Skip to main content
sharethis

แม่ทัพภาค 4 พร้อมเจ้าหน้าที่ระดับสูง พร้อมทีมสอบข้อเท็จจริงเหตุ 4 ศพ ลงพื้นที่บ้านโต๊ะชูดครั้งแรกหลังแถลงผลการค้นหาความจริง เพื่อพบปะประชาชน เร่งฟื้นความสัมพันธ์และทำความเข้าใจสถานการณ์ ขออภัยอีกครั้ง พร้อมย้ำสันติวิธีและวอนขอให้ก้าวข้ามความผิดลาด ญาติผู้ตายซึ้งพร้อมขอบคุณ แต่ให้ดำเนินคดีตามกระบวนการปกติ

เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา โรงเรียนบ้านโต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี พล.ท.ปราการ ชลยุทธ ผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) พร้อมด้วยพล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกต ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศชต.) นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) นายวีรพงศ์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยตัวแทนของคณะกรรมการสืบหาเท็จจริงกรณีเหตุปะทะบ้าโต๊ะชูดพบปะกับพี่น้องประชาชนในต.พิเทน เป็นครั้งแรกหลังจากมีการแถลงผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเหตุดังกล่าว ที่มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ถูกควบคุมตัว 22 ราย เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา

โดยพล.ท.ปราการ ได้กล่าวขออภัยต่อหน้าชาวบ้านทั้งหมดอีกครั้ง พร้อมทั้งระบุว่า ที่ผ่านมาการปฏิบัติตามขั้นตอนตามกฎการปะทะจากเบาไปหาหนักและมีการใช้สันติวิธีในการปฏิบัติการกับผู้กระทำผิดประสบความสำเร็จมาแล้ว 5 ครั้ง แต่ครั้งนี้เจ้าหน้าอาจทำงานผิดพลาด ต้องขออภัย

พล.ท.ปราการ กล่าวระหว่างพบปะว่า การใช้แนวทางสันติวิธีมาสู่ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้นั้นเป็นแนวทางและนโยบายที่ยึดมั่นและมีความจริงใจ ตรงไปตรงมา ตรวจสอบได้ หากออกนอกทางจากแนวทางนี้ สามารถตรวจสอบได้ เห็นได้จากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

พล.ท.ปราการ กล่าวต่อไปว่า ระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมาของการเกิดเหตุรุนแรงในพื้นที่ทำให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐต้องสูญเสีย เกิดปัญหาพ่อหม้าย แม่หม้าย ลูกกำพร้าทั้ง 2 ฝ่ายจำนวนมาก ประชาชนมีคดีและมีหมายจับ บางคนต้องหลบหนีไปอยู่ประเทศ บางส่วนก็หลบหนีเข้าป่าไม่ได้อยู่กับครอบครัวเพราะกลัวถูกดำเนินคดีมีการดำเนินจับกุมคนที่มีหมายทั้งหมดเพื่อเข้าคุก สันติสุขในพื้นที่ไม่เกิดขึ้น

“แต่การเข้าพูดคุย ลงไปพัฒนาในพื้นที่ ทำความเข้าใจ ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ มันสามารถก้าวข้ามความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ นี่คือสิ่งกำลังทำอยู่ เชื่อว่าแนวทางนี้สันติสุขจะเกิดขึ้นในพื้นที่ได้ เจ้าหน้าที่รัฐต้องยึดมั่นแนวทางนี้”

“วันนี้อาจพลาดไป ท่านให้อภัย ผมขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่รัฐจะกลับมาเดินในแนวทางสันติวิธีอย่างมั่นคงและแน่วแน่ โดยเน้นการพัฒนาในพื้นที่ และการจับกุมผู้ก่อเหตุความรุนแรงโดยใช้วิธีที่ไม่ใช้ความรุนแรง เพื่อที่จะยับยั้งผู้ก่อเหตุความรุนแรงไม่ให้คิดที่จะก่อเหตุความรุนแรง” พล.ท.ปราการ กล่าว

พล.ท.ปราการ กล่าวปิดท้ายว่า อำเภอทุ่งยางแดงจะเป็นพื้นที่จะเป็นสัญญาลักษณ์ของสันติสุขในพื้นที่ เป็นพื้นที่นำในอีก 31 อำเภอในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราก้าวข้ามวิกฤตความรุนแรงมาแล้วจากความรุนแรงของก่อเหตุความรุนแรง ครั้งที่สองความผิดพลาดส่วนหนึ่งของเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นเราจะต้องก้าวข้ามไปด้วยกัน

หลังจากนั้น นายมะนาแซ วานุ พี่ชายของนายซัดดำหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า ไม่รู้ว่าจะขึ้นต้นอย่างไรดีในเมื่อพล.ท.ปราการได้กล่าวคำขออภัยและคำขอโทษ ตนและญาติของผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ รู้สึกดีใจในระดับหนึ่ง เพราะได้พ้นจากการกล่าวหาว่าผู้เสียชีวิตเป็นผู้ก่อการร้าย สำหรับเรื่องของคดีก็ให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม

“แต่ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะอย่างนี้ในประเทศของเรา และอยากให้เหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้าย และอยากให้ทุกคนน้อมรับพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา” นายมะนาแซ กล่าว

พล.ท.ปราการ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่จะใช้กฎหมายพิเศษให้น้อยสุดในการปฏิบัติการจับกุม โดยเชิญผู้ใหญ่บ้าน กำนัน ผู้นำศาสนาในพื้นที่ ตามขั้นตอน ซึ่งทำสำเร็จมาแล้ว 5 ครั้งได้ตัวผู้ก่อเหตุความรุนแรงที่มีหมายจับ 5 – 6 หมายโดยใช้แนวทางสันติวิธี เพื่อสู่เข้ากระบวนการยุติธรรม

“แต่การปฏิบัติการในครั้งนี้เกิดวิกฤตอะไรที่ข้ามขั้นตอนตรงนี้ไป ตรงนี้ขอให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินมาชี้ว่าใครผิดใครผิด แต่อาจจะต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วยว่า เจ้าหน้าที่มีหลักอะไรหรือเหตุผลอะไร กฎหมายคุ้มครองทุกฝ่าย ทั้งผู้ก่อเหตุความรุนแรงและเจ้าหน้าที่รัฐ และกฎหมายลงโทษผู้ก่อเหตุความรุนแรงและเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำความผิดกฎหมาย” พล.ท.ปราการ กล่าว

พล.ต.ท.อนุรุต กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย วันนี้ยังเร็วเกินไปที่จะให้คำตอบ คดีนี้มีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเป็นทหาร 4 นาย และตำรวจ 3 นาย โดยพนักงานสอบสวนจะนัดสอบปากคำหลังสงกรานต์

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net