Skip to main content
sharethis

5 ส.ค.2558  รังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งให้กระทรวงการคลังดูแลการเก็บภาษีการซื้อขายผ่านออนไลน์ (อีคอมเมิร์ซ) ให้รัดกุมกว่าที่ผ่านมา โดยกระทรวงการคลังจะตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นมาดูแลกรณีดังกล่าว ซึ่งจะมอบหมายให้ 3 กรมภาษี คือ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ทำงานร่วมกันเพื่อตรวจสอบและการจัดเก็บภาษีดังกล่าว ให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนดไว้

ทั้งนี้ เบื้องต้นได้เรียกเจ้าหน้าที่ของกรมสรรพากร และกรมศุลกากรเข้ามาหารือแล้ว โดยในส่วนกรมสรรพากรได้ดำเนินการเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ยังไม่ลึกพอ เพราะเป็นการไปดูร้านค้าที่เปิดขายออนไลน์และเชิญเจ้าของมาพูดคุยให้เสียภาษีถูกต้องเท่านั้น แต่ยังไม่ได้ตรวจสอบการดำเนินการทางธุรกรรมที่แท้จริง ว่ามีรายได้ที่เกิดจากการซื้อขายจริงๆ เท่าไร และมีการเสียภาษีครบหรือไม่ ซึ่งร้านค้าออนไลน์มีต้นทุนต่ำจึงน่าจะมีกำไรมาก เมื่อเทียบกับร้านค้าที่มีหน้าร้านปกติ

กนง.มติเอกฉันท์คงดอกเบี้ยร้อยละ 1.5

เมธี สุภาพงษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 1.5 ต่อปี เนื่องจากเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 และทั้งปีมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งการประชุม กนง.ครั้งนี้ได้ปรับลดอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (จีดีพี) ลงต่ำกว่าร้อยละ 3 และการส่งออกหดตัวมากกว่าร้อยละ 1.5 โดยจะประกาศอย่างเป็นทางการวันที่ 25 กันยายนนี้

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากปัญหาภัยแล้งและการส่งออกที่ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าโดยเฉพาะจีนและเอเชีย ดังนั้น จึงเห็นควรให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายเอื้อต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจต่อไป แต่ยังมีปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวสูงกว่าคาดและการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐที่ทำได้ดีต่อเนื่อง

เปิดรับสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ 20 ส.ค.นี้  สำหรับผู้มีอาชีพอิสระ

วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เพื่อสร้างวินัยการออมในระยะยาว  จึงสนับสนุนให้ประชาชนทั่วประเทศที่มีอาชีพอิสระและไม่มีสวัสดิการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการรับเงินกรณีชราภาพ ให้สามารถใช้สวัสดิการรับเงินบำนาญผ่านกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จึงเชิญผู้มีอาชีพอิสระทั้งแท็กซี่ มอร์เตอร์ไซค์รับจ้าง พ่อค้า แม่ค้า รวมไปถึง ทนายความ นักบัญชี นักเรียน นักศึกษา นักการเมือง โดยผู้มีสิทธิ์สมัครเป็นสมาชิกจะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีและไม่เกิน 60 ปี แต่ปีแรกที่ พ.ร.บ. มีผลบังคับ ส่วนผู้สมัครมีอายุ 50 ปีขึ้นไปมีสิทธิออมกับกองทุนได้ 10 ปีนับจากวันที่เป็นสมาชิก

รัฐบาลพร้อมจัดโปรโมชั่นการรับสมัครในช่วงแรกระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่เปิดกองทุนได้ เปิดโอกาสให้คนอายุเกิน 60 ปีสมัครสมาชิกได้เป็นเวลา 10 ปี ส่วนผู้โอนจากกองทุนประกันสังคมให้เวลาตัดสินใจเป็นเวลา 6 เดือน สำหรับการรับสมัครในปีนี้ คาดว่าสามารถรับสมัครสมาชิก ได้ประมาณ 300,000 คน เนื่องจากรับโอนสมาชิกจากกองทุนประกันสังคมด้วย และสิ้นปี 59 เพิ่มเป็น 1.5 ล้านคน และเพิ่มเป็น 3 ล้านคน ในปี 2561  โดยผู้สมัครกองทุน กอช. สามารถนำเงินสมทบหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลเหมือนกับกองทุนสำรองรองเลี้ยงชีพและกองทุน กบข.

สมพร จิตเป็นธม เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ รัฐบาลได้มอบหมายให้ ธนาคารเพื่อเกษตรและสหกรณ์ (ธกส.)  ธนาคารออมสินและธนาคารกรุงไทยทุกขาสาทั่วประเทศเปิดรับสมัครสมาชิก  เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม สำหรับการเปิดงานที่ทำเนียบรัฐบาล  นายกรัฐมนตรี พร้อมเป็นผู้รับสมัครสมาชิกคนแรกของผู้ต้องการสมัครเป็นสมาชิกกองทุน กอช.

ที่มา สำนักข่าวไทย

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net