สนช. มีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 วงเงิน 2.72 ล้านล้านบาท พร้อมนัดประชุมวาระ 2 และ 3 วันที่ 27 ส.ค. นี้ ด้านนายกฯ ระบุใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจัดสรรงบฯ พร้อมยันรักษาวินัยการเงิน การคลัง
21 พ.ค. 2258 เว็บข่าวรัฐสภา รายงานว่า ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ลงมติในวาระที่ 1 รับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ไว้พิจารณาด้วยคะแนนเสียงเห็นด้วย 186 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 3 เสียง โดยตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา จำนวน 50 คน กำหนดแปรญัตติภายใน 15 วัน ระยะเวลาดำเนินงาน 90 วัน พร้อมนัดประชุมเพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ในวันที่ 27 สิงหาคมนี้
ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2559 มีวงเงิน 2,720,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2558 จำนวน 145,000ล้านบาท หรือร้อยละ 5.6 เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น มีงบประมาณรายจ่ายเพียงพอในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนา ประเทศ โดยกำหนดรายได้สุทธิจำนวน 2,330,000 ล้านบาท และกำหนดวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 390,000 ล้านบาท โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การจัดทำงบประมาณได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการจัดสรรงบประมาณ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อวินัยและฐานะการคลังของประเทศในระยะยาว นอกจากนี้ ยังยืนยันจะไม่สร้างหนี้สาธารณะโดยไม่จำเป็น โดยจะรักษาระเบียบวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด ซึ่งล่าสุดมีหนี้สาธารณะเพียงร้อยละ 46 พร้อมฝากถึงฝ่ายการเมืองร่วมมือกันสร้างความสงบให้เกิดขึ้นในประเทศ เพื่อสร้างบรรยากาศการลงทุนและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ขณะที่สมาชิก สนช. ส่วนใหญ่สนับสนุนการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบลงทุนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและให้ความ สำคัญกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ฝากให้คำนึงถึงการเข้าถึงประชาชนให้เท่าเทียมและเสนอภาคเพื่อลด ความเลื่อมล้ำ พร้อมกับเสนอตัดลดงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาดูงานในต่างประเทศและงบ ที่ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชนและประเทศชาติ
นายก แจง จัดสรรงบฯ ตาม 8 ยุทธศาสตร์หลัก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ชี้แจงถึงหลักการและเหตุผลในการเสนอร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) โดยกล่าวว่า ปีงบประมาณ พ.ศ.2559 ได้กำหนดวงเงินงบประมาณ จำนวน 2,720,000 ล้านบาท (สองล้านเจ็ดแสนสองหมื่นล้านบาท) หรือคิดเป็นร้อยละ 20.4 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ เพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ได้มีงบประมาณรายจ่ายประจำปีสำหรับใช้เป็นหลักในการจ่ายเงินแผ่นดิน และเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง ที่กำหนดให้ตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลังตามที่ได้จ่ายไปแล้ว โดยแบ่งโครงสร้างงบประมาณออกเป็น งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2559 รายจ่ายประจำ รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง รายจ่ายลงทุน รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ พร้อมระบุว่า การจัดสรรครั้งนี้ดำเนินการต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมาซึ่งมีปัญหากระทบจากการ ใช้จ่ายงบประมาณในปี พ.ศ. 2557 อย่างไรก็ตาม ยืนยันต้องการให้การเงินการคลังของประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน ไม่เกิดภาระในอนาคต แม้ปัจจุบันมีภาวะชะลอตัวและผันผวนของเศรษฐกิจโลก ขณะปัจจุบันไทยมีตัวเลขการส่งออกมากกว่านำเข้า และการคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจปี พ.ศ. 2559 จะขยายตัวมากขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 3.7-4.7
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ยึดนโยบายและแนวทางการจัดสรรงบประมาณด้วย 3 หลักคือ พิจารณาการใช้จ่ายให้ครอบคลุมทุกแหล่งเงิน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 และจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการ เพื่อให้ทุกกระทรวง ทบวง กรม ทุกหน่วยงานดำเนินไปสู่ยุทธศาสตร์เดียวกัน ภายใต้กรอบของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ แผนแม่บทแห่งชาติและนโยบายรัฐบาล ควบคู่กับการสร้างเสถียรภาพทั้งด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ด้วยการน้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้ประเทศมั่งคง ประชาชนมั่งคั่ง อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ประกอบด้วย 8 ยุทธศาสตร์ และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ คือ ยุทธศาสตร์เร่งรัดวางรากฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ จำนวนกว่า 2 แสน 4 หมื่นล้านบาท เพื่อการสร้างอาชีพ รายได้ให้เกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม ส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษ การบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ ป้องกันการทุจริตอย่างเป็นระบบ ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งรัฐ จำนวนกว่า 2 แสน 4 หมื่นล้านบาท เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง สร้างความปรองดองสมานฉันท์ ป้องกันการก่อการร้าย ภัยคุกคามทุกรูปแบบ ยุทธศาสตร์การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม จำนวนกว่า 2 แสน 2 หมื่นล้านบาท เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ภาคการเกษตรในระยะยาว ขยายตลาดการค้า การลงทุน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ ขณะที่ ยุทธศาสตร์การศึกษา สาธารณสุข คุณธรรม จริยธรรม และคุณภาพชีวิต ได้รับความสำคัญในการจัดสรรงบประมาณจำนวนมากสุดกว่า 9 แสน 9 หมื่นล้านบาท เพื่อขยายโอกาสและพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐานอย่างทั่วถึงและ เป็นธรรม ประชาชนได้รับการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างทั่วถึง การคุ้มครองแรงงานทั้งในและนอกระบบ เยาวชนและประชาชนมีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมพึงประสงค์ นักกีฬาไทยได้รับการเพิ่มศักยภาพสู่ความเป็นเลิศและกีฬาอาชีพในระดับสากล
นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับการจัดสรรกว่า 7 หมื่น 1 พันล้านบาท เพื่อการจัดการและดำรงไว้ซึ่งป่าไม้ สัตว์ป่า และทรัพยากร ครอบคลุมน้ำ ทะเลและชายฝั่ง เตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ ส่วนยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม ได้รับการจัดสรรจำนวนกว่า 2 หมื่น 7 พันล้านบาท เพื่อสร้างกระบวนการวิจัยและพัฒนาที่เป็นระบบ เพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ยุทธศาสตร์การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จำนวนกว่า 9 พันล้านบาท เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีและขยายความร่วมมือกับประเทศต่าง ๆ พร้อมให้ความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน ยุทธศาสตร์การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี จำนวนกว่า 3 แสน 6 หมื่นล้านบาท เพื่อสร้างบุคลากรและการจัดการภาครัฐรวมทั้งจังหวัด กลุ่มจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพ คุ่มค่า โปร่งใส ส่วนรายการค่าดำเนินการภาครัฐ จำนวนกว่า 5 หมื่น 4 พันล้านบาท เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมายสำหรับกรณีฉุกเฉินจำเป็น การบริหารหนี้ภาครัฐและรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง
นายกฯ ขอพักเหนื่อย หายใจไม่ทัน
ขณะเดียวกัน มติชนออนไลน์ พล.อ.ประยุทธ์ได้อ่านเอกสารประกอบด้วยความรวดเร็ว จนทำให้มีผู้ส่งโน๊ตมาให้ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ถึงกลับพูดว่า “เขาส่งข่าวมาให้ผมว่า ประชาชนขอให้พูดช้าๆ หน่อย เขาฟังไม่รู้เรื่องเขาแปลไม่ทัน ต้องขอโทษด้วย ไม่ค่อยได้ออกรายการสด พูดทุกวันก็มีคนเตือน เมื่อเช้าก็มีคนเตือนว่าให้พูดช้าๆ”
ทั้งนี้ ในระหว่างการชี้แจงนั้น พล.อ.ประยุทธ์ต้องอ่านเอกสารที่มีตัวเลขจำนวนมาก ประกอบกับเป็นคนที่พูดเร็วจนทำให้เกิดอาการเหนื่อยและถอนหายใจหลายครั้ง ถึงขั้นพูดออกมาว่า “ขอพักเหนื่อยหน่อยนะหายใจไม่ทัน” และ “ขออนุญาตนั่งและดื่มน้ำก่อน” ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของการชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวขอโทษสมาชิกสนช.ว่า “ขอโทษพี่ๆ ที่ผมพูดบางครั้งไม่สุภาพ”