Skip to main content
sharethis

สภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฯ ร่วมกับองค์กรมุสลิมในสงขลาและมาเลเซีย ร่วมละหมาดศพให้ชาวโรฮิงญา พร้อมออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ เสนอ 5 ข้อแก้ปัญหาโรฮิงญา ให้ไทยกดดันเมียนมาร์เลิกกดขี่  ให้ไทย – มาเลย์ – เมียนมาร์ ร่วมแก้ปัญหาจริงจัง ให้ทุกมัสยิดช่วยเหลือทันทีหากพบโรฮิงญา

วันที่ 10 พ.ค.2558 ที่มัสยิดดารุสลาม บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ประธานสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำนักจุฬาราชมนตรี ร่วมกับตัวแทนสภาเครือข่ายช่วยเหลือโรฮิงญาและองค์กรพัฒนาเอกชนในประเทศมาเลเซีย คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา ผู้นำศาสนาและชาวมุสลิมในอ.สะเดา ร่วมกันประกอบพิธีละหมาดญานาซะห์หรือละหมาดศพชาวโรฮิงญา จำนวน 13 ศพ เป็นชาย 12 ศพ หญิง 1 ศพ ที่ตรวจพิสูจน์ของแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลสงขลานครินทร์เสร็จแล้ว ก่อนที่จะนำไปฝัง ที่กุโบร์หรือสุสานมุสลิม บ้านเกาะใหญ่ ม.8 ต.ปาดังเบซาร์ ซึ่งเป็นจุดเดิมที่ถูกแอบนำไปฝังไว้

โดยก่อนการละหมาดญานาซะห์ ทางสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี พร้อมตัวแทนผู้เข้าร่วมพิธีได้อ่านแถลงการณ์ กรณีพบศพโรฮิงญาจำนวนมากที่ ต.ปาดังเบซาร์ โดยมีสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศร่วมทำข่าวจำนวนมาก


แถลงการณ์สภาช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

แถลงการณ์ระบุว่า กรณีการขุดพบศพชาวโรฮิงญา 26 ศพ ในเขต ต.ปาดังเบซาร์ เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2558 ซึ่งได้มีการพิสูจน์เอกลักษณ์โดยคณะแพทย์จากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เสร็จสิ้น 20 ศพ ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2558 ได้ทำพิธีละหมาดและฝังที่กุโบร์ท่าไทร อ.บางกล่ำ จ.สงขลาแล้วในวันเดียวกัน

“กรณีดังกล่าวได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศอย่างกว้างขวาง เนื่องจากประเทศไทยกำลังถูกจับตาในเรื่องการค้ามนุษย์ และเป็นประเทศที่มีผู้ลี้ภัยจากหลายประเทศมักใช้เป็นแหล่งพักพิงและเป็นทางผ่านไปสู่ประเทศที่สาม”

สภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี ติดตามเรื่องนี้ด้วยความห่วงใย ทั้งห่วงใยต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยอันเป็นที่รัก อีกทั้งห่วงใยต่อสวัสดีภาพเกียรติยศและศักดิ์ศรีของชาวโรฮิงญา ซึ่งต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเช่นเดียวกันคนทั่วไป


ข้อเสนอ 5 ข้อ แก้ปัญหาโรฮิงญา

สภาเครือข่ายเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฯ จึงขอบคุณต่อรัฐบาลไทยที่ได้ลงมือดำเนินการจับกุมผู้ต้องสงสัยที่มีสวนพัวพันกับการค้ามนุษย์ และขอเสนอข้อเรียกร้องมายังรัฐบาล ดังนี้

1.ให้รัฐบาลไทย ดำเนินการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์อย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและเกียรติยศของประเทศอันเคยได้รับรับสมญานามว่า “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม” มาก่อน และบัดนี้ขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติกำลังทำลายภาพลักษณ์เหล่านี้ลงไปจนยับเยิน อีกทั้งเพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ในหมู่ผู้ลี้ภัย ซึ่งควรได้รับความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม ในฐานะผู้หนีร้อนมาพึ่งเย็นอันเป็นวิถีแห่งอารยชนและศาสนิกชนทั้งหลายพึงกระทำ ทั้งนี้หากพบว่ามุสลิมคนใดร่วมในขบวนการค้ามนุษย์เหล่านั้น ก็ขอดำเนินการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดเช่นเดียวกันคนอื่นๆ


จี้ไทยกดดันเมียนมาร์เลิกกดขี่

2.ขอให้รัฐบาลไทยดำเนินการทางทูตเพื่อกดดันรัฐบาลเมียนมาร์ได้ดำเนินการแก้ปัญหาการกดขี่มุสลิมโรฮิงญาในเมียนมาร์อย่างจริงจัง เนื่องจากต้นตอที่คนเหล่านี้ต้องอพยพหลบหนีหนีมายังประเทศไทย คือ ภาวการณ์กดขี่ข่มเหง ความไม่เป็นธรรม และ การสังหารหมู่ จนชาวโรฮิงญาไม่สามารถดำรงชีพได้อย่างปกติสุขในเมียนมาร์

3.ขอให้รัฐบาลไทยคำนึงหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการทางกฎหมายต่อกลุ่มผู้อพยพหนีภัยชาวโรฮิงญาและกลุ่มอื่นๆทั้งในแง่การจัดที่อยู่อาศัยอันเหมาะสม อาหารที่ถูกต้องตามหลักศาสนา และการดำเนินการทางกฎหมายอย่างยุติธรรม


ให้องค์กรมุสลิมช่วยเหลือตามหลักศาสนา

4.เนื่องจากชาวโรฮิงญาเป็นมุสลิม กรณีเกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขอให้ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องติดต่อองค์กรทางศาสนาอิสลาม เช่น สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด เครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฯ เพื่อร่วมดำเนินการตามบัญญัติของศาสนาอิสลามต่อไป


ร่วมประณามขบวนการค้ามนุษย์

5.สภาเครือข่ายช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมฯ และองค์กรมุสลิมทั้งหลาย ขอประณามบุคคลหรือคณะบุคคลใดๆก็ตามที่มีส่วนสนับสนุนขบวนการค้ามนุษย์ และการซ้ำเติมผู้ทุกข์ยากเดือดร้อนทุกรูปแบบ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดหลักการศาสนาอย่างร้ายแรง และเป็นการกระทำที่สะท้อนบาปหยาบช้าของผู้กระทำที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งกำลังอยู่ในภาวะทุกข์ยากลำเค็ญ ต้องการโอนอุ้มช่วยเหลือ แต่ขบวนการนี้ทำให้พวกเขากลายเป็นสินค้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน


ให้ไทย – มาเลย์ – เมียนมาร์ ร่วมแก้ปัญหา

6.ขอให้รัฐบาลไทยประสานความร่วมมือและทำงานร่วมกับรัฐบาลเมียนมาร์และรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งเป็นภาคีที่เกี่ยวข้องกับกรณีโรฮิงญาโดยตรงอย่างใกล้ชิด หรือให้การแก้ปัญหานี้ดำเนินไปอย่างบูรณาการ มีประสิทธิภาพ และมีความยั่งยืนสบไป


ให้ทุกมัสยิดช่วยเหลือทันทีหากพบโรฮิงญา

นายศักดิ์กรียา บิลแสละ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ในวันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม 2558 นี้ ทางคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาจะนัดประชุมเพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือชาวโรฮิงญาตามหลักมนุษยธรรมและตามหลักศาสนา โดยจะออกแนวทางให้ทุกมัสยิดปฏิบัติกรณีที่พบชาวโรฮิงญาอยู่ในพื้นที่ โดยจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลทั้งฝ่ายรัฐและองค์กรสาธารณะต่างๆที่ทำงานเรื่องนี้

“เบื้องต้นได้ให้แนวทางแต่ผู้นำศาสนาประจำมัสยิดต่างๆในจังหวัดสงขลาแล้วว่า หากพบชาวโรฮิงญาอยู่ในพื้นที่ให้รีบช่วยเหลือเบื้องต้นทันที ไม่ว่าจะเป็นการให้อาหาร ที่พักชั่วคราวและสิ่งจำเป็นขั้นพื้นที่ฐาน จากนั้นให้รีบแจ้งสำนักงานคณะกรรมการอิสลามและประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎมายต่อไป”นายศักดิ์กรียา กล่าว

๐๐๐๐


แถลงการณ์สภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
สำนักจุฬาราชมนตรี


กรณีพบศพมุสลิมโรฮิงญาจำนวนมากที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา


กรณีการขุดพบศพชาวโรฮิงญาจำนวน 26 ศพ ในเขต ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2558 ซึ่งได้มีการพิสูจน์เอกลักษณ์โดยคณะแพทย์จากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เสร็จสิ้น 20 ศพ ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2558 จากนั้นมีการทำพิธีละหมาดและฝัง ณ กุโบร์ท่าไทร อ.บางกล่ำจ.สงขลาในวันเดียวกัน

กรณีดังกล่าวได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศอย่างกว้างขวาง เนื่องจากประเทศไทยกำลังถูกจับตาในเรื่องการค้ามนุษย์ และเป็นประเทศที่มีผู้ลี้ภัยจากหลายประเทศมักใช้เป็นแหล่งพักพิงและเป็นทางผ่านไปสู่ประเทศที่สาม

สภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี ติดตามเรื่องนี้ด้วยความห่วงใย ทั้งห่วงใยต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยอันเป็นที่รัก อีกทั้งห่วงใยต่อสวัสดีภาพเกียรติยศและศักดิ์ศรีของชาวโรฮิงญา ซึ่งต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเช่นเดียวกันคนทั่วไป

สภาเครือข่ายเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฯ จึงขอบคุณต่อรัฐบาลไทยที่ได้ลงมือดำเนินการจับกุมผู้ต้องสงสัยที่มีสวนพัวพันกับการค้ามนุษย์ และขอเสนอข้อเรียกร้องมายังรัฐบาล ดังนี้

1.ให้รัฐบาลไทย ดำเนินการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์อย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีและเกียรติยศของประเทศอันเคยได้รับรับสมญานามว่า “ดินแดนแห่งรอยยิ้ม” มาก่อน และบัดนี้ขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติกำลังทำลายภาพลักษณ์เหล่านี้ลงไปจนยับเยิน อีกทั้งเพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติยศและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ในหมู่ผู้ลี้ภัย ซึ่งควรได้รับความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม ในฐานะผู้หนีร้อนมาพึ่งเย็นอันเป็นวิถีแห่งอารยชนและศาสนิกชนทั้งหลายพึงกระทำ ทั้งนี้หากพบว่ามุสลิมคนใดร่วมในขบวนการค้ามนุษย์เหล่านั้น ก็ขอดำเนินการทางกฎหมายอย่างเฉียบขาดเช่นเดียวกันคนอื่นๆ

2.ขอให้รัฐบาลไทยดำเนินการทางทูตเพื่อกดดันรัฐบาลเมียนมาร์ได้ดำเนินการแก้ปัญหาการกดขี่มุสลิมโรฮิงญาในเมียนมาร์อย่างจริงจัง เนื่องจากต้นตอที่คนเหล่านี้ต้องอพยพหลบหนีหนีมายังประเทศไทย คือ ภาวการณ์กดขี่ข่มเหง ความไม่เป็นธรรม และ การสังหารหมู่ จนชาวโรฮิงญาไม่สามารถดำรงชีพได้อย่างปกติสุขในเมียนมาร์

3.ขอให้รัฐบาลไทยคำนึงหลักมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนในการดำเนินการทางกฎหมายต่อกลุ่มผู้อพยพหนีภัยชาวโรฮิงญาและกลุ่มอื่นๆทั้งในแง่การจัดที่อยู่อาศัยอันเหมาะสม อาหารที่ถูกต้องตามหลักศาสนา และการดำเนินการทางกฎหมายอย่างยุติธรรม

4.เนื่องจากชาวโรฮิงญาเป็นมุสลิม กรณีเกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ขอให้ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องติดต่อองค์กรทางศาสนาอิสลาม เช่น สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด เครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมฯ เพื่อร่วมดำเนินการตามบัญญัติของศาสนาอิสลามต่อไป

5.สภาเครือข่ายช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมฯ และองค์กรมุสลิมทั้งหลาย ขอประณามบุคคลหรือคณะบุคคลใดๆก็ตามที่มีส่วนสนับสนุนขบวนการค้ามนุษย์ และการซ้ำเติมผู้ทุกข์ยากเดือดร้อนทุกรูปแบบ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดหลักการศาสนาอย่างร้ายแรง และเป็นการกระทำที่สะท้อนบาปหยาบช้าของผู้กระทำที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ ซึ่งกำลังอยู่ในภาวะทุกข์ยากลำเค็ญ ต้องการโอนอุ้มช่วยเหลือ แต่ขบวนการนี้ทำให้พวกเขากลายเป็นสินค้าที่เต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน

6.ขอให้รัฐบาลไทยประสานความร่วมมือและทำงานร่วมกับรัฐบาลเมียนมาร์และรัฐบาลมาเลเซีย ซึ่งเป็นภาคีที่เกี่ยวข้องกับกรณีโรฮิงญาโดยตรงอย่างใกล้ชิด หรือให้การแก้ปัญหานี้ดำเนินไปอย่างบูรณาการ มีประสิทธิภาพ และมีความยั่งยืนสบไป


สภาเครือข่ายช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม สำนักจุฬาราชมนตรี
10 พฤษภาคม 2558
 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net