30 มี.ค.2558 เว็บสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส Thai PBS รายงานว่า นายสมบัติ ลีลาพตะ รักษาการรองเลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้พิจารณาการออกอากาศรายการโทรทัศน์ช่องทีวี 24 (ช่องเอเชีย อัพเดท เดิม) ตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณาผังรายการที่ตรวจสอบเนื้อหาเห็นว่า เนื้อหารายการเข้าข่ายให้ข้อมูลข่าวสารยั่วยุ ปลุกปั่น ขัดต่อประกาศ คสช.ฉบับ 97 และ 103 โดยที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 เห็นด้วยตามที่คณะอนุกรรมการเสนอฯและหน่วยงานความมั่นคงส่งมาว่า ขัดประกาศ คสช.จริง จึงมีมติให้พักใช้ใบอนุญาตการออกอากาศช่องดังกล่าว เป็นเวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันได้รับหนังสือแจ้งคำสั่ง และให้มีหนังสือแจ้งผู้ให้บริการโครงข่ายทีวีดาวเทียมไทยคม เพื่อระงับการออกอากาศ
สำหรับรายการที่ออกอากาศ ขัดประกาศ คสช.ได้แก่ รายการ Awakened ออกอากาศ วันที่ 2, 5 และ 10 มี.ค. 2558, รายการ News Room ออกอากาศ 28 ก.พ. 2558 , วันที่ 2 และ 10 มี.ค. 2558 และ รายการ The Clear ออกอากาศ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.2558
ที่ประชุมยังมีมติให้พักใช้ใบอนุญาตช่อง Peace TV (ช่อง DNN เดิม) เป็นเวลา 7 วัน หลังหน่วยงานความมั่นคงส่งความเห็นมาว่า มีเนื้อหาขัดประกาศ คสช. โดยที่ประชุมเสียงข้างมาก มีมติว่า การออกอากาศดังกล่าว มีเนื้อหายั่วยุปลุกปั่น ขัดต่อประกาศ คสช.ตามที่ผู้รับใบอนุญาตเคยทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันกับ สำนักงาน กสทช. ตามที่คณะอนุกรรมการพิจารณาผังรายการเสนอ
สำหรับรายการที่มีเนื้อหาขัดต่อ ประกาศ คสช. ได้แก่ รายการมองไกล ออกอากาศ 28 ก.พ.2558 และ 7 มี.ค. 2558 รายการคิดรอบด้าน ออกอากาศ 4 และ 5 มี.ค.2558 รายการเดินหน้าต่อไปออกอากาศ 4 - 6 มี.ค. 2558 และรายการเข้าใจตรงกัน ออกอากาศ 4 -5 มี.ค.2558
สุภิญญาชี้ลงโทษเกินกว่าเหตุ แนะควรลงโทษตามลำดับขั้น ไม่ใช่ลัดขั้นตอน
ด้าน สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการ กสท. แสดงความเห็นผ่านทวิตเตอร์ว่า กรณีการพักใช้ใบอนุญาต 7 วัน ช่อง TV 24 มติ กสท. 3:2 และช่อง PeaceTV มติ กสท. 4:1 ตนเองอยู่ฝ่ายเสียงข้างน้อยทั้งสองกรณี
"ดิฉันอยู่ฝ่ายเสียงข้างน้อย เพราะเห็นว่ารายการดังกล่าวของ 2 ช่อง เป็นการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์การเมือง แม้เลือกข้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นปลุกปั่น อีกทั้งถ้าบางรายการของช่อง 24TV และ PeaceTV มีปัญหาสุ่มเสี่ยง แต่การให้พักใช้ใบอนุญาตทั้งสถานี อาจเข้าข่ายลงโทษเกินกว่าเหตุได้" สุภิญญาระบุและว่า "มากไปกว่านั้นดิฉันเห็นว่า กสท. ควรพิจารณาความผิดบนฐานกฏกติกาของ กสทช.เองก่อนจะใช้คำสั่ง หรืออิงประกาศฯ คสช."
สุภิญญา ระบุว่า การลงโทษผู้รับใบอนุญาตควรเป็นไปตามลำดับขั้นตอน เช่น เตือน ปรับ พักใช้ เพิกถอน เหมือนกรณีความผิดอื่นๆ ไม่ใช่การเมืองแล้วใช้โทษทางลัด
"กสท.ควรใช้ดุลยพินิจว่า การวิพากษ์การทำงานรัฐบาล สนช. สปช. หรือ แม้แต่ คสช. ยังไม่ใช่ความผิดฐานขัดความมั่นคงในตัวของมันเอง ต้องดูสาระด้วย" สุภิญญากล่าว
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๗ / ๒๕๕๗ เพื่อให้การปฎิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติเป็นไปได้ความเรียบร้อย และเพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือนและความเข้าใจผิด อันจะส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม คณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีประกาศ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา |
ประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐๓ / ๒๕๕๗ เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๗/๒๕๕๗ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมประกาศคณะ รักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๗/๒๕๕๗ เรื่อง การให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและการเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อให้การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารไปสู่ประชาชนเป็นไปด้วยความถูกต้อง ปราศจากการบิดเบือน และความเข้าใจผิด อันจะส่งผลกระทบต่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงมีประกาศดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้ยกเลิกความใน (๓) ของข้อ ๒ แห่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๗/๒๕๕๗ เรื่อง การให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและการเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “(๓) การวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยมีเจตนาไม่ สุจริตเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของคณะรักษาความสงบแห่งชาติด้วยข้อมูลอัน เป็นเท็จ” ข้อ ๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๕ แห่งประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ ๙๗/๒๕๕๗ เรื่อง การให้ความร่วมมือต่อการปฏิบัติงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติและการเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ลงวันที่ ๑๘ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน ข้อ ๕ ในกรณีที่ปรากฏว่าบุคคลใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อ ๒ หรือข้อ ๓ พนักงานเจ้าหน้าที่อาจส่งเรื่องให้องค์กรวิชาชีพที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกดำเนิน การสอบสวนทางจริยธรรมแห่งการประกอบวิชาชีพ” ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา |