โรงเรียนนักข่าวชายแดนใต้: ย้อนอดีตบ้านโต๊ะชูด ย้อนรอยโมเดลทุ่งยางแดง

ย้อนอดีตบ้านโต๊ะชูด อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี กับ “ผู้ใหญ่บ้านไข่” ชุมชนสุดท้ายปลายสุดของตำบลพิเทน ที่นี่เป็นชุมชนคนไทยพุทธที่ตั้งรกรากมาอย่างยาวนาน คนในพื้นที่จะรู้จักบ้านโต๊ะชูดพร้อมๆ กับรับรู้ว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านที่มีคนไทยพุทธเป็นผู้ใหญ่บ้าน และเป็นพื้นที่ที่มีความสงบสุขมาอย่างยาวนาน ขณะเดียวกันกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเดินหน้าหาข้อมูลกรณีปิดล้อมปะทะ 4 ศพ

ย้อนอดีตบ้านโต๊ะชูดกับผู้ใหญ่ไข่

นายสมควร ดำแก้ว อดีตผู้ใหญ่บ้าน ม.6 บ้านโต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ที่ทุกคนรู้จักในนาม “ผู้ใหญ่ไข่” ในวัย 70 ปี เล่าว่า ตนเกิดที่บ้านโต๊ะชูดแห่งนี้ โดยพ่อเป็นคนบ้านควน อ.ปะนาเระ บ้านเดิมของพ่ออยู่บริเวณหลังปั๊มน้ำมัน ปตท.ปาลัส ซึ่งปัจจุบันเป็นจุดแวะพักรถที่สำคัญของพื้นที่ สมัยนั้นการเดินทางจากโต๊ะชูดไปปะนาเระมีเพียงทางช้างเดินตามถนนสายโต๊ะชูด-เตราะปลิงปัจจุบัน สมัยเด็ก การเดินทางไปตลาดนัดปาลัสวันพุธเพื่อซื้อข้าวของ ซื้อปลาต้องขี่ช้างไปเท่านั้น ต้องเตรียมข้าวห่อออกจากบ้านแต่เช้า แวะกินข้าวห่อบนสันเขาเตราะปลิงก่อนเดินทางลงไปตลาด

ผู้ใหญ่ไข่บอกว่าตนมาเป็นผู้ใหญ่บ้านตั้งแต่ พ.ศ. 2514 เมื่ออายุ 26 ปี หลังจากกลับจากเกณฑ์ทหาร ปะจูมะอีซอกับเปาะเตะเลาะ ท่าธง ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในสมัยนั้นตั้งให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน ในสมัยนั้นการปกครองยังขึ้นกับอำเภอมายอ หลังจากนั้นอีกหลายปีกว่าจะมีการตั้งเป็นกิ่ง อ.ทุ่งยางแดง โดยในช่วงนั้นชาวบ้านที่มาอยู่โต๊ะชูดส่วนใหญ่เป็นคนจากต่างถิ่นมาจับจองพื้นที่ทำกินบริเวณที่เป็นบ้านโต๊ะชูดปัจจุบัน

ในขณะนั้นมีคนไทยพุทธมาอาศัยอยู่ที่นี่ 28 ครัวเรือน อยู่ร่วมกันกับคนมลายูมุสลิมซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากตั้งแต่ที่นี่ไปทางบ้านพิเทนลงไป กลุ่มคนไทยพุทธที่นี่จะพูดภาษาไทยใต้ ในขณะที่คนมลายูจะพูดภาษาไทยพิเทน แต่ทุกคนที่นี่พูดภาษามลายูได้เป็นอย่างดีและอยู่ด้วยกันเหมือนญาติพี่น้อง

ผู้ใหญ่ไข่เล่าว่า ตั้งแต่ตนเป็นผู้ใหญ่บ้านมา 34 ปี เกษียณ ปี 2548 บ้านโต๊ะชูดไม่เคยมีความขัดแย้งระหว่างคนไทยพุทธกับคนมุสลิม ต่างก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบ

“ย้อนกลับไปสมัยที่เกิดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มแบ่งแยกดินแดนตั้งแต่รุ่น มะอีซอ หรือครูเปาะสู หรือช่วงที่เซ็ง ท่าน้ำ มีอิทธิพล ก็ไม่เคยมีปัญหาความขัดแย้งหรือความรุนแรงเกิดขึ้นที่บ้านโต๊ะชูดเลย”

หรือช่วงเวลาหลังปี 2547 ที่เกิดความรุนแรงรอบใหม่ ที่บ้านโต๊ะชูดมีเพียงเหตุการณ์ลอบวางเพลิงเผาโรงเรียนครั้งหนึ่ง แต่ไม่มีความเสียหายอะไรมาก ส่วนเหตุการณ์อื่นๆ ไม่เคยเกิดขึ้นเลย ถึงแม้ว่าตนจะเกษียณจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านมาแล้วแต่ก็ยังมีคนเคารพนับถือ แวะเวียนมาที่บ้านตลอดเวลา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุด ผู้ใหญ่ไข่บอกว่า ตนรู้จักกับนายซัดดัม ที่ถูกยิงเสียชีวิตเป็นอย่างดี สนิทสนมเหมือนลูกหลาน โดยเขาจะมารับซื้อขี้ยางของครอบครัวเป็นประจำ บ่อยครั้งที่ตนเคยตักเตือนเรื่องที่นายซัดดัมติดยาเสพติด บางครั้งนายซัดดัมถึงกับร้องไห้เวลาที่เขาตักเตือน แต่ก็ยังเลิกไม่ได้เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่ยาเสพติด

ส่วนเรื่องที่นายซัดดัมเป็นแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบนั้น ผู้ใหญ่ไข่บอกว่าเขาไม่เชื่อเด็ดขาด โดยบอกว่าเด็กพวกนี้คงคิดเรื่องแบบนั้นไม่เป็นด้วยซ้ำไป

ทุกวันนี้ผู้ใหญ่ไข่บอกว่าที่นี่มีคนไทยพุทธอยู่ 14 ครัวเรือน ลูกๆ ของเขาก็อยู่ที่นี่ มีหลานหลายคนที่อยู่ด้วยกัน ที่หมู่บ้านไม่มีวัด แต่ก็มีศาลาสำหรับทำพิธีกรรมทางศาสนาพุทธ โดยส่วนใหญ่จะเป็นเพียงพิธีกรรมเกี่ยวกับคนตาย พิธีสวดศพโดยนิมนต์พระสงฆ์จากที่อื่นมาทำพิธี

ย้อนรอยเหตุการณ์โต๊ะชูด ย้อนแย้งโมเดลทุ่งบางแดง

เวลา 9 โมงเช้าของวันสิ้นเดือนมีนาคม ชาวบ้านจำนวนหนึ่งรวมตัวกันที่สำนักงาน อบต.พิเทน เนื่องจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ปะทะที่บ้านโต๊ะชูด อ.ทุ่งยางแดง นัดหมายกับผู้ที่ถูกควบคุมตัวในเหตุการณ์ปะทะและได้รับการปล่อยตัวมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกันที่นี่ ขณะเดียวกันชาวบ้านที่เป็นญาติๆ เพื่อนบ้าน ต่างมารวมตัวกันที่ อบต.พิเทน อย่างล้นหลาม โดยคณะกรรมการที่เดินทางมาครั้งนี้มีรองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีเป็นประธานและประชุมสอบถามผู้ที่ได้รับเชิญมาที่ห้องประชุมชั้น 2 ของสำนักงาน อบต.

กลุ่มชาวบ้านที่มายังคงสอบถามสารทุกข์ของกันและกันอย่างต่อเนื่องด้วยใบหน้าที่ยังหมองเศร้า ไม่ปรากฏรอยยิ้มให้เห็นมากนักแม้ว่าเจ้าหน้าที่ของ อบต.ให้การต้อนรับอย่างดีและพยายามสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น บิดาของผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้สองคนยังคงร้องไห้น้ำตานองหน้าเมื่อถูกถามถึงความรู้สึกที่ต้องสูญเสียลูกชาย ในที่เดียวกันมีนักข่าวทั้งที่เป็นสตริงเกอร์จากพื้นที่และนักข่าวโทรทัศน์จากกรุงเทพส่วนหนึ่งยังคงเดินทางมาที่นี่เพื่อเกาะติดสถานการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าในห้องประชุมแต่อย่างใด

นายซาการียา สาแม็ง บิดาของนาย คอลิด สาแม็ง นักศึกษามหาวิทยาลัยฟาตอนีที่เสียชีวิตบอกว่าเขาต้องการความเป็นธรรมให้กับลูกชายที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแนวร่วมขบวนการก่อความไม่สงบ โดยเฉพาะเรื่องที่ลูกชายมีอาวุธปืนในการปะทะกับเจ้าหน้าที่จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต โดยเล่าว่าในวันดังกล่าวเวลาประมาณ 15.30 น. ลูกชายได้ไปฉีดยาที่โรงพยาบาลทุ่งยางแดง เนื่องจากปวดเมื่อยจากที่ต้องช่วยครอบครัวขนข้าวเปลือกในนามาสองวันแล้ว กลับจากโรงพยาบาลได้เข้ามาละหมาดที่บ้านและทำธุระหลายอย่างก่อนออกจากบ้านในช่วงเย็นไปกับเพื่อน ซึ่งเมื่อดูช่วงเวลาที่เกิดเหตุแล้วไม่สมเหตุสมผลที่จะไปก่อเหตุใหญ่ขนาดนั้นได้ ในขณะที่ผู้ที่ถูกควบคุมตัวในเหตุการณ์นี้ที่เดินทางมาตามนัดหมายของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างอยู่ในอารมณ์เคร่งเครียดกันทุกคน

ชาวบ้านจากหมู่บ้านโต๊ะชูดหลายคนต่างเล่าเหตุการณ์ในมุมที่ตนเองรับรู้ โดยบอกว่าที่บ้านดังกล่าวเป็นที่รับรู้ของชาวบ้านว่าเป็นแหล่งรวมตัวของวัยรุ่นโดยเฉพาะเป็นที่ต้มน้ำกระท่อมกัน โดยหลังบ้านมีกระต๊อบหลังเล็ก 2 หลังไว้เป็นที่พักผ่อน มีโต๊ะไม้ที่ทำจากรากไม้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่หลังบ้าน บิดานายซัดดัมที่เสียชีวิตเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างบ้านหลังดังกล่าวโดยที่นายซัดดัมเองก็เป็นช่างไม้ที่ทำงานกับพ่อในงานรับเหมาสร้างบ้านหลังนี้ ซึ่งในวันดังกล่าวได้มีการเกณฑ์ชาวบ้านใกล้เคียงมาเพื่อยกเสาไม้ที่เป็นไม้เก่าขนาดใหญ่ประมาณ 10 คน

นายอูเซ็น ตอคอ อายุ 60 ปีที่ถูกควบคุมตัวเล่าว่าตนเลี้ยงแพะอยู่ไม่ไกลจากที่นั่น และมักจะแวะมาดูกิจกรรมสร้างบ้านและยกเสาไม้ ซึ่งในวันนั้นตนก็เดินไปดูกลุ่มคนที่รวมตัวอยู่ที่นั่น แต่ไม่ได้ไปช่วยยกเสาเพราะไม่มีแรง เมื่อไปถึงปรากฏว่าเจ้าหน้าที่มาปิดล้อมจึงต้องถูกควบคุมตัวไปด้วย

ด้านนายฮาราบี แวฮาโละ บอกว่าเขากับเพื่อน 6 คนมาจากบ้านปากูโดยมาถึงที่บ้านนี้ประมาณสามโมงครึ่ง เพื่อเจรจาเรื่องจ่ายค่าประกันรถ เนื่องจากตนเป็นคนค้ำประกันรถซึ่งเจ้าของรถขับรถชนเสียหายยับทั้งคัน เมื่อได้เงินจากประกันแล้วไม่จ่ายค่าเสียหาย เจรจามาหลายครั้งยังไม่สำเร็จ ครั้งนี้นัดกันมาเจรจาที่นี่ โดยนั่งคุยอยู่ชั้นบนของบ้าน

“ช่วงเวลาที่เกิดเหตุนั้นกลุ่มของตนได้พูดคุยกันเสร็จแล้วกำลังจะเตรียมตัวกลับเมื่อมีเจ้าหน้าที่มาปิดล้อม ขณะที่หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในกลุ่มต้มน้ำกระท่อมที่อยู่หลังบ้านบอกว่ากลุ่มของพวกเขาที่ไม่หนีไปในการปิดล้อมครั้งนี้เพราะวิ่งหนีไม่ทัน เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาปิดล้อมทุกด้านทำให้ต้องวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างเดียว ส่วนคนที่หนีไปและเสียชีวิตนั้นตนไม่ทันเห็นว่าวิ่งไปทางไหนเวลาไหน” นายฮาราบี กล่าว

เรื่องเล่ายังคงพรั่งพรูพร้อมๆ กับการสอบถามความเป็นไปเพราะยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว ดูเหมือนว่าทุกคนยังคงมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวบ้านหลายคนบอกว่าช่วงนี้เป็นหน้าแล้ง กรีดยางไม่ค่อยได้อยู่แล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ในหมู่บ้านทำให้ไม่กล้าออกไปกรีดยาง ทำให้ขาดรายได้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่ทุกคนรอคอยคือเมื่อไรที่เรื่องร้ายนี้จะผ่านพ้นไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท