จอห์น เดรเปอร์: หนึ่งปีรัฐประหารบนถนนสู่นรก

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
 
"ถนนสู่นรกมักจะปูทางด้วยความตั้งใจดีเสมอ" สุภาษิตอังกฤษโบราณ
 
 
ผ่านไปแล้วหนึ่งปีสำหรับความสำเร็จครั้งที่ 12 ของการปฏิวัติรัฐประหารในประเทศไทย มีความคืบหน้าบางประการ เช่น การร่างกฎหมาย แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และพรรคการเมือง จะไม่ได้รับอนุญาตให้จัดประชุมปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยก็ตาม นอกจากนี้ ประเทศไทยได้เริ่มต้นที่จะเอาจริงเอาจังกับปัญหาที่เป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ นั่นก็คือ คดีการลักพาตัว การค้าทาส ทาสทางเพศ ปัญหาหนี้สิน และการฆาตกรรมหมู่ หรืออาจจะเรียกว่า ค่ายสังหารก็ได้ ส่วนปัญหาใหญ่คือปัญหาคอรัปชั่น- ภายใต้ข้อตกลงเรื่องความโปร่งใสระหว่างประเทศ ในกรณีที่มีการยกเว้นโทษในระดับรัฐ – จะยังคงถูกใช้ ตราบเท่าที่การดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่กระทำผิดไม่ได้รับการนำมาปฏิบัติ การคอรัปชั่นเชิงระบบของประเทศไทยจะยังคงมีต่อไป ตราบใดที่ข้าราชการระดับสูงที่กระทำผิดไม่ถูกลงโทษ 
 
ในกรณีนี้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกลไกบางอย่างเพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในปีที่ผ่านมา เพื่อให้เห็นสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้น มันเป็นเรื่องง่ายที่จะกล่าวหาว่าเป็นผลของรัฐบาลเผด็จการทหารและอำนาจนิยม แต่อะไรคือสิ่งที่ลัทธิอำนาจนิยมกำลังไล่ตาม(อาจจะคอมมิวนิสต์หรืออำนาจนิยมฟาสซิสต์)? แผนงานของคณะกรรมการในการกำกับดูแลทางศีลธรรม - สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ นำรูปแบบการควบคุมทางวัฒนธรรมแบบระบบคอมมิวนิสต์ในการกำกับเรื่องการเมืองและประชาชน ซึ่งคล้ายกับที่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามใช้
 
มีตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดที่เราได้เห็นในปีนี้ นั่นคือ ระบบการเมืองการปกครองที่เข้มข้นแบบชาตินิยมสุดโต่ง และหลังการประกาศใช้ กฎหมายมาตรา 44 ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันกลายเป็นเผด็จการทั้งทางนิตินัยและพฤตินัย และเนื่องจากวัฒนธรรม 12 ประการ ที่เคยบังคับใช้ในสมัยจอมพล ป. พิบูลย์สงคราม ก็ยังได้ปรากฏอยู่ในความทรงจำของกองทัพไทยและสังคมไทยในวงกว้าง  
 
อุมแบร์โต เอโค (Umberto Eco) ได้ให้คำนิยามคุณลักษณะของลัทธิฟาสซิสต์ไว้ได้ชัดเจนมากที่สุด นั่นคือ ลักษณะ 14 ประการของนักอำนาจนิยมตลอดกาล (Eternal Fascism or Ur-Fascism) โดย เอโคได้ตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะมีเพียงแค่หนึ่งลักษณะจาก 14 ลักษณะ ก็สามารถบอกได้ว่าเป็นชาตินิยมตลอดกาลแล้ว เพราะนอกเหนือจากนั้น อาจจะมีลักษณะที่มีความขัดแย้งในตัวเอง อย่างไรก็ตาม ความคิดเห็นต่อบริบทของสังคมไทยในปัจจุบัน มีข้อเสนอว่าอาจจะต้องเกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งลักษณะหรืออาจมีทั้งหมด 14 ลักษณะก็ได้
 
ลัทธิความเชื่อ แน่นอนว่าไม่ใช่ลัทธิความเชื่อทั้งหมดที่เป็นฟาสซิสต์ 
 
เอโค ตั้งข้อสังเกตว่า ลัทธิ คือ การผสานรวมลักษณะต่างๆ ที่หลากหลายหรือไม่เข้ากัน และทำให้แข็งตัว ทำให้มันกลายเป็นที่ยอมรับ โดยที่ไม่สามารถตั้งคำถามได้หรือเป็นสิ่งที่เป็นความจริงโดยไร้ซึ่งคำถาม ลัทธิความเชื่อที่ชัดเจนที่สุดในประเทศไทย คือสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องขีดเส้นใต้ไว้ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยไม่ได้เป็นเผด็จการ ในความเป็นจริง หลังปี 2475 ธรรมราชาในสถาบันพระมหากษัตริย์อาจถูกมองว่าเป็นลิทธิความเชื่อแบบชนพื้นเมืองหรือรัฐธรรมนูญตะวันตกในรูปแบบพุทธ แนวคิดตะวันตกเกี่ยวกับสิทธิของกษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ เช่น สิทธิในการเป็นที่ปรึกษา สิทธิในการให้กำลังใจหรือคำแนะนำ และสิทธิในการว่ากล่าวตักเตือน เช่นเดียวกับบุคคลใด ๆ ก็ตามที่จะเป็นผู้นำ ก็จะได้รับสิทธิทั้งสามนี้ แต่จะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับบารมีของแต่ละบุคคล
 
อย่างไรก็ตามผู้สังเกตการณ์สถานการณ์ประเทศไทยทั้งที่เป็นชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้มองระบบ “เทวราชา” (สมมติเทพ) ของสถาบันกษัตริย์ไทยสมัยใหม่ด้วยความเป็นห่วงบางอย่างจากสองแนวคิด คือ ประเพณีแบบ “สุโขทัย (ธรรมราชา)” และ “อยุทธยา (เทวราชา)” ซึ่งแบบแรกจะให้ภาพการอบรมสั่งสอนตามระบบของพระเจ้าอโศกมหาราช และพระธรรมราชาพระองค์แรกในสถาบันกษัตริย์ไทย คือ พระยาลิไทย และรูปแบบที่สอง จะมีการผสมผสานความเชื่อแบบฮินดูและเขมรเข้าด้วยกัน ประเพณีแบบเทวราชา ยังมีหลักฐานปรากฏในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่อัญเชิญดวงวิญญาณพระศิวะและพระวิษณุเพื่อเพิ่มอำนาจให้กับกษัตริย์องค์ใหม่ เช่นเดียวกับที่ชาวฮินดูให้เคารพนับถืองานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ("จุดเริ่มต้นอันเป็นมงคลในฤดูเพาะปลูกข้าว" หรือ “พิธีแรกนาขวัญ”) ซึ่งจัดขึ้นที่ท้องสนามหลวง โดยจะมีพระโคเสี่ยงทายโดยการเลือกกินอาหารที่พยากรณ์สภาพอากาศและคุณภาพของผลิตผลทางการเกษตรในอนาคต ทั้งนี้ อยากจะมีการชี้แจงเกี่ยวกับผู้เขียน ซึ่งมีความเคารพต่อวัฒนธรรมพื้นเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อผู้สังเกตการณ์นั้นๆ ได้ทำการศึกษาข้อมูลและสามารถเข้าใจความหมายของพิธีกรรมได้ด้วยเหตุผลและไม่มีความโน้มเอียงในความเชื่อทางไสยศาสตร์ 
 
ไสยศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสมมติเทพของไทยปรากฏในหลาย ๆ ด้าน แต่ไม่สามารถผสมกลมกลืนกันได้กับพุทธศาสนานิกายเถรวาท ที่เน้นเส้นทางการไปสู่นิพพานโดยปัจเจกบุคคลโดยไม่คาดหวังความช่วยเหลือจากเทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ การผสมผสานทั้งสองความเชื่อเข้าด้วยกัน คือ สมมติเทพ หรือ เทวราชา ปรากฏขึ้นในไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา และเป็นรูปแบบที่เผด็จการทหารได้นำมาใช้ในการปลูกฝังในเชิงจิตวิทยาในชั้นเรียน ตัวอย่างเช่น ผู้เขียนเองได้มีโอกาสได้ฟังการสัมมนาที่จัดโดยสถานบันการศึกษาชั้นนำของไทย ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามันคือสงครามจิตวิทยาที่นำไปบรรยายให้นักเรียนนักศึกษาฟังโดยแพทย์ผู้ที่อ้างว่าการสอนของตนนั้นมีวิญญาณของพระมหากษัตริย์ที่เสด็จสวรรคตหลายๆพระองค์มานั่งฟัง ซึ่งเรื่องนี้ทำการพิสูจน์โดยคุณหมอท่านนี้ได้โชว์ภาพถ่ายการบรรยายที่ผ่านมา ที่ในรูปภาพนั้นมีจุดเปื้อนขาวๆบนภาพ โดยเขาบอกว่านั่นคือ วิญญาณของพระมหากษัตริย์ไทยที่สวรรคตไปแล้ว การใช้จุดบนภาพมาอธิบายการปรากฏตัวของจิตวิญญาณมีประวัติศาสตร์อันยาวนานในประเทศตะวันตก แม้แต่ในเว็บไซท์วิกิพีเดียก็ยังมีหัวข้อเกี่ยวกับถ่ายภาพจิตวิญญาณ ถึงแม้ว่าสงครามจิตวิทยานี้จะเป็นวิธีการที่พระราชวงศ์ไทยใช้ในการส่งเสริมความเชื่อเรื่องเทวราชา แต่ก็ยังไม่แน่นอนว่าจะได้รับการยอมรับ แต่สิ่งที่ควรจะให้ความสนใจมากกว่านั้นก็คือ การบรรยายนี้ได้รับการสนับสนุนจากหนึ่งในสถาบันการศึกษาไทยที่ดีที่สุดในประเทศ แต่ผู้เขียนขอไม่กล่าวถึงชื่อของนายแพทย์ท่านนั้น และสถาบันการศึกษาที่เป็นเจ้าภาพจัด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมาย โดยเฉพาะในข้อหาหมิ่นประมาทหรืออาจจะแย่กว่านั้น 
 
นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตผ่านค่านิยมหลัก 12 ประการของคนไทย ที่เผด็จการทหารได้ใส่ลงในมาตราพิเศษของรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งปรากฏในค่านิยมข้อที่ 1, 7, 9, และ 10 ซึ่งเป็นรูปแบบการผสมผสานความเชื่อหรือประเพณีที่แตกต่างเข้าด้วยกัน เราจะเห็นว่ามีชุดผสานค่านิยมหลักชุดล่าสุดโดยกองทัพกับวัฒนธรรม 12 ประการที่ปรากฏบังคับใช้ในสมัย จอมพล ป. พิบูลย์สงคราม ในช่วงปี พ.ศ. 2482 – 2485 กับชุดการหลอมรวมระบบฟาสซิสต์ตะวันตกเข้ากับระบบบูชีโดของญี่ปุ่น และในสมัยจอมพล ป. พิบูลย์สงคราม มีเพียงเรื่องการยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญพระบารมีเท่านั้นที่ถูกระบุไว้ในกรณีที่แสดงความเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ 
 
2. การปฏิเสธอย่างไร้เหตุผลของอุดมการณ์สมัยใหม่ อาจจะรวมถึงระบอบทุนนิยมด้วย แม้ว่าอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก ตัวอย่างหนึ่งของความเชื่อของการไร้เหตุผลนี้คือ ประวัติศาสตร์ไทยได้ตายไปแล้ว ซึ่งหัวใจของปัญหาคือความล้มเหลวของระบบการศึกษา คะแนนโอเน็ตเปรียบเทียบระหว่างกรุงเทพ คือ 40.8 และอีสานอยู่ที่  32.8  ถึงแม้ว่าจะมีการพัฒนาห้องเรียนระบบดิจิตอลในปัจจุบันแต่กลับด้อยศักยภาพในการปฏิรูประบบการศึกษา เพราะการแทรกซึมควบคุมมันสมองประชาชนผ่านอุดมการณ์ของรัฐนั่นเอง ตัวอย่างเช่น ความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของราชวงศ์จักรีไม่เคยกระทำความผิดไม่ว่ากรณีใดใด โดยมีกฎหมายลงโทษผู้ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ  และปัจจุบันกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนี้ได้ขยายครอบคลุมไปถึงการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพพระนเรศวรมหาราชด้วย ซึ่งคดีล่าสุดที่เกี่ยวกับการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ  คือ กรณีการกระทำผิด ม.112 ของ อ.สุลักษณ์ ศิวลักษณ์ ที่กล่าวว่า พระนเรศวรไม่มีตัวตนจริง ซึ่งอาจารย์ได้กล่าวในงานเสวนาที่จัดโดยมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อเดือนตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา การหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จึงเป็นสัญลักษณ์ทางอุดมการณ์ของรัฐที่ตีความให้ประวัติศาสตร์และปรัชญาสมัยใหม่ของสังคม ไม่สามารถใช้ทฤษฎีแบบที่นำเสนอโดย เดอไคห์ม มาร์กซ์ และเวเบอร์ มาอธิบายได้โดยไม่มีความผิดหรือต้องโทษจำคุกได้ 
 
ถึงตอนนี้รัฐไทยมีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแล้ว ประมาณ 204 กรณี ด้วยโทษจำคุกถึง 50 ปี (ลดลงไป 25 หากยอมรับสารภาพ) คดีล่าสุดเป็นหญิงชรา อายุ 65 ปี ที่แพทย์วินิจฉัยว่ามีความผิดปกติท​างจิต ยิ่งกว่านั้น ความหวังในการให้การศึกษาแก่นักเรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของไทยก็ถูกทำลายโดยการไม่กล่าวถึงชื่อบุคคลที่มีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์ไทยอย่างอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ในตำราเรียนวิชาประวัติศาสตร์
 
นอกจากนี้ ในปี 2549 ยังมีกลุ่มต่อต้านทุนนิยม ซึ่งได้พยายามจัดตั้งกลุ่มที่สนับสนุนการนำ "ปฏิญญาฟินแลนด์" กลับมาใช้ โดยสมาชิกกลุ่มนี้เป็นอดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เช่น อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย ได้สมคบกันพัฒนาทฤษฎีมาร์กซิสต์ดั้งเดิมเพื่อกำหนดแผนกลยุทธ์ของพรรคไทยรักไทยเพื่อส่งเสริมทุนนิ​ยม บทสรุปของทฤษฎีนี้ คือ การที่ประเทศไทยในช่วงปี 2513 ยังคงเป็นสังคมกึ่งศักดินาและจำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ระบบทุนนิยมเพื่อให้ในที่สุดระบบทุนก็จะโอบล้อมสังคมนิยม คอมมิวนิสต์ แล้วคนกลุ่มนี้ก็ได้เข้าทำงานกับทักษิณโดยมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจทุนนิยม ขจัดระบบศักดินาอออกจากสังคมไทย และทำการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ
 
ในท้ายที่สุดแล้วจุดมุ่งหมาย คือ การค้นพบการปกครองแบบเผด็จการพรรคเดียวซึ่งก็จะนำไปสู่​​สังคมนิยมบริสุทธิ์ซึ่งแนวคิดนี้ได้รับการนำกลับมาพูดคุยอีกครั้งในปี 2553 ที่ศูนย์การแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินกลุ่มคนเสื้อแดงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในเดือนเมษายน 2553 และหลังจากนั้น กลุ่ม กปปส. ก็ได้นำเนื้อหามาพัฒนาต่อ แต่จะออกไปในแนวอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง หรือ เรียกว่า “การเมืองใหม่” ซึ่งก็เหมือนจะกลับไปคล้ายกับยุคสมัยของคุณจำลอง ศรีเมือง และพรรคพลังธรรม ที่พยายามจะให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทย ที่น่าสนใจ คือ กลุ่ม กปปส. ระบุในเดือนนี้ว่าจะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์นำหลักแห่งพุทธศาสนาแบบกระจายอำนาจสู่ชุมชนท้องถิ่นภายใต้สถาบันพระมหากษัตริย์หรือสังคมอุดมธรรมที่ไม่จำเป็นต้องมีรัฐบาลกลางที่เข้มแข็ง (Anarcho-Syndicalist) ขึ้นมาเป็นกระแสหลักในสังคมให้ได้ 
 
ถึงจุดนี้ ก็ควรจะชี้ให้เห็นว่าการที่ผู้เขียนไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนทุนนิยมสากลที่แพร่หลายไปกับบรรษัทข้ามชาติ และผู้เขียนเองก็ไม่ใช่กลุ่มผู้สนับสนุนระบบพุทธพาณิชย์ ที่เป็นรูปแบบการรับใช้สังคมแบบที่ภาคธุรกิจทำกันอย่างที่เรียกว่า การแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคธุรกิจ (Corporate Social Responsibility-CSR) ที่กำลังได้รับความนิยมในประเทศไทย ซึ่งนั่นก็เป็นอีกชั้นหนึ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาของระบบทุนนิยม 
 
3. การเชื่อมโยงระหว่างความไร้เหตุผลและการกระทำเพื่อประโยชน์ของการกระทำนั้นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ
 
การต่อต้านปัญญาชน ในปีที่ผ่านมา มีตัวอย่างที่ดีที่สุดและชัดเจน คือ กรณีของการลี้ภัยจากการเผชิญกับภัยคุกคามถึงชีวิตของอาจารย์นักประวัติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นฯ ดร. สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล 20 ปีกับอาชีพนักวิชาการและเป็นหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยได้สิ้นสุดลงเพราะคดีนี้ และเหตุการณ์ 4 มีนาคม ที่มีจดหมายประท้วงที่ลงนามโดย 238 ปัญญาชนจาก 19 ประเทศ และในปัจจุบัน นักศึกษาและอาจารย์มหาวิทยาลัยถูกตรวจสอบติดตามทั้งต่อหน้าและทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆจากหน่วยปฏิบัติการรักษาความมั่นคงภายใน มีการป้องกันมิให้มีการจัดประชุมใดๆ และยังมีการตามไปข่มขู่สมาชิกครอบครัวที่บ้านอีกด้วย เป็นที่น่าสังเกตว่าข้อจำกัดและการข่มขู่เหล่านี้ไม่ได้นำไปใช้กับนักวิชาการแต่จะใช้กับปัญญาชนฝ่ายซ้าย ในขณะเดียวกันในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญได้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากสังคมเพื่อนำเอาข้อมูลมาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเยาวชนแต่ปรากฏว่าไม่ค่อยมีคนมาร่วมเวที ซึ่งเป็นผลมาจากตัวรัฐบาลเองต่างหากที่เป็นผู้ห้ามไม่ให้มีการประชุมใดๆ
 
4. การใช้อำนาจปิดปากประชาชนไม่ให้เห็นต่าง ใครที่เห็นต่างจะถูกประณามว่าเป็นกบฏ (ไม่เห็นด้วยเป็นกบฏ) ซึ่งการเห็นต่างเป็นทั้งรากฐานที่สำคัญของวิธีการทางวิทยาศาสตร์และเป็นหัวใจหลักของระบอบประชาธิปไตย ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดในประเด็นนี้คือ การที่รัฐบาลทหารปัจจุบัน ได้ประณามการสืบสวนของสื่อมวลชนรวมทั้งการข่มขู่ คุกคามเอาชีวิต และข้อกล่าวหาเหตุการณ์ฆาตกรรมประชาชนโดยทหารไทย มีตัวอย่างเมื่อปี 2557 ที่เป็นเรื่องที่ยังไม่สามารถจับตัวผู้กระทำผิดได้ กรณีที่เด็กผู้ชายมุสลิม 3 คน อายุ 3 ปี 5 ปี และ 9 ปี ถูกฆาตกรรม ซึ่งนี่ไม่ใช่กรณีเดียว แต่ส่วนใหญ่ยังไม่พบตัวฆาตกร มีอีกตัวอย่างที่เกี่ยวกับการสืบเสาะข้อมูลของสื่อมวลชน เช่น การประณามนักข่าวช่อง 3 ทำข่าวเรื่องลูกเรือประมงไทยที่ถูกจับขังคุกและหลายรายเสียชีวิตในคุกที่อินโดนีเซีย 
 
ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความผิดฐานกระทำให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน (มาตรา 116 แห่งประมวลกฎหมายอาญา การจลาจลและความรุนแรง) ได้รับการยกระดับในการนำมาใช้ โดยนำมาใช้กับกรณีคนไทย 3 คน ที่ชูป้ายเรียกร้องให้ภาคเหนือ คือ เชียงราย เชียงใหม่ และพิษณุโลก ลุกขึ้นต่อสู้กับกรุงเทพฯ นอกจากนั้น พล.อ. ประยุทธ ยังได้กล่าวหาผู้สื่อข่าวที่ทำการตรวจสอบการปฏิบัติที่ผิดกฎหมายในการค้าการประมงซึ่งอาจนำไปสู่​​การสูญเสียทางเศรษฐกิจ นายกฯ ประณามกรณีนี้ว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงของประเทศ และแน่นอนว่าได้เรียกร้องให้นักข่าวคนนี้รับผิดชอบค่าเสียหายทางชื่อเสียงและเศรษฐกิจของประเทศ วิธีคิดแบบนี้มีที่มาจากเนื้อหาส่วนที่ 2 และ 3 ของจอมพล ป. พิบูลย์สงคราม ซึ่งมีข้อความดังนี้ "คนไทยต้องไม่เปิดเผยสิ่งที่เป็นผลเสียหายต่อชาติ ให้ชนต่างชาติล่วงรู้เลยโดยเด็ดขาด การกระทำเช่นนั้น เป็นการทรยศต่อชาติ "และ" ชนชาติไทยต้องไม่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนหรือเป็นปากเสียงของต่างชาติโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติไทย ต้องไม่ออกเสียงหรือแสดงตนเข้าข้างในกรณีที่เป็นปัญหาระหว่างชาติ การกระทำเช่นนั้น เป็นการทรยศต่อชาติ " การตีความหมายให้เป็นกบฏดังกล่าว เป็นการทำลายการทำงานของสื่ออย่างช้าๆ รวมถึงการแสดงออกที่เป็นการแสวงหาความรู้และเป็นแนวทางประชาธิปไตยของนักวิชาการ
 
5. การหวาดระแวงหรือกลัวความแตกต่าง เช่น การกลัวความเป็น “อื่น” ที่อยู่ภายในหรือภายนอก – เกลียดกลัวชาวต่างชาติและการเหยียดสีผิว ความกลัวความเป็นคนอื่น ๆ ที่อยู่ภายใน อันนี้เชื่อมโยงโดยตรงถึง การต่อต้านความเป็น ไทย-ลาว และ คนเมือง ที่เป็นกลุ่มผู้สนับสนุนทักษิณ เราจะเห็นความคิดเหล่านี้ผ่านการแสดงความคิดเห็นผ่านช่อง เอเอสทีวี หรือบนเวทีปราศรัยคัดค้าน “ควายแดง” เมื่อประมาณสี่ปีที่แล้ว รวมถึงสโลแกนต่างๆ เช่น" ฆ่าให้ตายไอ้พวกควายแดงทักษิณ" "ยิงพวกเสื้อแดงให้หมด" และ "พวกควายโง่กลับบ้านไป๊" ยังมีการพูดที่แสดงให้เห็นถึงความกลัวอื่น ๆ ที่เกี่ยวโยงกับการคัดค้านโดยตรงกับทักษิณ เช่น ความเป็นคนไทยเชื้อสายจีน และในความเป็นผู้หญิงของยิ่งลักษณ์ นอกจากนี้ยังมีปัญหาสถานการณ์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกี่ยวโยงถึงชาวมุสลิมซึ่งสถานการณ์แย่ลงอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีมายาคติที่คนทั่วไปมองชาวเขาว่าเป็นผู้ค้ายาเสพติดและลักลอบตัดไม้ ซึ่งเราจะเห็นได้บ่อยในละครน้ำเน่าไทย นอกจากนี้ เรายังเห็นได้ว่า พวกไฮเปอร์ชาตินิยม ยังไม่ตระหนักถึงกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ นั่นคือ กลุ่มชาติพันธุ์ ไทย-ลาว และ คนเมือง และไม่มีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ใดๆ รวมทั้งสิทธิมนุษยชนด้านภาษาศาสตร์ และไม่มีการลงนามในสนธิสัญญาระหว่างประเทศใดๆในประเด็นเหล่านี้เลย เช่น องค์การยูเนสโก (2003) ว่าด้วยอนุสัญญาเพื่อการปกป้องมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม (ให้สัตยาบันหรือการยอมรับจาก 143 ประเทศ) และยูเนสโก (2005) อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองและส่งเสริมความหลากหลายของการแสดงออกทางวัฒนธรรม (ให้สัตยาบันหรือการยอมรับจาก 125 ประเทศ)
 
ความกลัวความเป็นอื่นจากภายนอก ที่เห็นได้ชัดอย่างมากในปีที่ผ่านมา คือปฏิกิริยาของรัฐบาลเผด็จการทหารที่มีต่อการแสดงความคิดเห็นของนายแดเนียล รัซเซล และการตอบโต้จากพวกชาตินิยมสุดโต่งทั้งหลายที่รวมตัวแสดงพลังหน้าสถานทูตอเมริกา กรณีล่าสุดและที่เลวร้ายที่สุด จะเห็นได้จากที่สื่อไทยได้วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสถานการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดที่เกิดขึ้นที่เนปาล ว่าเป็นเรื่องของกรรมที่เกิดจากพิธีฆ่าสัตว์บูชายันต์ของศาสนาฮินดู ซึ่งหมายถึงประมาณว่าจะโทษใครล่ะก็ต้องรับผิดชอบจากการกระทำของตนเอง พระพุทธเจ้าสอนให้ชาวพุทธกินเจหรือมังสวิรัติ เมืองพุทธจึงไม่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยธรรมชาติที่เลวร้ายแบบนั้น การเหยียดผิวหรือการดูถูกชนชาติอื่นของชนชาติไทยที่ฝังแน่นมานานนี้ยังเห็นได้ชัดในการรับมือกับปัญหาผู้อพยพชาวโรฮิงญา ซึ่งอันที่จริงแล้วไทยมีความคืบหน้าเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ ยกเว้นเพียงการอนุญาตให้มีโครงการศึกษานำร่องการศึกษาภาษาแม่ และบางโครงการภายใต้การขับเคลื่อนของสมาคมศูนย์รวมการศึกษาและวัฒนธรรมชาวไทยภูเขาในประเทศไทย (www.impect.org) ซึ่งยังคงมีความพยายามเรียกร้องความยุติธรรมสำหรับการหายตัวไปของนักเคลื่อนไหว พอละจี รักจงเจริญ (บิลลี่) เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2014 ในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และยังค้นหาไม่พบจนกระทั่งบัดนี้
 
6. การเรียกร้องต่อชนชั้นกลางที่ผิดหวัง โดยเฉพาะแรงกดดันจากชนชั้นล่างของสังคม คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตย (กปปส.) ซึ่งประกอบด้วยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กองทัพธรรม และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีจำนวนสมาชิกสูงที่สุดเกือบ 200,000 คน ภายใต้การนำของสุเทพและเสื้อเหลืองที่ได้ก่อรูปความกลัวของชนชั้นกลางในเมืองได้อย่างชัดเจน ซึ่งคนเหล่านี้เป็นกลุ่มเสื้อหลากสีที่พากันโบกธงชาติไทยและสัญลักษณ์อื่นๆประมาณ 10,000 คน ภายในระยะเวลาไม่นาน การเรียกร้องของทหาร ณ ปัจจุบัน แน่นอนว่าเป็นไปเพื่อความมั่นคงที่มาจากความขัดแย้งและชุมชนกันอย่างยืดเยื้อ 4 ปี และเป็นที่เกรงว่าการชุมนุมนี้อาจนำสู่เหตุการณ์ที่คล้ายกับสถานการณ์ของกัมพูชาที่พอลพต ได้ทำลายและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนชั้นกลางและชนชั้นนำ กระนั้นแล้ว ความมั่นคงด้านเศรษฐกิจและการเมืองก็เป็นสิ่งที่ทหารได้ทำการประนีประนอมต่อชนชั้นกลางและชนชั้นนำระดับผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจในกรุงเทพ 
 
กล่าวถึงการต่อต้านกลุ่มชนชั้นกลางและชั้นนำในกรุงเทพซึ่งได้ทำโดยกลุ่มชนชั้นล่าง “โล-โซ” ที่เป็นเสื้อแดงและแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) โดยคนเหล่านี้เป็นคนที่เสื้อเหลืองได้วิจารณ์ว่าไม่รู้จักรักษาความสะอาดบนท้องถนนขณะทำการชุมนุมประท้วงในกรุงเทพฯและเป็นกลุ่มที่มีผู้ประท้วงมากกว่าเสื้อเหลืองเกือบ 2 เท่า โดยมีตัวเลขที่บ่งบอกชัดเจนว่าชั้นกลางน้อยกว่าคนจนหรือคนชั้นล่างของชนชั้นกลาง รุนแรงกว่านั้นคือ ดูเหมือนว่าพวกเขารับเงินจากทักษิณมาประท้วง (คิดเป็นค่าเดินทางและค่าแรงรายวันหรือค่าจ้างในการจัดม๊อบเข้ามาประท้วงในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ คนเสื้อแดงและนปช.ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนจนที่มีประวัติศาสตร์การถูกกระทำทางชาติพันธุ์ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ส่วนใหญ่เป็น “ไทย-ลาว” ) และภาคเหนือ (ส่วนใหญ่เป็น “คนเมือง”) ร่วมกันกับคนชั้นช่างในเมือง (แม่บ้าน คนสวน คนขับแท็กซี่ แรงงานก่อสร้าง และอื่นๆที่มาจากชนชั้นเดียวกัน) โดยข้อคิดเห็นที่มาจากการวิเคราะห์อย่างดีเยี่ยมบอกว่ากลุ่มที่มีความตื่นตัวและแข็งขันมากที่สุดในการต่อต้านนี้มาจากคนชั้นล่างและคนชั้นกลางของชนชั้นกลางซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 
 
นอกจากนี้ เสื้อแดงยังรวมถึงปัญญาชนฝ่ายซ้ายและคอมมิวนิสต์เก่าทำหน้าที่ปลุกผีคอมมิวนิสต์คืนสู่สังคมไทยผ่านเรื่องราวความสำเร็จของการปฏิวัติมาร์กซิสต์ซึ่งในประเทศไทยยังไม่เคยมีมาก่อนเนื่องจากสังคมมองว่าคอมมิวนิสต์เป็นความผิดบาปอย่างรุนแรงโดยเฉพาะต่อการต่อต้านพลเรือน ในอดีต กิจกรรมของ “เสื้อแดง” ยังเคยได้รับการตรวจสอบติดตามอย่างใกล้ชิดหรือกระทั่งการยกเลิก และแกนนำ นปช. ก็ถูกปลดอย่างเป็นระบบจากองค์กรความมั่นคงของรัฐ และหากว่าเศรษฐกิจของประเทศล้มข้อเรียกร้องของทหารต่อกลุ่มชนชั้นกลางในกรุงเทพก็จะสะดุด ยกเว้นว่าจังหวะก้าวของอำนาจนิยมสุดขั้วจะเพิ่มขึ้นและเร็วขึ้นเท่านั้น  
 
7. ความงมงายว่ามีการทำ ”แผนการลับ” ที่เอโค ระบุว่าเป็นหัวใจหลักของลัทธิชาตินิยม เช่น การกล่าวถึง "ปฏิญญาฟินแลนด์" ที่อธิบายโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในปี 2549 ที่กล่าวถึงการสมรู้ร่วมคิดระหว่างทักษิณและอดีตผู้นำนักศึกษาฝ่ายซ้ายที่ต้องการจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และสร้างรัฐคอมมิวนิสต์ที่มีทักษิณเป็นประธานาธิบดี แม้จะไม่มีหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง แต่ความคิดเรื่องการทำการรัฐประหารโดยทักษิณยังคงมีน้ำหนักเป็นอย่างมากต่อสังคมไทย ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับแผนลับนี้ ก็คือ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และอาจจะรวมถึงสหประชาชาติ ได้ร่วมมือกันเพื่อต่อต้านประเทศไทยในประเด็น สิทธิมนุษยชน ประมง และผู้อพยพโรฮิงญา
 
8. ความอัปยศอดสูในการโอ้อวดความมั่งคั่งและกำลังของศัตรูของพวกเขานี้ ล่าสุดเราได้เห็นจากการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ ที่บอกว่าการประมงของไทยอยู่ในขั้นวิกฤต เราจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาความเมตตาของสหภาพยุโรป ชัดเจนว่า การพูดแบบนี้ เป็นการการชี้นำให้คนไทยเชื่อว่าตนได้ตกเป็นเหยื่อของต่างชาติ "อื่น ๆ" ไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ พวกชาตินิยมสุดโต่งยังแสดงพลังเพื่อคัดค้านลัทธิจักรวรรดินิยมอเมริกา ไม่มีข้อสงสัยในรูปแบบของจักรวรรดินิยมอเมริกาที่ยังคงมีอยู่ การต่อต้านลัทธิตะวันตกที่ปรากฏให้เราเห็นเมื่อปีที่ผ่านมา ได้สะท้อนให้เห็นกระบวนการต่อต้านจักรวรรษนิยมญี่ปุ่นที่รัฐไทยได้ส่งเสริมในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง 
 
9. ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนมกราคม กลุ่มที่สนับสนุนกฎอัยการศึก ที่เรียกตัวเองว่า "เครือข่ายปกป้องผลประโยชน์และศักดิ์ศรีคนไทย" ได้รวมตัวกันที่สถานทูตสหรัฐและอ่านแถลงการณ์ กล่าวว่า "ประเทศไทยไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใครในโลกมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ไม่มีประเทศไหนจะมาแทรกแซงกิจการภายในของเราได้ วันนี้คนไทยมีความภาคภูมิใจในความเป็นไทยอย่างยิ่ง และเรามีความภาคภูมิใจในความเป็นชาติ เพราะชาตินิยมเป็นภูมิคุ้มกันของคนไทย" คำแถลงการณ์นี้ ได้มองข้ามการล่มสลายของอยุธยาที่ถูกพม่าทำลาย และการครอบงำโดยญี่ปุ่น และความจริงที่ว่าสหรัฐอเมริกาเองที่ลงทุนเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย การฝึกทหาร และโปรแกรมการอบรมต่างๆ ตั้งแต่ปี 2493 ถึง 2523 ในฐานะที่เป็นเพื่อนผู้ใกล้ชิดในช่วงสงครามเย็น เนื่องจากเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ครั้งแรกของประเทศไทยโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ และมีการรายงานในสื่อสหรัฐอเมริกา โดยนาย สจ๊วต แอลซอพ ว่าไทยต้องยอมจำนน หากคอมมิวนิสต์จีนบุก 
 
10. สิ่งที่หลงเหลือมาอีกจากสงครามโลกครั้งที่สอง มีให้เห็นในลักษณะที่เก้าของเอโค ของความคิดที่ว่า ลัทธิอหิงสา คือ กระบวนการค้ามนุษย์กับศัตรู ลัทธิอหิงสาถูกมองในเชิงลบเพราะว่า ชีวิต คือ การต่อสู้อย่างถาวร ดังนั้นการเกณฑ์ทหารจึงเป็นข้อบังคับที่ลูกผู้ชายไทยต้องทำ (หรือไม่ก็ต้องเลือกเรียน รด. สำหรับนักเรียนมัธยม) ถึงแม้ว่าในหลักศาสนาพุทธจะมีคำสอนเรื่องหลักการสงบอหิงสา นอกจากนี้ยังไม่มีข้อสงสัยเลยว่า ปีที่ผ่านมาเราได้เห็นการเพิ่มขึ้นของลัทธิทหารแต่เราไม่พบว่ามีรถถังและเครื่องบินรบปรากฏโชว์บนท้องถนน แต่กลับมีปรากฏในงานฉลองวันเกิดของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. เมื่อเดือนพฤษภาคม 2557? ที่ผู้ไปร่วมงานปาร์ตี้วันเกิดนั้น ซึ่งเป็นชนชั้นนำในสังคมไทย พากันสวมใส่ชุดลายพราง ซึ่งนั่นถือว่าเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญของปีที่ผ่านมา และต่อมาในปี 2558 ภาพยนตร์ชุด ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้รับการตอบรับที่ดีจากนักวิจารณ์หนัง แต่อย่างไรก็ตามการให้ตั๋วดูหนังฟรีสำหรับประชาชน และมีการให้บริการรถรับส่งฟรีให้กับทหารที่จะไปดูหนังนั้น เป็นการใช้งบประมาณของชาติที่ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ การดำเนินงานของกรมศิลปากรในขณะที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจะถูกสั่งปิดเพราะขาดทุนและไม่มีงบประมาณในการฝึกอบรมพนักงาน ทั้งหมดนี้ได้โจมตีการทำงานของทหารโดยตรง
 
11. การดูถูกคนที่ด้อยหรืออ่อนแอ ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนมากที่สุด เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ คือ การไล่คนจนออกจากป่า ในขณะที่อนุญาตให้มีบ้านพักและรีสอร์ทของคนรวยอยู่ในพื้นที่ป่าได้ ชาวบ้านหลายร้อยครอบครัวถูกไล่ออกจากพื้นที่ที่พวกเขาอยู่อาศัยมานาน โดยไม่ได้รับแม้แต่ค่าชดเชยใดๆ แต่คนรวยเจ้าของรีสอร์ทหรูผิดกฎหมายกลับชนะในการดำเนินคดีความ นอกจากนั้น ยังมีการดูถูกคนที่เป็นหนี้หรือทาสหนี้สินซึ่งเป็นรากฐานของเศรษฐกิจไทย ชีวิตของทาสในประเทศไทย มีค่าเพียงประมาณ 200 ดอลล่าห์สหรัฐ ซึ่งน้อยกว่าราคาทาสในอเมริกา และนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาคือการผลักดันเรือที่มีเหยื่อการค้ามนุษย์ ประมาณ 6,000 คน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นความร่วมมือของไทยกับมาเลเซียและพม่า ถ้าเรืออยู่นอกน่านน้ำไทย ผู้อพยพเหล่านั้นได้รับน้ำและอาหารช่วยเหลือพอให้มีชีวิตอยู่ได้อีกประมาณสองสัปดาห์ ถ้าอยู่ในน่านน้ำไทย เขาอาจจะได้รับการช่วยเหลือให้เข้าพักในค่ายผู้อพยพชั่วคราว แต่อย่างไรก็ตาม กองทัพเรือไทย ได้ทำการสกัดกั้นเรือเหล่านั้นให้ออกจากน่านน้ำไทยไปแล้ว ซึ่งผิดหลักข้อตกลงน่านน้ำสากลโดยอ้างว่า เรือผู้อพยพเหล่านั้นพยายามที่จะไปประเทศที่สามที่ไม่ใช่ไทย ในขณะที่ความเชื่อแนวพุทธ ที่ใช้หลักกรรมมาอธิบายความทุกข์ยาก และการได้รับการดูถูกเหยียดหยาม ก็เป็นเพราะคนคนนั้นในชาติปางก่อนหรือแม้แต่ชาตินี้ได้ทำกรรมไม่ดี – เรื่องนี้อาจอธิบายความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ที่มีมากขึ้นในสังคม อ้างอิงกับค่าสถิติจีนี่ (Gini) และจึงมีคำถามว่า ทำไมคนรวยจำนวน 20 เปอร์เซ็นต์จึงร่ำรวยกว่าคนจนจำนวน 20 เปอร์เซ็นต์ในสังคม ถึง 12-15 เท่า ในประเทศตะวันตกส่วนใหญ่ อัตราส่วนประมาณ 6-8 เท่า และในประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของไทยเอง ก็มีอัตราส่วนเพียง 9-11 เท่า ส่วนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกเสื้อแดงมีอัตราความยากจนถึง 18.1 เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบกับกรุงเทพซึ่งมีเพียง 7.8 เปอร์เซ็นต์ และที่แย่กว่านั้น การดูถูกเหยียดหยาม ไม่ได้หยุดอยู่เพียงเรื่องของเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังกระทบถึงระดับความฉลาดทางปัญญา (ไอคิว) ของคนอีกด้วย (กรุงเทพ = 104.5 เทียบกับคนอีสาน = 96.0) ซึ่งปัญหานี้ก็ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของระบบการศึกษา และวัยเด็กที่ขาดสารอาหารทำให้เด็กมีความแคระแกร็น ซึ่งปัญหาไอคิวต่ำไม่ใช่ปัญหากรรมพันธุ์ แต่เกี่ยวข้องกับการได้รับสารอาหารที่เพียงพอและตรงตามพัฒนาการวัยเด็ก ครอบครัว และสิ่งแวดล้อมทางการศึกษา นั่นหมายถึง กองทัพลังเลในการจัดการเรื่องโครงการจัดสรรรายได้ เช่น เรื่องภาษีที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงภาษีมรดก ในขณะเดียวกันก็ไปปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งก็เป็นการชัดเจนว่ายังคงมีการกดทับดูถูกคนจนและคนขัดสนอยู่เช่นเดิมหรืออาจจะมากกว่า
 
12. ทุกคนได้รับการศึกษาเพื่อที่จะได้กลายเป็นพระเอก เห็นได้ชัดจากการที่ปีนี้เปอร์เซ็นต์การเพิ่มขึ้นของการสมัครเข้ารับการเกณฑ์ทหารถึง 10 เปอร์เซ็นต์ เพิ่มขึ้นถึง 44 เปอร์เซ็นต์ของทั้งปี นี่เป็นสิ่งที่เกิดจากกระแสของภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่าชาตินิยมสุดขั้วอย่าง นเรศวร นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอแนะให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้วิธีการเกณฑ์แบบเดียวกันนี้ อาจจะคัดเลือก 5-10,000 คน ซึ่งข้อเสนอที่ได้รับการตกลงในหลักการโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่ากองทัพไทยนั้นมีบุคลากรมากเกินความต้องการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับชั้นผู้ใหญ่ แต่ไม่มีประสิทธิภาพในการวางแผนกองทัพ
 
13. การส่งผ่านความต้องการไปสู่เรื่องของอำนาจและประเด็นทางเพศ เห็นได้จากที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแต่งกายที่ไม่เหมาะสมของหญิงต่างชาติที่มาเที่ยวชายหาดในเมืองไทย เอโคเชื่อว่าความเข้มแข็งแบบลูกผู้ชายนำไปสู่การแสดงออกเชิง​​สัญลักษณ์อวัยวะเพศชายในวงการทหาร ในขณะที่กองทัพไทยก็พยายามที่แสดงออกถึงอำนาจทางการทหารที่แข็งแกร่งตามมาตรฐานในระดับภูมิภาค มีตัวอย่างที่รู้จักกันดีที่สุดของกองทัพไทย คือ การซื้อเรือเหาะบอลลูนยักษ์มังกรเหินฟ้า Aeros 40D  ราคา 350 ล้านบาท แต่กลับเห็นว่ามีปัญหาทางเทคนิค เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเขตร้อน ทำให้กาวที่ใช้ในการประสานตัวบอลลูนนั้นเกิดละลาย บอลลูนจึงแฟ็บลง อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยยังมีแผนซื้อเรือดำน้ำ (อาจจะเป็นจีนทำ S-26T) เพราะฉะนั้น เราจะได้เห็นการแสดงออกทางเพศของผู้ชายผ่านการผลิตรูปทรงอาวุธให้ออกมาใกล้เคียงกับลักษณะอวัยวะเพศของตนเอง ไม่มีข้อสงสัยในบทบาทของกองทัพเรือ ในการต่อต้านการค้าทาสสมัยใหม่ และกระบวนการค้ามนุษย์ รวมถึงการปกป้องอ่าวไทย โดยเฉพาะกับการขยายน่านน้ำของจีน แต่อย่างไรก็ตามการใช้ยุทธวิธีของเรือดำน้ำในการตรวจสอบและการช่วยเหลือผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ก็มีข้อจำกัด จะมีคุณภาพมากกว่านี้ถ้ากองทัพเรือได้ลงทุนซื้อเรือลาดตระเวนคุณภาพสูงเพิ่มเติม
 
14. ประชานิยม แนวคิดที่ว่า รัฐบาลแบบรัฐสภาสามารถเน่าเสียได้ นี้เป็นเหตุผลหลักที่อ้างการทำรัฐประหารเมื่อ 20-22 พฤษภาคม 2557 ข้ออ้างเช่นเดียวกันนี้ ก็นำมาใช้อธิบายในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งสภาร่างรัฐธรรมนูญก็ประกอบไปด้วยคณะกรรมการที่เรียกว่าเป็น “คนดี” ของสังคม ที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องศีลธรรมอันดีของไทย โดยเรียกว่าเป็น “พลเมือง” หรือไทยเหนือไทยทั่วไป หน่วยงานใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในคณะกรรมการการเลือกตั้ง คือคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นแห่งชาติ รวมถึงสภาคุณธรรมแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่กำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมสำหรับข้าราชการ ตรวจสอบเบื้องหลังความเป็นมาและตรวจสอบคุณธรรมสำหรับผู้สมัครทางการเมือง และดำเนินคดีผู้ที่มีความผิดในทางจริยธรรม สภาปฏิรูป และคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งจะวางแผนและชี้นำตามแบบฉบับของ คสช. ในการปฏิรูปประเทศไทย และคณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติซึ่งจะส่งเสริมความสามัคคี ในขณะที่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นเพียงองค์กรอิสระองค์กรเดียวที่ประเทศไทยจะต้องมี ตามเงื่อนไขผูกพันภายใต้สนธิสัญญาระหว่างประเทศ จะถูกปรับบทบาทลงโดยการหลอมรวมเข้ากับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นอกจากนี้ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันไม่มีการผลักดันในประเด็นการกระจายอำนาจหรือสิทธิของชนกลุ่มน้อยเลย ซึ่งนี่ต่างหากที่จะเป็นการบูรณาการที่จะสร้างความเข้มแข็งและลดปัญหาคอรัปชั่นให้แก่รัฐบาล
 
คงต้องบอกว่าหมดหวังสำหรับคำว่า "คนไทยที่ดี" เพราะปัญหาการคอรัปชั่น ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ไม่ได้รับการแก้ไข หรือพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงรากเหง้าของความดีตามหลักพุทธศาสนาไม่ได้นำมาใช้ปฏิบัติ ส่วนปัญหาหลักของการร่างรัฐธรรมนูญ ก็คือ มันมีโอกาสที่จะกลายเป็นพื้นที่สำหรับเฉพาะคนชั้นนำในกรุงเทพ ซึ่งนั่นหมายถึงว่า ประเทศไทยอาจจะขาดระบบการดูแลชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ก็จะถูกละเลย เช่นนี้แล้วมันจะนำไปสู่การเกิดความแตกแยกในสังคมซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ไม่ต้องการ
 
15. ภาษาใหม่ – แนวคิดที่ซับซ้อนแต่อธิบายได้ง่าย คือ รัฐไม่ต้องการหรืออนุญาตให้มีการคิดวิเคราะห์อะไรที่
ซับซ้อน หรือตั้งคำถาม ซึ่งเอโคยังยอมรับความเป็นไปได้อื่น ๆ สำหรับการใช้ภาษาใหม่และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้ใช้วิธีการแบบภาษาใหม่นี้ ในการทำแคมเปญชื่อ "โครงการความสุข" ซึ่งไม่ได้มีนัยยะอะไรมากไปกว่า การให้บริการตัดผมฟรี กิจกรรมนันทนาการของทหาร เช่น การเต้นโชว์ มีขบวนพาเหรดในกรุงเทพฯ และรายการโทรทัศน์ที่ให้นายกฯ พูดคุยกับประชาชนทุกเย็นวันศุกร์ ที่เป็นการอัพเดทสถานการณ์ เป็นต้น 
 
นอกจากนี้ ยังมีค่านิยมหลัก 12 ประการ ของคนไทย ซึ่งตอนนี้กลายเป็นป้ายคำขวัญประจำโรงเรียนประถมศึกษาทั่วประเทศ ในหลาย ๆ กรณีมีการสร้างปรัชญาที่ซับซ้อนตามหลักคำสอนของพุทธศาสนา ไม่มีข้อสงสัยใดๆว่าการเรียนการสอน ค่านิยมหลัก 12 ประการนี้ อาจจะเป็นส่วนดี และเป็นระบบการศึกษาที่ก้าวหน้าตามหลักการพุทธศาสนาก็เป็นได้ แต่ระบบการศึกษาไทยแบบดังกล่าวไม่ได้ถูกใช้ในโรงเรียนของชนชั้นนำในกรุงเทพ โรงเรียนสาธิต หรือโรงเรียนนานาชาติ แต่ส่วนใหญ่จะใช้กับโรงเรียนภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งปัญหาก็คือภาษาใหม่ที่ได้กล่าวถึงไปแล้วนั้น ก็คือ “ภาษาราชการ” ซึ่งเป็นภาษาที่เข้าใจยากสำหรับคนท้องถิ่นและประชาชนคนเดินเท้าทั่วไป
 
สรุป หน้าที่ของการศึกษาต่อพลเมืองไทย - หรือในกรณีที่ผู้เขียนมีลูกชายสามคน - ต้องมีหน้าที่ในการชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวและไม่สอดคล้องกันของสิ่งต่างๆที่จะถูกนำเสนอให้กับคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเชื่อเรื่องการสูญเสียดินแดน ที่ในปัจจุบันได้รับการโฆษนาชวนเชื่อ โดย ISOC และในบทความที่นำเสนอใน New Mandala นี้ ดูจะเป็นปัญหาที่น่าหนักใจพอสมควร และเป็นเพราะประวัติศาสตร์คู่ขนานในศตวรรษที่ 20 ที่บอกว่าเราสูญเสียดินแดนและต้องการพื้นที่ในการอยู่อาศัยเพิ่ม ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญในการเริ่มต้นการทำสงคราม 
 
คำกล่าวของเอโค เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำให้มีความชัดเจนคือ:
"เผด็จการอำนาจนิยมยังคงอยู่รอบตัวเราในบางครั้งมาแบบนอกเครื่องแบบ มันจะง่ายขึ้นมากถ้ามีใครบางคนมาบอกเราตรงๆว่า 'ฉันต้องการที่จะเปิด Auschwitz อีกครั้ง หรือ ผมต้องการให้พวกเสื้อดำมาเดินขบวนที่จัตุรัสอีตาลีอีกครั้ง แต่ชีวิตไม่ง่ายขนาดนั้น อำนาจนิยมฟาสซิสต์สามารถกลับมาในร่างผู้บริสุทธิ์ ซึ่งหน้าที่ของเรา คือ การค้นหามันและชี้ให้สังคมเห็นให้ได้ว่า ฟาสซิสต์ในร่างใหม่ –เสรีภาพและการปลดปล่อยเป็นงานที่ไม่เคยจบสิ้น" 
 
 

 

เกี่ยวกับผู้เขียน: จอห์น เดรปเปอร์ เป็น ผู้จัดการโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรมอีสาน ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น เขายังเป็นพ่อของเด็กไทยสามคนอีกด้วย 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท