ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนถูกเจ้าหน้าที่สั่งห้ามจัดแถลงข่าว สุดท้ายเหลือเพียงการชี้แจงทูตและตอบข้อซักถามนักข่าว พร้อมแจกรายงานฉบับเต็ม ระบุ 1 ปีประชาชนถูกละเมิดตั้งแต่สิทธิการแสดงออกยันปัญหาปากท้อง เวทีเสวนาถูกปิดอย่างน้อย 71 เวที
4 มิ.ย. 2558 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิ
คนทยอยเข้าฟังรายงานสถานการณ์สิทธิ ทนายใช้วิธี 'เดินพูดตามโต๊ะ'
ทั้งนี้ ตามกำหนดการเดิมศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเตรียมจัดแถลงข่าวเผยแพร่รายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชน 1 ปีหลังรัฐประหารในเย็นวันนี้ (4 มิ.ย.) ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) แต่ในช่วงเที่ยงมีหนังสือจากพันตำรวจเอก พรชัย ชลอเดช ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี ขอความร่วมมือให้พิจารณางดการจัดเวทีสาธารณะ ทำให้ทาง FCCT เจ้าของสถานที่ต้องขอให้ยกเลิกงานดังกล่าว
เวลาประมาณ 17.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้งานแถลงข่าวจะถูกประกาศยกเลิก แต่ยังคงมีเจ้าหน้าที่จากสถานทูตต่างๆ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศทยอยเดินทางเข้ามารอรับฟังรายงาน
รายงานจากพื้นที่แจ้งว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบราว 10 นายเฝ้าดูสถานการณ์ที่ชั้นล่างของอาคาร ขณะที่เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบราว 10 นายอยู่ในห้องแถลงข่าว ส่วนผู้เข้าร่วมงานรวมแล้วกว่า 20 คน เวลา 18.00 น. โจนาธาน เฮด ประธาน FCCT ได้แจ้งว่า การแถลงข่าวและเสวนาถูกยกเลิกแล้ว แต่สามารถใช้วิธีสื่อสารแบบไม่เป็นทางการ โดยคนจากศูนย์ทนายฯ จะเดินแจกรายงานพร้อมทั้งพูดคุยกับผู้ที่มารับฟังได้ตามโต๊ะต่างๆ (ในห้องแถลงข่าวแบ่งเป็นโต๊ะกลมหลายโต๊ะ) แต่ขอความร่วมมือห้ามถ่ายภาพ หากต้องการถ่ายภาพต้องเดินออกไปถ่ายภาพภายนอกห้องแถลงข่าว
จากนั้นไม่นานตัวแทนทนายความได้ออกมานอกห้องแถลงข่าวเพื่อตอบคำถามผู้สื่อข่าวทั้งไทยและต่างประเทศที่รอเฝ้าอยู่ด้านหน้า มีการสอบถามทั้งประเด็นเนื้อหารายงานและความรู้สึกต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอย่างไรที่การรายงานสถานการณ์สิทธิจัดไม่ได้หลังรัฐประหารมาแล้ว 1 ปี เยาวลักษณ์ อนุพันธ์ หัวหน้าศูนย์ทนายความฯ กล่าวว่า รู้สึกเป็นเรื่องตลกร้าย เพราะ 1 ปีแล้วสถานการณ์ควรจะดีขึ้น แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เหมือนเป็นทางตัน
นักข่าวต่างชาติถามว่า รู้สึกกังวลแค่ไหนกับการมาแถลงวันนี้ เยาวลักษณ์กล่าวว่าที่เราพูดทั้งหมดเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชนที่ไทยรับรองไว้ในกติการะหว่างประเทศหลายฉบับ สิ่งที่ศูนท์ทนายฯ มาพูดวันนี้เป็นประเด็นหลักการสากล แต่หากจะผิดกฎหมายก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร
ทั้งนี้ ปลายปี 2557 การแถลงข่าวรายงานสถานการณ์สิทธิของศูนย์ทนายฯ ก็ถูกเจ้าหน้าที่สั่งห้ามจัดเช่นกัน
นอกจากนี้ศูนย์ทนายยังได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงสถานการณ์ที่ถูกปิดกั้นเวทีแถลงข่าว (อ่านรายละเอียดในล้อมกรอบ) โดยระบุว่า การกระทำดังกล่าวยิ่งเป็นการตอกย้ำสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยภายใต้การปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ได้กระทำการในลักษณะนี้มาตลอดระยะเวลา 1 ปี จากการวบรวมข้อมูลพบว่ามีเวทีเสวนาที่ถูกปิดหรือมีการแทรกแซงการจัดการแล้วอย่างน้อย 71 เวที เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และไม่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและวางรากฐานประชาธิปไตยในระยะยาว
0000
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุ
1. การแสดงออกภายใต้
2. ยุติธรรมลายพราง กฎอัยการศึกและการดำเนินคดี
3. การใช้
4. ทรัพยากรที่ถูก “บุกรุก” – พบว่าคำสั่ง คสช. 64/2557 และแผนแม่บทป่าไม้ มุ่งใช้กั
5. ความยุติธรรมที่ยั
โดยสรุป ศูนย์ทนายความเพื่อสิ
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุ
1. ยกเลิกและยุติการดำเนินคดี
2. ยกเลิกและยุติการใช้
3. ให้มีการร่างรัฐธรรมนูญซึ่
ด้วยความเคารพต่อสิทธิเสรี
ศูนย์ทนายความเพื่อสทธิมนุษยชน
แถลงการณ์ชี้แจง การคุกคามการจัดเวทีสาธารณะเผยแพร่รายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนหนึ่งปีหลังรัฐประหาร
ตามที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้วางแผนจัดเวทีสาธารณะเพื่อเผยแพร่รายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนหนึ่งปีหลังรัฐประหารในวันที่ 4 มิถุนายน 2558 เวลา 18.00 น. ณ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) แต่วันนี้ (4 มิ.ย.58) เวลาประมาณ 12.00 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รับแจ้งจากทาง FCCT ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานงานขอความร่วมมือไม่ให้ใช้สถานที่จัดกิจกรรมดังกล่าว ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นคุกคามการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกตามข้อ 19 กติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งบุคคลมีสิทธิในการแสดงความเห็นโดยปราศจากการแทรกแซง และบุคคลมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก รวมถึงสิทธิที่จะแสวงหารับและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและความคิดทุกประเภท ทั้งนี้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการปกครองระบอบประชาธิปไตย นอกจากการกระทำดังกล่าวยิ่งเป็นการตอกย้ำสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยภายใต้การปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐยังคงจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนโดยข่มขู่ว่าจะดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยที่หากมีการละเมิดกฎหมายดังกล่าวพลเรือนจะต้องถูกดำเนินคดียังศาลทหาร อันเป็นกระบวนการยุติธรรมที่ไม่มีความเป็นอิสระและเป็นกลาง ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนขอยืนยันว่าว่าพฤติการณ์ดังกล่าวซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กระทำมาตลอดระยะเวลาหนึ่งปีมีเวทีเสวนาที่ถูกปิดหรือมีการแทรกแซงการจัดการแล้วอย่างน้อย 71 เวที เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และไม่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและวางรากฐานประชาธิปไตยในระยะยาว
ด้วยความเคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชน ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน |
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)