เกาหลีใต้หวั่นโรคเมอร์สกระทบเศรษฐกิจ ผู้นำเรียกร้องผู้คนอย่าตื่นตระหนก

หลังจากมีการประเมินว่าการระบาดของโรคเมอร์สล่าสุดในเกาหลีใต้ทำให้นักท่องเที่ยวลดลงมากกว่า 50,000 คน และคนในประเทศออกจากบ้านไปจับจ่ายน้อยลง ประธานาธิบดีปาร์คกึนเฮก็ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนอย่าตื่่นตระหนก ส่วนนักวิชาการแนะว่าการที่รัฐบาล "ไม่แสดงตัว" ให้เห็นการแก้ไขปัญหาส่งผลต่อภาพลักษณ์ทำให้ความนิยมลดลง

11 มิ.ย. 2558 เว็บไซต์เดอะวอลล์สตรีทเจอนัลรายงานว่าในขณะที่ทางการเกาหลีกำลังรับมือกับการระบาดของโรคเมอร์สที่เกิดจากไวรัสเมอร์สคอฟ (MERS-CoV) แต่นอกจากจะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งแล้ว ในตอนนี้ทางการเกาหลีใต้ยังเป็นห่วงว่าเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบไปด้วย

ในแง่สถานการณ์โรคเมอร์สเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (10 มิ.ย.) ทางการเกาหลีใต้ประกาศว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคเพิ่มขึ้นเป็น 9 รายแล้ว และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 13 ราย รวมเป็น 108 ราย โดยหลังจากที่เกิดเหตุโรคระบาดนี้ทำให้ประชาชนผู้บริโภคพากันอยู่แต่ในบ้านและนักท่องเที่ยวพากันยกเลิกการเดินทางไปเกาหลีใต้ซึ่งนักวิเคราะห์เศรษฐกิจมองว่าการระบาดในครั้งนี้จะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมากซึ่งเดิมทีก็ได้รับผลกระทบจากการส่งออกที่ลดลงอยู่แล้ว

เรื่องนี้ทำให้ปาร์คกึนเฮประธานาธิบดีเกาหลีใต้ยกเลิกการเดินทางไปเยือนสหรัฐฯ เพื่อหารือด้านความมั่นคงโดยเฉพาะประเด็นเกาหลีเหนือ เธอยังเรียกร้องให้ประชาชนไม่ตื่่นตระหนกต่อโรคเมอร์สมากเกินไปจนทำให้เศรษฐกิจแย่ลง ทางด้านโฆษกของปาร์คกึนเฮกล่าวว่าประธานาธิบดีได้จัดสรรงบประมาณของประเทศเพื่อจัดการกับการระบาดของโรคเมอร์สอย่างเต็มที่

โรคเมอร์สเกิดจากไวรัสโคโรนาที่เรียกว่าเมอร์สคอฟ (MERS-CoV) ซึ่งเคยระบาดอย่างหนักในซาอุดิอาระเบียในปี 2555 ทางการเกาหลีรายงานกรณีผู้ติดเชื้อที่เกิดขึ้นกรณีแรกเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาหลังตรวจพบโรคในชายวัย 68 ปีที่เดินทางกลับประเทศหลังไปเยือนประเทศในแถบตะวันออกกลางและรายงานผู้เป็นโรคเมอร์ส รายต่อๆ มาก็พบว่าล้วนเป็นคนที่เคยติดต่อโดยตรงกับคนไข้วัย 68 ปีรายนี้ทั้งสิ้น

ถึงแม่ว้าจะมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นแต่ทางเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขเกาหลีใต้กล่าวว่าการระบาดสามารถควบคุมได้เนื่องจากกรณีการติดเชื้อรายใหม่เกิดขึ้นกับคนที่อยู่ภายใต้การกักด่านควบคุมโรคอยู่แล้ว โดยมีการกักด่านประชาชนเกือบ 3,000 รายเพื่อป้องกันการแพร่กระจายไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเมอร์สแล้ว เจ้าหน้าที่ยังเปิดเผยอีกว่าผู้เสียชีวิตรายใหม่ทั้ง 2 รายเป็นผู้สูงอายุที่มีโรคร้ายแรงอื่นๆ อยู่ก่อนแล้ว แต่ทางด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้ทางการเกาหลีใต้เพิ่่มมาตรการป้องกันการติดเชื้ออย่างเข้มงวดมากขึ้น

วอลลสตรีทเจอนัลระบุว่าจากที่ผู้คนชาวเกาหลีใต้กังวลเรื่องโรคเมอร์สทำให้พวกเขาออกจากบ้านน้อยลง โดยในสัปดาห์แรกของเดือน มิ.ย. ยอดขายของห้างสรรพสินค้าในเกาหลีใต้ลดต่ำลงร้อยละ 16.5 จากข้อมูลของรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีผลกระทบเรื่องการท่องเที่ยวที่รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยว่าจากการสำรวจเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (8 มิ.ย.) มีนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วราว 54,400 รายยกเลิกการเดินทางเข้าเกาหลีใต้หลังจากที่มีการประกาศเรื่องโรคเมอร์ส ซึ่งจำนวนนี้นับเป็นร้อยละ 7 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่ไปเยือนเกาหลีใต้ปี 2557

วอลสตรีทเจอนัลระบุอีกว่าในเขตประเทศแถบเอเชียแปซิฟิกมีฮ่องกงเพียงที่เดียวเท่านั้นที่แนะนำไม่ให้เดินทางไปเกาหลีใต้ประเทศอื่นๆ นอกจากนี้แนะนำเพียงแค่ให้นักท่องเที่ยวใช้ความระมัดระวัง

ทางการเกาหลีใต้ยังเสนอมาตรการรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เช่น การช่วยเหลือด้านเงินทุนแก่ธุรกิจขนาดเล็ก แผนการช่วยเหลือโรงพยาบาลและคลินิกที่คนไม่กล้าเข้าเพราะกลัวจะติดโรคเมอร์ส อีกทั้งนักวิเคราะห์ยังคาดหวังว่าธนาคารกลางของเกาหลีใต้อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งในปีนี้นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่าการแพร่ระบาดของโรคเมอร์สอาจจะทำให้เกาหลีใต้สูญเสียรายได้ถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 47 ล้านล้านบาท) ทำให้อัตราการเติบโตลดลงร้อยละ 0.8 ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการประเมินว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้จะเติบโตลดลงอยู่แล้ว

นอกจากเรื่องเศรษฐกิจแล้ว วิกฤติโรคเมอร์สยังส่งผลให้ความนิยมของรัฐบาลปาร์คกึนเฮ โดยจากการสำรวจของกัลลัพเกาหลีเมื่อสัปดาหืที่แล้วพบว่ารัฐบาลได้รับความนิยมลดลงร้อยละ 6 และนักวิเคราะห์การเมืองก็พากันวิจารณ์ว่าการจัดการวิกฤติปัญหาของปาร์คกึนเฮคล้ายกับปฏิกิริยาหลังจากเหตุการณ์เรือเซวอลล่มเมื่อปีที่แล้วซึ่งเธอถูกตั้งคำถามว่าเธอจะสามารถแสดงตัวว่าเป็นผู้จัดการปัญหาวิกฤติได้หรือไม่

ลีแนยอง ศาตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเกาหลีกล่าวว่าการที่ปาร์คกึนเฮไม่ได้แสดงตัวให้เห็นว่าเข้ามาจัดการกับสถานการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับฝักฝ่ายทางการเมืองและส่งผลต่อความรู้สึกของผู้คนจะทำให้ชื่อเสียงของรัฐบาลเธอเสื่อมเสีย โดยชินยูลศาตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์อีกคนหนึ่งเปรียบเทียบกับการที่บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงออกต่อสื่อในช่วงวิกฤติอีโบลาด้วยการสวมกอดผู้ที่ได้รับการรักษาจากอีโบลาเพื่อลดความหวาดกลัวต่อเชื้ออีโบล่าได้

เชื้อไวรัสเมอร์สคอฟจะติดต่อโดยส่งผ่านจากผู้ป่วยไปยังผู้อื่นผ่านทางการสัมผัสใกล้ชิดแต่ยังไม่มีหลักฐานชี้ให้เห็นว่ามีการติดต่ออย่างต่อเนื่องในระดับชุมชน ผู้เป็นโรคเมอร์สจะมีอาการคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ เช่นมีไข้ มีอาการไอ หรือมีการหายใจลำบาก ระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งมีโอกาสจะเกิดอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

เว็บไซต์หน่วยคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล แนะนำการปฏิบัติตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อต่างๆ เช่น การปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยที่ดี การหลีกเลี่ยงเข้าไปในพื้นที่แออัด การสวมหน้ากากอนามัยเพื่อลดความเสี่ยง เป็นต้น

 

เรียบเรียงจาก

Fear of MERS Risks Infecting South Korea’s Economy, The Wall Street Journal, 10-06-2015

ข้อมูลเพิ่มเติมจาก

http://www.cdc.gov/coronavirus/mers/about/index.html

เรื่องโรคเมอร์ส จาก หน่วยคลังข้อมูลยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท