เครือข่ายผู้นำศาสนาและศาสนิก 5 ศาสนา ร่วมกับสถาบันสิทธิมนุษยชน มหิดล ออกแถลงการณ์ต่อเหตุรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้ เรียกร้องหยุดใช้ความรุนแรงกับผู้บริสุทธิ์ สร้าง ‘มาตรการคุ้มครองพลเรือน’ เร่งรัฐคุยสันติภาพเป็นวาระแห่งชาติ

27 ก.ค.2558 เครือข่ายผู้นำศาสนาและสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกันออกแถลงการณ์ต่อกรณีเหตุความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้ โดยเฉพาะเหตุลอบวางระเบิดครั้งล่าสุด ในเขตเทศบาลตำบลตะลุบัน อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี ตอนเช้าของวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้มีเจ้าหน้าที่เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 2 นาย พระสงฆ์มรณภาพ 1 รูป ได้รับบาดเจ็บ 1 รูป และมีประชาชนได้รับบาดเจ็บอีก 3 คน

แถลงการณ์ดังกล่าวออกโดย กลุ่มศาสนาเพื่อสันติภาพ สภาศาสนสัมพันธ์แห่งประเทศไทย, ศาสนาเพื่อสันติภาพ ศาสนิกสตรีระหว่างศาสนา, กลุ่มประสานสันติ และสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งระบุว่า การกระทำความรุนแรงโดยพยายามใช้ศาสนาเป็นเครื่องมือ เป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมิใช่หนทางในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือน โดยเฉพาะต่อผู้นำศาสนา รวมถึงมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ดังนี้

1. ผู้นำศาสนาและทุกฝ่ายร่วมกันนำคำสอนของแต่ละศาสนามาใช้เป็นพลังร่วมยับยั้งความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดกับชุมชนศาสนาและผู้นำศาสนาของศาสนาใดๆ

2. ผู้ใช้อาวุธทุกฝ่าย ยึดมั่นในกติกาการสู้รบที่เป็นธรรม ไม่ใช้ความรุนแรงต่อ ‘พลเรือนผู้บริสุทธิ์’ และขอทุกฝ่ายร่วมกันผลักดันให้เกิด ‘มาตรการคุ้มครองพลเรือน’ (Civil Protection Measurement) อย่างจริงจังในสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ

3. รัฐบาลดำเนินการให้กระบวนการสันติภาพในจังหวัดชายแดนใต้เป็นวาระแห่งชาติ และเร่งให้เกิดกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพ โดยให้เป็นกระบวนการครอบคลุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย และไม่สร้างเงื่อนไขเพิ่มเติม