Skip to main content
sharethis

[อัพเดท] เวลา 17.30 น. วันนี้ ศาลมีคำสั่งให้ประกันตัวฐิตินันท์ พร้อมสั่งให้ญาตินำประวัติการรักษาของจำเลยภายใน 2 เดือนนี้ มายื่นให้ศาลภายใน 7 วัน ด้านลูกชายใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด 3 แสนบาทประกันตัว

 

12 พ.ค.2558 ที่ศาลอาญา รัชดา มีรายงานข่าวแจ้งว่าศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่นางฐิตินันท์ (สงวนนามสกุล) วัย 65 ปีเป็นจำเลยในคดีมาตรา 112 โดยศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้เป็นจำคุก 1 ปีไม่รอการลงโทษ

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่าพฤติการณ์แห่งคดีมีความร้ายแรง เพื่อไม่ให้การกระทำเป็นเยี่ยงอย่าง อีกทั้งขณะกระทำผิดยังสามารถบังคับตัวเองได้บ้าง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์ไม่เห็นด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังขึ้น พิพากษาแก้ โทษจำคุกไม่ให้รอการลงโทษ นอกนั้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ก่อนหน้านี้วันที่ 21 พ.ค.2557 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 1 ปี ศาลชั้นต้นเห็นว่าไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และจำเลยมีอาการทางจิตคืออารมณ์สองขั้ว อาการป่วยทางจิตเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้จำเลยทำความผิด เพื่อประโยชน์ของจำเลยและสังคมโดยรวม เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตัวและได้เข้ารับการรักษาอาการป่วย จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 3 ปี และให้รายงานความคืบหน้าของการรักษาจากแพทย์ทุก 6 เดือนมีกำหนด 2 ปี 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ทนายความจำเลยเตรียมดำเนินการฎีกาคดี และจะยื่นประกันตัวนางฐิตินันท์ด้วยหลักทรัยพ์เดิม คาดว่าจะรู้ผลการประกันตัวภายในเย็นวันนี้

ก่อนหน้านี้ลูกชายนางฐิตินันท์ระบุว่า แม่มีประวัติการรักษาโรคไบโพลาร์ (อารมณ์สองขั้ว) มาตั้งแต่ปี 2540 หลังถูกดำเนินคดีก็ถูกควบคุมตัวที่สถานบันกัลยาณ์ฯ ราว 45 วันก่อนจะถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางอีกราว 1 เดือนและได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 300,000 บาท

ลูกชายระบุว่าด้วยว่า ช่วงถูกคุมขังในเรือนจำ จำเลยอาการทรุดหนักมากจนต้องนั่งรถเข็นมาพบญาติ พูดไม่รู้เรื่อง ลิ้นแข็ง เหม่อลอย ช่วงท้ายๆ ก่อนได้ประกันตัวต้องมีการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลภายนอก และเมื่อได้รับการประกันตัวออกมาแล้ว ต้องนำแม่ส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลราชวิถีหลายวันโดยแพทย์ระบุว่าได้รับยาเกินขนาด

คดีนี้เป็นข่าวใหญ่เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2555 ซึ่งเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญที่อ่านคำวินิจฉัยคำร้องร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 291 ว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครองหรือไม่ ในวันนั้นมีประชาชนจากกลุ่มเสื้อหลากสี ภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นแห่งชาติ และเครือข่ายรักสถาบัน ไปชุมนุมให้กำลังใจศาลรัฐธรรมนูญ และปรากฎว่านางฐิตินันท์ได้เข้าไปกระทำการไม่เหมาะสมต่อพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ตัวที่ผู้ชุมนุมถืออยู่ ตามคำฟ้องระบุว่าเป็นการเหยียบ จากนั้นทางกลุ่มผู้ชุมนุมจึงเข้าแจ้งความเอาผิดนางฐิตินันท์ตามมาตรา 112 และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวนางฐิตินันท์ไว้ หลังจากนั้นจึงได้ส่งไปควบคุมตัวและให้หมอวินิจฉัยอาการที่สถานบันกัลยาณ์ฯ ราว 45 วัน (อ่านข่าว) ก่อนจะถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางอีกราว 1 เดือน ก่อนจะได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 300,000 บาท  อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่จำเลยถูกควบคุมตัวอยู่ที่สถาบันกัลป์ยาณ์ฯ เครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นแห่งชาติราว 200 คนได้เดินทางไปประท้วงยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เนื่องจากได้ข่าวว่านางฐิตินันท์จะเดินทางออกนอกประเทศ (อ่านข่าว) ก่อนจะพบว่าเป็นเพียงข่าวลือ จากนั้นทางเครือข่ายฯ ยังได้ติดตามการดำเนินคดีอีกหลายครั้ง ผู้สื่อข่ายรายงานว่า ผู้ชุมนุมรายหนึ่งซึ่งเบิกความเป็นพยานโจทก์ระบุว่าพวกเขาเดินทางไปสอบถามความคืบหน้ากับตำรวจและเคยตามไปดูที่สถาบันกัลยาณ์ด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ปล่อยนางฐิตินันท์ออกนอกประเทศ

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net