Skip to main content
sharethis

คณะทำงานผู้หญิงชายแดนใต้ออกแถลงการณ์โอกาส 11 ปีเหตุการณ์กรือเซะ “ข้อห่วงใยของผู้หญิงต่อวงจรความรุนแรงชายแดนใต้” เรียกร้องกลุ่มใช้อาวุธยุติความรุนแรงต่อเป้าหมายอ่อน จี้รัฐเอาจริง ขจัดวัฒนธรรมคนผิดลอยนวล

28 เม.ย.2558 เวลา 10.00 น. คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ รวม 22 องค์กร ร่วมกันอ่านแถลงการณ์เรื่อง “ข้อห่วงใยของผู้หญิงต่อวงจรความรุนแรงชายแดนใต้” ที่โรงแรมปาร์ควิว อ.เมือง จ.ปัตตานี นำโดยนางโซรยา จามจุรี เครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ เนื่องในวาระครบรอบ 11 ปีเหตุการณ์ 28 เมษายน 2547

คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ระบุในแถลงการณ์ว่า เมื่อมีการใช้ความรุนแรงจะเกิดการตอบโต้จนกลายเป็นวงจรความรุนแรงเสมอมา ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กและผู้หญิง ดังกรณีการวิสามัญฆาตกรรมเยาวชน 4 ศพโดยเจ้าหน้าที่รัฐที่บ้านโต๊ะชูด อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2558 ได้ทำให้เกิดความรุนแรงตามมาอย่างต่อเนื่อง
กล่าวคือในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนมีการวางระเบิด 7 ครั้งในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาสรวมถึงการลอบยิงราษฎรและเหตุการณ์ความรุนแรงอื่นๆ รวมทั้งสิ้นประมาณ 30 เหตุการณ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กและผู้หญิง 9 คน และบาดเจ็บรวมอีกทั้งหมด 20 คน

เนื่องในวาระครบรอบ 11 ปีเหตุการณ์ 28 เมษายน 2547 อันนับเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งของวงจรความรุนแรงในพื้นที่ คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ จึงมีข้อเรียกร้องเพื่อยุติวงจรความรุนแรงดังกล่าว และสนับสนุนกระบวนการสร้างสันติภาพ ดังนี้

1. “ผู้ใช้กำลังอาวุธทุกฝ่ายต้องยุติการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนโดยเฉพาะเด็กและผู้หญิง และยุติการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่สาธารณะ เช่น ตลาด โรงเรียน โรงพยาบาล ศาสนสถาน เป็นต้น
2. “รัฐต้องรับผิดชอบในการค้นหาและนำเสนอความจริงต่อสาธารณะโดยเร็วในกรณีเกิดเหตุสะเทือนขวัญ ได้แก่ การเสียชีวิตของเด็กและผู้หญิง การเสียชีวิตของนักต่อสู้เพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การฆ่าด้วยวิธีการทารุณโหดร้าย การฆ่าล้างครอบครัว การเสียชีวิตที่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐกระทำเกินกว่าเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดจนลุกลามเป็นวงจรความรุนแรงต่อไป
3.รัฐต้องมุ่งมั่นที่จะขจัดวัฒนธรรมคนทำผิดลอยนวล (impunity) โดยคุ้มครองทั้งสิทธิของผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหาอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงให้การดูแลเยียวยาโดยไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลด้วยเหตุแห่งเชื้อชาติ ศาสนา หรือสถานะทางสังคม
4.“พี่น้องประชาชนทุกศาสนิกต้องมีความอดทนอดกลั้นต่อแรงยั่วยุจากการก่อเหตุความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดจากการกระทำของฝ่ายใดก็ตาม เพื่อไม่ให้วงจรความรุนแรงขยายตัว ทั้งนี้ การแก้ปัญหาความขัดแย้งทุกรูปแบบต้องเป็นไปโดยยึดหลักสันติวิธี เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และใช้การพูดคุยเพื่อแสวงหาทางออกร่วมกัน

รายนามคณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ มีดังนี้ กลุ่มเครือข่ายสตรีเสื้อเขียวชายแดนใต้ กลุ่มเซากูน่า กลุ่มด้วยใจ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดปัตตานี เครือข่ายการช่วยเหลือเด็กกำพร้า เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ เครือข่ายชุมชนศรัทธา เครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้ เครือข่ายผู้หญิงยุติความรุนแรงแสวงสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ เครือข่ายวิทยุชุมชนจังหวัดปัตตานี เครือข่ายสตรีชายแดนใต้เพื่อสันติภาพ ชมรมข้าราชการมุสลีมะห์นราธิวาส ชมรมผู้นำมุสลีมะห์นราธิวาส มูลนิธิเพื่อการศึกษาและเยียวยาเด็กกำพร้า ศูนย์ฟ้าใสเครือข่ายเยาวชนจังหวัดยะลา ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ สถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ สภาประชาสังคมชายแดนใต้ สมาคมผู้หญิงเพื่อสันติภาพ (WePeace) สมาคมลุ่มน้ำสายบุรี

รณรงค์ทันที เริ่มหน้ามัสยิดกรือเซะ
ต่อมาหลังอ่านแถลงการณ์คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ได้เริ่มการรณรงค์เพื่อขอพื้นที่ปลอดภัยให้กับประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทันที โดยเดินทางไปชูป้ายขอพื้นที่ปลอดภัยในที่สาธารณะเริ่มที่มัสยิดกรือเซะ ซึ่งเป็นที่เกิดเหตุรุนแรงเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 ต่อด้วยที่หน้าวัดตานีนรสโมสร ตลาดสดเมืองปัตตานี โรงพยาบาลปัตตานี มัสยิดกลางปัตตานี และที่โรงเรียนเทศบาล 5

ลงชุมชนเสริมทักษะความรู้สันติภาพ
นางโซรยา จามจุรี หนึ่งในคณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ กล่าวว่า หลังจากนี้คณะทำงานจะมีวาระลงพื้นที่เพื่อเปิดพื้นที่ระดับหมู่บ้านทำโครงการร่วมกับองค์กรภาคีเพื่อเสริมทักษะความรู้ให้กับประชาชนทั้งในเรื่องกระบวนการสันติภาพ ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ความยุติธรรมเพื่อการเปลี่ยนผ่านหรือ Transitional Justice การติดตามกระบวนการสันติภาพ

นางโซรยากล่าวว่า สำหรับองค์กรเครือข่ายที่จะร่วมกันทำงานในเบื้องต้นมี 16 องค์กร แต่ร่วมแถลงการณ์เพิ่มเป็น 22 องค์กร อนาคตคาดว่าจะมีองค์กรที่มีจุดยืนเดียวกันและมีเป้าหมายร่วมกันเข้ามาร่วมงานกันมากขึ้น โดยทางคณะทำงานไม่ได้ปิดกั้นแต่อย่างใด

นางสาวอัญชนา หีมมิหน๊ะ จากกลุ่มด้วยใจกล่าวว่า แถลงการณ์ครั้งนี้มุ่งสื่อสารไปยังทุกกลุ่มที่ใช้อาวุธไม่ว่าฝ่ายรัฐหรือฝ่ายขบวนการ ส่วนวิธีการนั้นจะใช้ทุกรูปแบบการสื่อสารที่มีอยู่ ไม่ว่าการสื่อสารผ่านสื่อ สื่อสังคมออนไลน์ การเขียนบทความ เป็นต้นเพื่อให้ไปถึงกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพด้วย

 

แถลงการณ์ฉบับเต็ม

เรื่อง “ข้อห่วงใยของผู้หญิงต่อวงจรความรุนแรงชายแดนใต้”
วันอังคารที่ 28 เมษายน 2558 ณ โรงแรมปาร์ควิว จังหวัดปัตตานี
------------------------------

ทุกฝ่ายที่ใช้ความรุนแรงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตนมายาวนานกว่า 11 ปีในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้อาจไม่คิดว่ากำลังสร้างวงจรแห่งความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่จบสิ้น ทำให้ประชาชนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องเจ็บปวดจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก สูญเสียเสาหลักของครอบครัวและประสบความยากลำบากในการดำเนินชีวิต บั่นทอนสายสัมพันธ์ของผู้คนที่อาศัยอยู่ร่วมกันมายาวนานทำให้จังหวัดชายแดนภาคใต้ห่างไกลจากความมั่นคงและสันติภาพออกไปทุกขณะ

คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ เป็นการรวมตัวของกลุ่มผู้หญิงทั้งชาวพุทธและมุสลิม ซึ่งทำงานสนับสนุนกระบวนการสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครอบคลุมทั้งด้านการเยียวยา การพัฒนา การสื่อสารและการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ องค์กรริเริ่ม 16 องค์กร ได้จัดประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2558 ในจังหวัดปัตตานี โดยมีวาระสำคัญประการหนึ่ง คือการประเมินและวิเคราะห์วงจรความรุนแรงซึ่งส่งผลกระทบต่อการสร้างสันติภาพในพื้นที่

ผลจากการประชุมดังกล่าว คณะทำงานฯ มีความเห็นว่า เมื่อมีการใช้ความรุนแรงไม่ว่าจะเริ่มโดยฝ่ายใดก็ตาม จะเกิดการตอบโต้จนกลายเป็นวงจรความรุนแรงเสมอมา ทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของพลเรือน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่นเด็กและผู้หญิง ดังกรณีการวิสามัญฆาตกรรมเยาวชน 4 ศพโดยเจ้าหน้าที่รัฐที่บ้านโต๊ะชูด อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2558 ได้ทำให้เกิดความรุนแรงตามมาอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนมีการวางระเบิด 7ครั้งในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาสรวมถึงการลอบยิงราษฎรและเหตุการณ์ความรุนแรงอื่นๆ รวมทั้งสิ้นประมาณ 30 เหตุการณ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คน โดยในจำนวนนี้เป็นเด็กและผู้หญิง 9 คน และบาดเจ็บรวมอีกทั้งหมด 20 คน

เนื่องในวาระครบรอบ 11 ปีเหตุการณ์ 28 เมษายน 2547 อันนับเป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งของวงจรความรุนแรงในพื้นที่ คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ จึงมีข้อเรียกร้องเพื่อยุติวงจรความรุนแรงดังกล่าว และสนับสนุนกระบวนการสร้างสันติภาพ ดังนี้

1.“ผู้ใช้กำลังอาวุธทุกฝ่ายต้องยุติการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนโดยเฉพาะเด็กและผู้หญิง และยุติการก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่สาธารณะ เช่น ตลาด โรงเรียน โรงพยาบาล ศาสนสถาน เป็นต้น
2.“รัฐต้องรับผิดชอบในการค้นหาและนำเสนอความจริงต่อสาธารณะโดยเร็วในกรณีเกิดเหตุสะเทือนขวัญ ได้แก่ การเสียชีวิตของเด็กและผู้หญิง การเสียชีวิตของนักต่อสู้เพื่อคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การฆ่าด้วยวิธีการทารุณโหดร้าย การฆ่าล้างครอบครัว การเสียชีวิตที่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐกระทำเกินกว่าเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดจนลุกลามเป็นวงจรความรุนแรงต่อไป
3.รัฐต้องมุ่งมั่นที่จะขจัดวัฒนธรรมคนทำผิดลอยนวล (impunity) โดยคุ้มครองทั้งสิทธิของผู้เสียหายและผู้ถูกกล่าวหาอย่างเท่าเทียมกัน รวมถึงให้การดูแลเยียวยาโดยไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลด้วยเหตุแห่งเชื้อชาติ ศาสนา หรือสถานะทางสังคม
4.“พี่น้องประชาชนทุกศาสนิกต้องมีความอดทนอดกลั้นต่อแรงยั่วยุจากการก่อเหตุความรุนแรง ไม่ว่าจะเกิดจากการกระทำของฝ่ายใดก็ตาม เพื่อไม่ให้วงจรความรุนแรงขยายตัว ทั้งนี้ การแก้ปัญหาความขัดแย้งทุกรูปแบบต้องเป็นไปโดยยึดหลักสันติวิธี เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และใช้การพูดคุยเพื่อแสวงหาทางออกร่วมกัน

คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้
กลุ่มเครือข่ายสตรีเสื้อเขียวชายแดนใต้
กลุ่มเซากูน่า
กลุ่มด้วยใจ
กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดปัตตานี
เครือข่ายการช่วยเหลือเด็กกำพร้า
เครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ
เครือข่ายชุมชนศรัทธา
เครือข่ายผู้หญิงภาคประชาสังคมเพื่อสันติภาพชายแดนใต้
เครือข่ายผู้หญิงยุติความรุนแรงแสวงสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้
เครือข่ายวิทยุชุมชนจังหวัดปัตตานี
เครือข่ายสตรีชายแดนใต้เพื่อสันติภาพ
ชมรมข้าราชการมุสลีมะห์นราธิวาส
ชมรมผู้นำมุสลีมะห์นราธิวาส
มูลนิธิเพื่อการศึกษาและเยียวยาเด็กกำพร้า
ศูนย์ฟ้าใสเครือข่ายเยาวชนจังหวัดยะลา
ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้
สถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้
สภาประชาสังคมชายแดนใต้
สมาคมผู้หญิงเพื่อสันติภาพ (WePeace)
สมาคมลุ่มน้ำสายบุรี
สมาคมสวัสดิการมุสลีมะฮ์จังหวัดยะลา

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net