สปสช.ปรับเกณฑ์ขึ้นทะเบียนบัตรทอง ช่วย 3 หมื่นรายไม่ตกหล่น

ปรับเกณฑ์ป้องกันพวกย้ายถิ่นไม่ให้เกิดสิทธิว่าง ทั้งกลุ่มทหารเกณฑ์ นักโทษ และนักศึกษา กว่า 3 หมื่นคน ที่มักตกหล่นไม่ได้รับสิทธิหลังเรียจบ ปลดประจำการ พ้นโทษ

4 มิ.ย.2558 ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) เปิดเผยว่า เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าประชาชนที่มีการเปลี่ยนแปลงสิทธิบ่อยมี 3 กลุ่ม คือ 1.นักศึกษา เนื่องจากมีการย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ใกล้สถานศึกษา 2.ทหารเกณฑ์ก็ย้ายเข้าไปอยู่ในการดูแลของกระทรวงกลาโหม 3.นักโทษก็ไปอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ กลุ่มเหล่านี้เมื่อเรียนจบ ปลดประจำการ หรือพ้นโทษไปแล้ว จะมีจำนวนมากที่ไม่ไปแจ้งย้ายสิทธิการรักษาพยาบาล ไม่มีการเลือก รพ. ที่จะทำการรักษา ทำให้เวลาเจ็บป่วยมีปัญหาเรื่องการใช้สิทธิ ซึ่งที่ผ่านมาทาง สปสช. จะให้การรักษาครั้งแรกตามปกติ โดยถือเป็นกรณีฉุกเฉิน

จากปัญหาดังกล่าวทำให้ผู้มีสิทธิฯ กลายเป็นสมาชิกตกค้างอยู่กับหน่วยบริการเดิมแม้เจ้าตัวจะย้ายกลับยังภูมิลำเนาแล้ว ส่งผลต่อการเข้าถึงการรักษาและส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ถูกเรียกเก็บค่ารักษาเนื่องจากถูกอ้างว่าไม่เข้ารับบริการยังเครือข่ายหน่วยบริการประจำตามระบบ นอกจากนี้ยังมีการเรียกเก็บไปยังกรมการแพทย์ทหารเรือ/ทหารอากาศ กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงศึกษาธิการที่สิทธิยังค้างอยู่ โดยกลุ่มคนเหล่านี้คาดว่ามีจำนวนถึง 31,272 ราย ไม่รวมกลุ่มนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษา

ศ.นพ.รัชตะ กล่าวต่อว่า แต่เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ที่ประชุมจึงมีมติว่าในช่วงใกล้จบการศึกษา ปลดประจำการ และพ้นโทษ ให้ สปสช. ส่งหนังสือให้หน่วยงานในสังกัดของบุคคล 3 กลุ่ม เพื่อขอให้แจ้งบุคคลเหล่านั้นดำเนินการเลือกลงทะเบียนหน่วยบริการก่อนส่งกลับมาที่ สปสช. เพื่อบันทึกข้อมูลการใช้สิทธิในสถานพยาบาลที่เลือก และหากยังไม่มีการเลือกหน่วยบริการ บอร์ด สปสช.ได้มอบให้ สปสช.ทำหน้าที่ลงทะเบียนเลือกหน่วยบริการให้ก่อน โดยเลือกใกล้ตามภูมิลำเนา และหากผู้มีสิทธิไม่พอใจหน่วยบริการประจำที่ สปสช.เลือกให้ สามารถเปลี่ยนหน่วยบริการประจำได้โดยไม่นับครั้งการเปลี่ยน ซึ่งกำหนดที่ 4 ครั้งต่อปี

“การปรับเปลี่ยนการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการนี้ จะส่งผลให้ประชาชนกว่าสามหมื่นคน ได้รับการดูแลสิทธิด้านการรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการรับบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ขณะเดียวกันยังช่วยแก้ไขปัญหาหน่วยบริการเรียกเก็บค่ารักษาที่อ้างว่าไม่เข้ารับบริการหน่วยบริการประจำตามระบบ รวมทั้งยังช่วยลดภาระในการตามจ่ายของหน่วยบริการเดิม” ศ.นพ.รัชตะ กล่าว

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท