รัฐบาลยืนยันว่า กทม.-ปริมณฑลยังมีน้ำประปาใช้ เจอท่อแตกท่อรั่ว น้ำไม่ไหลให้แจ้งสำนักงานประปา ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เผยมีการปรับลดการระบายน้ำ 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยา จาก 28 ล้าน เหลือ 18 ล้าน ลบ.ม. เพื่อให้มีน้ำใช้ถึงสิงหาคมซึ่งฝนจะตก โดยขอให้เกษตรกรงดสูบน้ำ ประชาชนประหยัดใช้น้ำ

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 ก.ค. (ที่มา: เว็บไซต์รัฐบาลไทย)

14 ก.ค. 2558 - สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย แจ้งวันนี้ (14 ก.ค.) ว่า รัฐบาลยืนยันประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลยังคงมีน้ำประปาใช้ตลอดช่วงที่ประสบปัญหาภัยแล้ง ขอให้ประชาชนอย่าได้วิตกกังวล โดยขณะนี้มีปริมาณน้ำดิบเพียงพอสำหรับผลิตน้ำประปา เพื่อการอุปโภคบริโภค ประกอบกับฝนเริ่มตกทำให้ปริมาณน้ำต้นทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่ในต่างจังหวัดมีบริการจ่ายน้ำประปาจากพื้นที่ที่ประสบปัญหาไม่รุนแรงไปยังพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำ รวมทั้งยังมีศูนย์ติดตามสถานการณ์ 24 ชั่วโมง เพื่อบูรณาการการบริหารจัดการน้ำให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และยืดระยะเวลาการจ่ายน้ำในช่วงฤดูแล้งให้ยาวนานยิ่งขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลขอความร่วมมือประชาชนร่วมกันใช้น้ำอย่างประหยัดหรือหากพบเห็นท่อประปาแตกรั่ว น้ำประปาไม่ไหลหรือไหลอ่อน โปรดแจ้งสำนักงานประปาใกล้บ้านโดยด่วน

ขณะเดียวกัน หลังประชุมคณะรัฐมนตรี สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานด้วยว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติปรับแผนส่งน้ำตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. 2558 เป็นต้นไป โดยจะปรับลดการระบายน้ำใน 4 เขื่อนหลักในลุ่มเจ้าพระยาที่มีปริมาณน้ำอยู่ 587 ลูกบาศก์เมตรที่จากเดิม ระบายวันละ 28 ล้านลูกบาศก์เมตร ลดลงวันละ 2 ล้านลูกบาศก์เมตรจนเหลือ 18 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะทำให้มีน้ำใช้ไปจนถึงเดือนสิงหาคมในช่วงที่ฝนตก

โดยในระหว่างนี้เกษตรกรจะต้องไม่สูบน้ำไปทำการเกษตร เพราะเป็นส่วนที่จะสำรองไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภค เพื่อให้มีน้ำต้นทุนเหลือเพียงพอ ซึ่งหลังจากตรวจพบปริมาณน้ำฝนและน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ จึงขอความร่วมมือให้ประชาชนช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด โดยไม่มีความจำเป็นต้องสำรองน้ำไว้ใช้ ทั้งนี้ ยังได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดร่วมติดตามและทำงานกับเจ้าหน้าที่ทหารที่สำรวจแหล่งน้ำและพื้นที่เกษตรที่เสียหาย รวมถึงชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย

ด้านนายปีติพงษ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่ารัฐบาลได้เตรียมมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร โดยจะมุ่งเน้นในเรื่องของการสร้างรายได้มาทดแทนรายได้หลักในภาคเกษตร และขอให้ประชาชนเข้าใจถึงความจำเป็นในการนำน้ำไปใช้ในภาคการรักษาสิ่งแวดล้อม เนื่องจากมีผลกระทบในวงกว้างหากเกิดความเสียหาย