งในชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ในระยะเร่งด่วน ที่ทุกคนมีความลำบากในขณะนี้ จากภายในประเทศ และจะได้มีการลดผลกระทบจากภายนอกประเทศด้วย

ขณะเดียวกันเราก็ต้องสร้างความเข้มแข็งไปด้วย ไม่ใช่ว่าทำตรงนี้อย่างเดียว อย่างอื่นเราก็ทำด้วย สร้างความเข้มแข็ง เพิ่มการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และในเรื่องของการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ ในเรื่องของการค้าชายแดน ทุกอย่างเป็นระบบหมด ที่ผ่านมาทำเป็นระบบแบบนี้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ทำระบบแบบนี้ อย่างมาต่อว่าผม อย่ามาพูดตามสื่อ ผมรับไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้นทุกอันต้องมีความโปร่งใสคุ้มค่า หลายท่านอาจจะมองว่า เป็นประชานิยม ก็คือทำให้ประชาชน เพียงแต่ว่าผู้ทำต้องไม่ได้ประโยชน์ ถ้าจะทำ เหมือนที่ผมกำลังพยายามทำในเวลานี้ เพราะฉะนั้นไปทบทวนดูของตัวเองว่ามีข้อบกพร่องตรงไหนบ้าง

วันนี้กองทุนหมู่บ้าน 7 หมื่นกว่ากองทุน ใช้ได้ประมาณสัก 2 ใน 3 ที่เหลืออีก 1 ใน 3 ก็เป็นในส่วนของที่พอใช้ได้ และยังใช้ไม่ได้ และใช้ไม่ได้เลย นี่คือการทำประชานิยมสมัยก่อน เพราะฉะนั้นวันนี้เราทำคล้าย ๆ กัน แต่เราต้องไปเข้มงวดดูแลข้างล่าง สร้างจิตสำนึก และไม่ใช่ให้ทำเอง ในส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย ก็จะให้เจ้าหน้าที่ไปดูแลด้วย

คำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง

รัฐบาลได้คำนึงถึงวินัยการเงินการคลังอยู่แล้ว ถึงแม้จะมีการใช้จ่ายไปในงวดที่ 2 นี้ ในการช่วยเหลือประชาชน ในการลงทุน เราก็ควบคุมให้อยู่ภายใต้ระบบระเบียบของวินัยการคลัง ว่าจะทำอย่างไรหนี้สาธารณะไม่เกิน ต้องดูว่าหนี้สาธารณะเกิน ที่ผ่านมาแล้ว เป็นหนี้สาธารณะจากเรื่องอะไรบ้าง ถ้าเรื่องที่มีทรัพย์สินที่มีมูลค่า เป็นหนี้ที่มีมูลค่า เช่น สร้างรถไฟ สร้างรถไฟฟ้า สร้างอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ทั้งสิ้น ไม่ใช่หนี้ไปใช้หนี้ที่มีความเสียหาย ประมาณ 7-8 แสนล้าน ทั้งหมด ทั้งระบบ อีกหลายเรื่องด้วย กำลังดำเนินการอยู่ ทำให้หนี้สาธารณะสูงขึ้น มาโดยที่ไม่มีรายได้เกิดขึ้นในอนาคต ที่เราทำขณะนี้จะต้องมีรายได้เกิดขึ้น เว้นเสียแต่ว่าในส่วนที่ให้กับประชาชนนั้น ประชาชนก็ต้องเข้มแข็งขึ้น มีขีดความสามารถ ในการแข่งขันมากขึ้น ถ้าไม่คิดเป็นระบบแบบนี้ไปไม่ได้หรอกประเทศ อย่าไปมุ่งหวังการส่งออกอย่างเดียวไม่ได้

ตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภคบริโภค

อีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ราคาเท่าที่กระทรวงพาณิชย์ไปตรวจสอบ หรือหน่วยงานไปตรวจสอบ ราคาก็อาจจะมีเพิ่มขึ้นบ้างไม่มากนัก ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบราคาสินค้า และไปเจรจากับผู้ผลิตผู้ประกอบการค้าด้วย ให้กำหนดราคาขายให้เหมาะสม ไม่ใช่ว่าราคาก็ยังสูงอยู่วันนี้ต้องขอร้องกัน เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนด้วย

วันนี้ผมได้ให้นโยบายใหม่ไป ให้กับท่านรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจไป  ผมอยากให้มีการลงทุน ให้มีตลาดกลางแต่ละภูมิภาค และเชื่อมต่อกับตลาดชุมชนในท้องที่ เพื่อจะให้มีการทั้งซื้อและทั้งขายสินค้าในราคาย่อมเยา ในลักษณะที่ให้เกษตรกรเข้ามาดำเนินการเอง จำหน่ายเอง เจ้าหน้าที่รัฐเพียงแต่จัด ดูแลเรื่องการตลาด สถานที่ และเป็นเรื่องของการ Packing  ทำหีบห่อ ทำกล่องให้เขาและเขาก็มากำหนดราคาขายกัน ผมเห็นที่ต่างประเทศเขาทำ เมื่อวานก็ได้สั่งการไปแล้ว ท่านรองสมคิดฯ ก็รับไปแล้ว คุยกับกระทรวงพาณิชย์ดูว่าทำได้หรือไม่

ในเมื่อเราเปิดตลาดกลางเพื่อการเกษตร หรือประมงต่าง ๆ สินค้าประมง สินค้าทางสัตว์น้ำ ก็อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ ว่าเราทำ 2 ทาง ก็คือในการที่เรานำสิ่งของราคาถูกลงไปขายด้วย ไม่อย่างนั้นเราต้องไปทำในเรื่องของธงฟ้า ซึ่งอาจจะไม่ทั่วถึง ไม่ทันเวลา ถ้าเราสร้างพื้นฐานไว้ตรงนี้ และต่อไปก็จะเข้มแข็งเอง เราก็ขอความร่วมมือกับบริษัทให้ผลิตของราคาที่ลดลงบ้าง ลดความสวยงามของผลิตภัณฑ์ที่จะต้องบรรจุในหีบห่อให้ลดลง ราคาก็น่าจะลดลงได้ ถ้าไม่ผิดกฎหมาย กติกา การค้าสากลเพื่อจะให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย เขาสามารถที่จะมีสิ่งของที่เขาซื้ออุปโภคบริโภคได้ในยามที่เดือดร้อนในขณะนี้ ลองทำดูก่อน ผมเห็นต่างประเทศเขาทำได้

แนะติดตามข่าวสารผ่าน Social Media ที่ดี ๆ

ส่วนของการเดินหน้าของประเทศในขณะนี้ ขอให้ทุกคนได้เป็นคนไทยยุคใหม่ ให้มีการติดตามข่าวสารข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน Social Media ที่ดี ๆ ใน Facebook Youtube  ใน Application ที่ดี ๆ ส่วนที่ไม่ดี ที่ไม่เกิดประโยชน์อย่าไปเสียเวลา อ่านแล้วก็ลืม ๆ ทิ้ง ๆ ไป อย่าไปสนใจมากนัก สนใจว่าเราจะอยู่กันอย่างไร จะเดินหน้ากันอย่างไร ทุกกระทรวงทบวง กรม เขามี Application ให้แล้ว เราจะต้องเป็นคนไทยรุ่นใหม่ เรียกว่า Smart Thailand เหมือนกับ Smart Farmer  เพราะฉะนั้นทุกคนต้องเป็นคนรุ่นใหม่ทั้งสิ้น คือการใช้เทคโนโลยี ใช้วิชาความรู้ เพื่อจะทำให้การประกอบการของเรานั้น มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และมีรายได้ให้มากขึ้น

วันนี้เราก็เดินหน้า Digital Economy อยู่แล้ว วันนี้ขอร้องให้กระทรวงทุกกระทรวง ไปหาทางที่จะทำให้ประชาชนรับรู้รับทราบ ต้องทำให้กว้างขว้าง ไม่ใช่ทำแล้วก็ไม่บอก หรือบอกเฉพาะข้าราชการด้วยกัน ไม่ใช่ ผมบอกแล้วว่าประชาชนจะต้องได้รับประโยชน์จากตรงนี้ด้วย ทุกเรื่องใส่ไปใน Application ไป และแจ้งขึ้นจอทีวีไปว่าอยากรู้เรื่องไหน ไปตรงไหน ผมเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ ต้องทำทุกกระทรวง มีอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ทั่วถึง

การขับเคลื่อนการลงทุน

เรื่องของการสร้างอนาคต ในเรื่องของการขับเคลื่อนการลงทุน ก็พยายามจะเร่ง ขณะนี้ก็ได้สั่งการให้คณะรัฐมนตรีท่านใหม่ ได้เร่งดำเนินการจากช่วงที่ผ่านมา เพราะช่วงที่ผ่านมาเป็นเรื่องของการทำสัญญา เจรจาทำข้อตกลง แก้ไขกฎหมาย ผมก็อยากให้ทุกอย่างมีการเริ่มต้น ดำเนินการได้ภายในปี 2558 ในปี 2559 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้าง ทำนองนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะเร่งให้ใครได้ประโยชน์ เร่งเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ ทำให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังได้ดูแล จัดทำแผนการลงทุนระยะ 5 ปี ไว้ด้วย เพื่อจะได้ดูในเรื่องของภาพรวมการลงทุนของประเทศ และดูเรื่องวินัยการเงิน การคลังด้วย จะได้ไม่ผิดพลาด เป็นปัญหากับอนาคตของรัฐบาล นี่คือความแตกต่างของรัฐบาลนี้กับรัฐบาลอื่น ๆ รัฐบาลนี้ทำอะไรก็แล้วแต่ก็จะเป็นห่วง ระยะต่อไป ในเรื่องของการใช้เงินหนี้สาธารณะ บางอย่างจำเป็นก็ต้องทำไว้ เพราะหากไม่ทำอีก อย่างไรก็ตามจะไม่ทิ้งภาระ ไม่เหมือนกับที่ผมต้องรับภาระอยู่ในขณะนี้ที่ผ่านมา

การลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน

เรื่องการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน ก็จะทำมากกว่าขึ้น ผมเคยบอกไว้แล้ว รัฐจะทำหน้าที่ในการอำนวยความสะดวก ดูแลกฎหมาย ดูแลสิทธิประโยชน์ และเปิดพื้นที่ เปิดตลาด จากนั้นเอกชนก็ต้องเดินคู่ขนานกันไป ในการที่จะชักชวนคนมาลงทุนในประเทศไทย และชวนเอกชนไทยไปลงทุนที่ต่างประเทศ ในลักษณะเกื้อกูลต่อกัน เป็น Partnership กัน ผมคิดว่าการลงทุนวันนี้ ถ้ารัฐบาลทำทั้งหมดไปไม่ได้ และเป็นแหล่งของผลประโยชน์ด้วย เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวัง เราจะต้องปรับโครงสร้างของประเทศใหม่ให้ประชาชนในทุกภูมิภาคมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น คือทำทุกมิติ ไม่ว่าจะขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ทั้งในประเทศ ต่างประเทศ และการลงทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อันนี้ต้องเร่งดำเนินการ ไม่อย่างนั้นเราก็จะไม่เข้มแข็งเพียงพอที่จะเผชิญกับความเสี่ยงในอนาคตในเรื่องของเศรษฐกิจต่อไปอีกครั้งหนึ่ง

แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและการดำเนินการธุรกิจ

ขณะนี้รัฐบาลกำลังแก้ไขกฎหมายต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและการดำเนินการธุรกิจ แต่ก็ต้องใช้เวลา เพราะการทำ พ.ร.บ. ทางกฎหมายต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ซึ่ง สนช. ก็มีการจัดตั้งอยู่ตามปกติ ก็มีการถกแถลงกันมากมาย ไม่ใช่ว่าผมส่งไปทั้งหมดแล้วเป็นไปตามนั้น คงไม่ใช่ เพราะเป็นเรื่องของการทำงาน ทุกคนรู้หน้าที่ของตนเองดีอยู่ แต่ออกมาแล้วจะถูกใจใครไม่ถูกใจใครก็ดีกว่าไม่เคยออกมา ที่ผ่านมาไม่เคยออกมาเลย ก็ไปดูกันต่อไปว่าจะแก้ปัญหากันต่อไปอย่างไร ต้องมีการเริ่มต้นทั้งสิ้น

พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ

เรื่องการให้สิทธิประโยชน์ต้องมาดูทบทวนว่า วันนี้ประชาชนหลายพวก หลายกลุ่มที่จะทำธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ อาจจะไม่เข้าใจว่าตนเองได้อะไรจากตรงนั้น ได้อะไรจากเขตเศรษฐกิจพิเศษ ได้อะไรจาก AEC เขาได้ทั้งหมด ถ้าคนที่มีรายได้น้อย ไม่ใช่นายทุน ไม่ใช่อะไรต่าง ๆ ก็ไปทำกิจการเสริม ที่เป็นร้านค้า ที่พักคนงาน รับซักรีดอะไรต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นได้หมดในพื้นที่ งานเหล่านี้จะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการกระจายไปสู่คนในพื้นที่ ถ้าไม่เกิดก็อยู่แบบเดิม คนได้ประโยชน์ก็มีกลุ่มเดิม

สำหรับการลงทุนในพื้นที่ ก็จะมี 3 ส่วนด้วยกัน สรุปง่าย ๆ คือ 1. การนิคมอุตสาหกรรมจะกำหนดพื้นที่ให้จัดทำ 2. นิคมของภาคเอกชนซึ่งจะเช่าพื้นที่จัดทำ และ 3. เป็นเหมือน City ที่อยู่ในพื้นที่ใดก็ได้ที่มีศักยภาพ จะเกิดขึ้นทั้ง 3 อย่าง ในพื้นที่ทุกพื้นที่ พื้นที่สองอันแรกจะเกิดขึ้น 6 แห่งในพื้นที่ชายแดน ใกล้ชายแดน ก็ไม่ใช่ติดกับชายแดน แต่เชื่อมโยงกันไปถึงโน้น เพราะต้องไปถึงช่องทางออก ในส่วนของชายแดนจะมีทั้งของการนิคมและของเอกชนด้วย แต่ลึก ๆ เข้ามาส่วนใหญ่จะเป็นของเอกชน รัฐก็จะร่วมลงทุนบ้าง จัดหาพื้นที่ให้ จะได้เกิดขึ้นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเมืองยาง เมืองรถยนต์ เมืองอะไรต่าง ๆ ก็แล้วแต่ ไม่ใช่อยู่ที่เดิมอย่างนี้ แล้วก็โตไม่ได้ เพราะพื้นที่เต็มแล้ว นั่นคือสิ่งที่ต้องไปดูถึงเรื่องพลังงาน เรื่องการวางแผน การขนส่ง สาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา ทุกอย่างต้องเตรียมทั้งระบบ ไม่ใช่นึกจะทำตรงนี้ก็ทำไป ปัญหาก็ตามมาที่หลัง เจอทุจริตคอร์รัปชั่นเข้าไปอีก ก็เละไปทั้งหมด โชคดีที่อยู่ได้ในวันนี้ ผมไม่อยากจะพูด ในส่วนของการทำงานภาคเอกชนเขาพร้อมจะช่วยเหลืออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นรัฐจะต้องแก้ไขตัวเองทำให้ได้ดีก็แล้วกัน ข้าราชการต่าง ๆ วันนี้ดีขึ้นมาก ทุกคนให้ความร่วมมือกับผม เพราะรู้ว่าผมไม่ได้ต้องการประโยชน์

ต้องสอนให้รู้วิธีทำงาน

เรื่องแรงงาน เราต้องเตรียมความพร้อม กระทรวงแรงงานต้องเตรียมการ กระทรวงศึกษาธิการ ต้องมีการเตรียมการระยะยาว กระทรวงแรงงานก็ต้องไปนำคนที่มีความรู้ด้านวิชาชีพ ช่างไฟฟ้า ช่างประปา ช่างอ็อกซ์ วิศวกรรถไฟ วิศวกรราง ต้องผลิตทั้งหมด ผลิตหรือไม่ก็ต่อยอด เพราะเริ่มแล้ว ปีหน้าเริ่มกิจการเหล่านี้แล้วมีคนหรือยัง ถ้าในเรื่องของการเตรียมความพร้อมเรื่องครู เรื่องวิจัย เรื่องที่เป็นเชิงการแข่งขัน อันนี้มหาลัยก็ต้องเร่งผลิตออกมา ดูหลักสูตร สอนคนให้เก่งไปสอบ ไปแข่งขันแต่ทำงานไม่เป็นก็ไม่ได้ วันนี้ต้องสอนให้รู้วิธีทำงานด้วย ไม่ใช่จบมาแล้วไม่รู้คุณค่าของการเรียนหนังสือ รู้แต่ว่าสอบได้ปริญญา ได้เกียรตินิยมก็ภูมิใจ แล้วทำงานไม่ได้ ไม่ได้ทำงาน นั่นคือสิ่งที่ผมเป็นห่วง เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือด้วย

ตรวจสอบปัญหาเรื่องที่ดิน

ส่วนการลงทุนในเขตเศรษฐกิจต่าง ๆ จะมีปัญหาเดียวที่เป็นปัญหาหลักคือ ปัญหาเรื่องที่ดิน ที่ดินขณะนี้มีการเกร็งกำไร โดยการซื้อจากประชาชนที่บุกรุก หรือไม่ก็ซื้อจากพื้นที่ที่เราให้จัดสรรไปแล้ว เป็นที่ดินของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) บ้าง อะไรบ้าง คือซื้อไปโดยที่ไม่มีหลักฐาน ขายไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็มีการซื้อไปแล้วชื่อเป็นเจ้าของเดิม ส่วนนี้ก็จะมาขายให้การลงทุน ผมตรวจสอบทั้งหมด ถ้าเป็นพื้นที่หลวง ยึดคืนทั้งหมด ไม่มีสิทธิ์ขาย ท่านจะไปซื้อใครมา ท่านผิดอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นท่านจะถูกดำเนินคดี ถ้ารู้ตัวก็เอาคืนมา

เยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ

สัปดาห์ที่ผ่านมาก็คงเป็นข่าวไปแล้ว ผมไปเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายเบนิกโน เอส อากีโน ที่ 3 ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 7 ในปีนี้ ฟิลิปปินส์เป็นคู่ค้าที่สำคัญกับไทยอันดับที่ 6 ของอาเซียน และเป็นอันดับที่ 18 ของโลก มีมูลค่าทางการค้า ราว 2.7 แสนล้านบาท ขอเน้นย้ำให้นักลงทุนชาวไทยในฟิลิปปินส์ได้ทำการค้า-การลงทุน ให้เกิดผลประโยชน์ต่อทั้งไทยและฟิลิปปินส์ นอกจากการคำนึงถึงความคุ้มทุนแล้ว ก็ควรมีการคืนประโยชน์ให้แก่สังคมฟิลิปปินส์ด้วย เช่นเดียวกันผมขอร้องว่า นักลงทุนฟิลิปปินส์ในประเทศไทยก็คืนประโยชน์แก่สังคมในประเทศไทยด้วย

ขอเชิญชวนให้ภาคเอกชนทั้ง 2 ฝ่าย แลกเปลี่ยนและขยายการลงทุนซึ่งกันและกัน โดยการร่วมลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษด้วย ไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ในลักษณะ “ไทย + 1” และการนำประสบการณ์ความสำเร็จ ในด้านการบริหารจัดการแรงงานในต่างประเทศของฟิลิปปินส์มาเป็นต้นแบบ โดยเฉพาะการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางาน และการปรับตัวเข้าสู่สภาพสังคมแรงงานในต่างประเทศ เพราะว่ามีคนของเราไปต่างประเทศเป็นจำนวนมากในขณะนี้ มีคนต่างประเทศอยู่แล้วก็มาก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ จะได้เป็นประโยชน์ในการที่จะนำแต่ละประเทศหรือทุกประเทศในอาเซียนเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนได้อย่างสมบูรณ์ในปีนี้ และดำเนินการให้มีความต่อเนื่องต่อไป

เรื่องการเดินทางไปต่างประเทศทุกครั้ง ผมได้สั่งการให้ทุกกระทรวงได้นำไปสู่การปฏิบัติให้ได้อย่างรวดเร็ว ทุกการเจรจาจะต้องมีหัวข้อ การรายงานและวิธีการปฏิบัติด้วย ถ้ายอมรับกันได้ก็กลับมาหารือ อะไรที่จะต้องเข้า ครม. ก็เข้า ถึงจะทำได้ ที่ผ่านมาก็มีความก้าวหน้าตามลำดับติดตาม ไม่ใช่ไปคุยกันแล้วก็กลับ ไม่ได้อะไรกลับมา ไม่ได้ มีแต่หัวข้อต้องลงรายละเอียดกับท่านประธานาธิบดี ท่านนายกรัฐมนตรี ทุกท่านพร้อมรับฟังมาตลอดจะได้มีสาระในการทำต่อ ไม่อย่างนั้นจะเป็นแค่การพบปะเยี่ยมเยียนเฉย ๆ เสียเวลาเปล่า วันนี้ทุกประเทศร่วมมือกันอย่างนี้อยู่แล้ว

เรื่องสำคัญอีกเรื่องคือความมั่นคง ขอความร่วมมือกับฟิลิปปินส์ที่เขามีประสบการณ์เรื่องนี้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแยกดินแดน แต่ของเราคงไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่บางอย่างก็เป็นประสบการณ์ที่เราสามารถจะนำมาประยุกต์ใช้ได้ เราจะทำให้เกิดความเป็นรูปธรรม

การเจรจาภาคใต้ ยึดกฎหมายของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ

เรื่องภาคใต้ ก็เช่นกัน ขณะนี้ก็มีความก้าวหน้าตามลำดับ ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการให้มีการเจรจา มีการพูดคุยเพื่อสันติสุข ก็ต้องแสดงให้เห็นศักยภาพก่อนว่าทำอย่างไร จะสามารถควบคุมความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ถ้ายังควบคุมไม่ได้ ผมก็รับรองให้ไม่ได้ เพราะเราเป็นรัฐบาลต้องเข้าใจผมบ้าง ในเมื่อท่านทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แล้วผมไม่ยอมรับในสิ่งที่ถูกต้องที่ท่านทำ กระบวนการของท่านไม่ได้ ท่านทำให้เกิดความเป็นธรรม แล้วผมจะได้นำมาสู่ในเรื่องของการแก้ปัญหาทางกฎหมาย ทางกระบวนการยุติธรรม ผมรับว่า ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด ให้ความเป็นธรรมมากที่สุด แต่ถึงอย่างไรต้องเป็นไปตามกฎหมายของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศด้วย

ชวนชมงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม

สุดท้ายนี้ ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน เข้าร่วมชมงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาล ในห้วงเดือนกันยายนนี้ ภายใต้แนวคิด “ตื่นตาสินค้า GI  ตื่นใจอัตลักษณ์ชุมชน” โดยการนำเสนอและจำหน่ายสินค้าคุณภาพดี เป็นสินค้าที่บ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เป็นเรื่องที่สำคัญ วันนี้โลกต้องมีที่มาที่ไปทั้งหมด สินค้าทุกประเภทมีกฎหมาย มีพันธะสัญญามากมาย ของประเทศไทยก็แก้ไขไปมากพอสมควร ที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยสนใจ เดี๋ยวอีกหน่อยจะขายไม่ได้ วันนี้เราได้รวบรวมสินค้าเหล่านั้นจากย่านธุรกิจสร้างสรรค์ อาทิ ชาดอยแม่สลอง ตลาดผ้าบ้านนาข่า เครื่องถมนครศรีธรรมราช เป็นต้น ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนทั้งในและต่างประเทศ อาทิ กาแฟดอยตุงที่มีชื่อเสียงมาก กาแฟดอยช้าง ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้  ส้มโอนครชัยศรี  สับปะรดภูแล สับปะรดนางแล ไข่เค็มไชยา และหมูย่างเมืองตรัง เป็นต้น และมีอีกหลายอย่างสำหรับงานนี้

“ตื่นตาสินค้า GI  ตื่นใจอัตลักษณ์ชุมชน” ซึ่งเป็นที่มาเขาเรียกว่า การตรวจสอบย้อนกลับก็เปรียบเสมือนปลา เหมือนสินค้าประมงที่ต้องตรวจสอบได้ว่ามาจากไหน ในคราวนี้จะแบ่งการแสดงสินค้าออกเป็น 2 ระยะ โดยครึ่งแรกของเดือนกันยายนเป็นสินค้าจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนครึ่งหลังของเดือนจะเป็นสินค้าจากภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้ เนื่องจากสินค้ามีจำนวนมาก

นอกจากนี้จะมีกิจกรรมสร้างองค์ความรู้ทางธุรกิจ มีการบรรยายจากวิทยากรชั้นนำ การให้คำปรึกษาและการสาธิตอีกทั้งกิจกรรมร่วมสนุก ส่งภาพถ่ายประกวด “ชิงตั๋วเครื่องบิน” ในเส้นทางที่เลือกได้ และจัดโปรโมชั่น “นาทีทอง สินค้าราคาพิเศษ” ณ ร้านสวัสดิการประชาชนอีกด้วย ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาเลือกซื้อสนับสนุนของดีราคาถูกจากทั่วประเทศของไทย บางครั้งเราก็ไม่มีโอกาสไปซื้อถึงที่เขาอยู่แล้ว เขาขนสินค้ามาขายที่นี่ แต่ก็ขอให้ราคาเหมาะสม ใครมีเพื่อนต่างชาติ หรือสถานทูตต่าง ๆ ในประเทศไทยที่มาทำงานอยู่ทั้งหมดก็เชิญชวนให้มาช่วยกันท่องเที่ยวตลอดเดือนกันยายนนี้

“ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม” ถือเป็นตลาดต้นแบบ ผมพูดมาหลายครั้งและจัดงานมาหลายอย่างแล้ว ถ้าเราทำแบบนี้ได้ในพื้นที่ทั่ว ๆ ไปให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นตลาดกลาง อะไรต่าง ๆ นี่คือแนวความคิดที่ต้องเกิดขึ้นโดยประชาชนต้องมีส่วนร่วม และวันหน้าเขาจะได้ทำเองได้ โดยที่ไม่ทำให้ราคาตกต่ำ หรือราคาสูงเกินเหตุ ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งพ่อค้าคนกลางก็ต้องมี ไม่มีไม่ได้ เพราะเป็นธุรกิจทางการค้า เพียงแต่ว่าถ้ามีอะไรที่มาถ่วงดุลกันได้ ราคาก็จะเหมาะสม อีกอย่างหนึ่งคือการดูแลสถานที่ท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาดูแลโดยทั่วไปอยู่แล้ว ทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ทุกชุมชน การท่องเที่ยวในเชิงนิเวศเป็นสิ่งสำคัญ บ้านเรามีโอกาสมาก

เพราะฉะนั้นอยากจะให้ประชาชนช่วยกันดูแลความปลอดภัย และรักษาความสะอาด ดูแลเรื่องทรัพยากรต่าง ๆ เหล่านั้นไม่ให้ทรุดโทรม เที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวขนาดเล็กแต่คนมีจำนวนมากเกินไปก็พังหมด หรือเที่ยวไปแล้วคนมากมายแน่นเกินไป สถานที่รองรับได้ แต่ประชาชนในพื้นที่รับไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้ประโยชน์ สิ่งนี้ผมสั่งรัฐมนตรีไปแล้วให้ลงรายละเอียดทั้งหมด

ย้ำชาติกำลังมีภัย ถามเคยฟังใครพูดอย่างผมได้หรือไม่

เรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะฝากว่า ในช่วงนี้ประเทศชาติกำลังมีปัญหา มีภัย จะเห็นได้จากที่ผมเข้ามา ก็ยังไม่หยุดหลาย ๆ เรื่อง ทั้งในประเทศ และนอกประเทศ ที่มีความขัดแย้งกันทั่วไป เราต้องลดของเราให้มากที่สุด เพื่อจะได้รวมกำลังกันในการป้องกันภัยที่จะมาจากภายนอก ขณะเดียวกันก็มีประชาชนบางพวกบางกลุ่มที่พยายามจะทำให้ประเทศไม่เข้มแข็ง เพื่อจะนำไปสู่อะไรก็แล้วแต่ ประชาชนต้องปฏิเสธ คนเหล่านี้ไม่ได้หวังดีกับท่าน ผมก็ไม่อยากจะบอกว่าผมดีกว่าเขา ไม่ใช่ แต่ดูการแสดงออก ดูการทำงาน ดูการพูด ดูการชี้แจงของผม ว่าท่านเคยฟังใครพูดอย่างผมได้หรือไม่ ขอบคุณครับ 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท