ที่ประชุม สนช.พิจารณาถอดถอนอดีตส.ว. 38 คน ที่ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปมที่มา ส.ว.ให้มาจากการเลือกตั้ง ป.ป.ช.แถลงเปิดคดี จำแนกพฤติการณ์ 4 ฐานความผิด ฝ่ายอดีตส.ว. ยันแก้ไขรธน.ถูกต้องตามกฎหมาย
25 ก.พ.2558 การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณากระบวนการถอดถอนอดีตส.ว.38 คน ออกจากตำแหน่ง กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาส.ว.โดยมิชอบ ซึ่งเป็นขั้นตอนการแถลงเปิดสำนวนของคณะกรรมการป.ป.ช.และการแถลงโต้แย้งการเปิดสำนวนของผู้ถูกกล่าวหา นายพรเพชรได้เชิญตัวแทนฝ่ายผู้กล่าวหาคือ นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป.ป.ช. และตัวแทนฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 29 คน เข้าสู่ห้องประชุม
นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช. ได้แถลงเปิดสำนวนย้ำว่าอดีตส.ว. 38 คนมีพฤติการณ์จงใจส่อว่าใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย ฝ่าฝืนไม่ปฎิบัติตามจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามกฎหมาย ป.ป.ช.จึงเป็นเหตุให้สามารถถอดถอนได้ โดยแบ่งข้อกล่าวหาออกเป็น 3 กลุ่มคือกรณีแรกคือร่วมลงชื่อเสนอญญัติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่เสนอโดยนายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยและพวก กลุ่มที่สองร่วมให้ความเห็นชอบลงมติในวาระใดวาระหนึ่ง และกลุ่มที่สามที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญและร่วมลงมติให้ความเห็นชอบ แต่หลังจากไต่สวนจำแนกกลุ่มตามฐานความผิดแล้วพบว่ามีอดีตสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 38 คนเท่านั้นที่เข้าข่ายมีความผิด ซึ่งตามคำร้องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพวกยื่นคำร้องให้มีการถอดถอนจำนวน 50 คน
นายวิชัย กล่าวว่า ป.ป.ช.มีอำนาจในการไต่สวนถอดถอนกรณีดังกล่าว แม้รัฐธรรมนูญปี 50 จะไม่มีผลบังคับใช้แล้ว แต่ประกาศ คสช.ฉบับที่ 24/2557 ให้พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ยังมีผลบังคับใช้ต่อไป ประกอบกับรัฐธรรมนูญชั่วคราว ปี 2557 มาตรา 6 ให้สนช.ทำหน้าที่เป็นส.ส.และส.ว. ซึ่งสนช.มีข้อบังคับการประชุมปี 2557 ระบุให้สนช.มีอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ดังนั้นป.ป.ช.ย่อมมีอำนาจในการไต่สวนเรื่องดังกล่าว พร้อมส่งรายงานคำร้องถอดถอนมายัง สนช.เพื่อดำเนินการถอดถอนได้
จากนั้น นายกฤช อาทิตย์แก้ว อดีตส.ว.กำแพงเพชร กล่าวว่า กลุ่มส.ว.ขอปฎิเสธว่าไม่ได้ทำความผิดตามฟ้องของป.ป.ช.ทุกประเด็น และถือเป็นเอกสิทธิ์ของส.ว.ที่จะร่วมลงชื่อและลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เมื่อพิจารณาคำร้องของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิก เห็นว่าเป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นไปตามมาตรา 61 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และยังขัดต่อข้อบังคับการประชุมสนช.ที่ไม่มีการระบุที่อยู่ของผู้ถูกร้องให้ชัดเจน การจัดทำคำร้องยังมีข้อน่าสงสัยที่มีการใช้แบบและขนาดตัวอักษรที่ไม่เหมือนกัน ประกอบการการพิจารณารับคำร้องของสนช.เชื่อว่ามีบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกสนช.เข้าไปมีส่วนร่วมพิจารณาด้วย เมื่อคำร้องไม่สมบรูณ์และกระบวนการพิจารณามีปัญหาจึงเชื่อว่าการพิจารณาถอดถอนของสนช.จึงทำไม่ได้
ตัวแทนส.ว.ได้แถลงชี้แจง อาทิ นายวิทยา อินาลา อดีตส.ว.นครพนม แถลงว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เสนอมีเพียงร่างเดียวไม่มีการแก้ไขสอดไส้ปลอมแปลงร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ด้านนายดิเรก ถึงฝั่ง อดีตส.ว.นนทบุรี แถลงสรุปการชี้แจงว่า กลุ่มส.ว.ไม่มีเจตนาจะทำให้เกิดปัญหา และไม่ได้แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อตนเอง เพราะเมื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งอีกหรือไม่ ขอยืนยันว่าไม่มีการทับซ้อนหรือขัดกันของผลประโยชน์ ทั้งหมดทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 291ทุกประการ ดังนั้นการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนญย่อมได้รับความคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญ ข้อกล่าวหาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองนั้น การแก้ไขให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดไม่เห็นจะเกี่ยวกับการล้มล้างการปกครองตรงไหน ขอยืนยันว่าส.ว.ทั้งหมดไม่คิดล้มล้างการปกครองเพราะได้ผ่านประสบการณ์ทำงานเพื่อประเทศชาติมาอย่างยาวนานกันทุกคน จึงไม่มีความคิดจะทำเช่นนี้
เมื่อตัวแทนส.ว.ได้แถลงข้อชี้แจงแล้วที่ประชุมได้ตั้งกรรมาธิการซักถามทำหน้าที่รวบรวมคำถามจากสมาชิกเพื่อดำเนินการซักถามผู้ถูกถอดถอน กำหนดให้มีคณะกรรมาธิการ 7 คน และให้สมาชิกที่ต้องการซักถามยื่นข้อซักถามภายในเวลา 12.00 น. ของวันที่ 27 ก.พ. ที่ประชุมยังได้งดเว้นข้อบังคับการประชุมสนช ข้อ 24 วรรค 3 เป็นการชั่วคราว เนื่องจากข้อบังคับกำหนดให้นัดประชุมครั้งต่อไปภายใน 7 วัน แต่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์ ที่ประชุมจึงกำหนดนัดประชุมเพื่อพิจารณาข้อซักถามในวันที่ 5 มี.ค. เวลา 10.00 น.
เรียบเรียงจาก ข่าวรัฐสภา และ สำนักข่าวไทย