ซากฟอสซิล ‘หงอนพญานาค’ ที่ห้องรับรองเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ มีลักษณะเหมือน ‘ฟันกรามช้าง’ เจษฎา แนะรีบเอาไปให้กรมทรัพยากรธรณี จะได้ช่วยกันวิจัยพันธุ์ช้างโบราณในประเทศไทย

จากกรณี ข่าวสดออนไลน์ รายงานข่าวระบุว่า พบซากฟอสซิลหงอนพญานาค โดยเก็บไว้ที่ห้องรับรองเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ วัดท่าไม้เหนือ หมู่ 5 บ้านท้ายน้ำ ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งมีชาวบ้านในพื้นที่ตำบลบ้านหม้อและพื้นที่ใกล้เคียงแห่ดูฟอสซิลหรือกระดูกส่วนหัวของสัตว์ชนิดหนึ่ง ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นซากของพญานาคที่ตายมานานแล้ว วางอยู่ตรงกลางวงกลมของอ่างน้ำขนาดเล็กสีฟ้าลายเหลืองแดง โดยมีน้ำล้อมรอบ อ่างน้ำดังกล่าววางอยู่ด้านหน้าโต๊ะหมู่บูชาองค์พระแก้วมรกตภายในห้องรับรองเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ พบส่วนฟันกรามบนจรดถึงหัว และส่วนหงอนซึ่งตั้งอยู่บนหัวของสัตว์ชนิดนี้ มีความกว้างประมาณ 6 นิ้ว ยาว 10 นิ้ว มีน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม ประกอบด้วย กระดูกฟันส่วนกรามบน จำนวน 26 ซี่ แต่ขาดฟันกรามล่างไป กระดูกส่วนครีบด้านซ้ายและด้านขวา รวมจำนวน 26 ซี่ กระดูกส่วนครีบในตรงกลาง 7 คู่ กระดูกส่วนหงอนซึ่งอยู่ด้านบนหัว จำนวน 5 คู่ 

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าหงอนพญานาคดังกล่าวมีลักษณะคล้ายฟันกรามของช้าง

ภาพเปรียบเทียบ 'หงอนพญานาค' ที่รายงานในเว็บไซต์ข่าวสด เทียบกับ ภาพ 'ฟันกรามช้าง' ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ human.cmu.ac.th 

ภาพฟันกรามช้างโบราณจากเว็บ pralanna.com

โดยหงอนพญานาคมีผู้นำมาเสนอเป็นข่าวหลายครั้งแล้ว เมื่อวันที่ 18 ส.ค.57 ไทยรัฐออนไลน์ ได้นำเสนอข่าว ว่าชาวม้งที่ อ.เชียงของ เชียงราย แตกตื่นไปดูกระดูกสัตว์ลักษณะประหลาด หนุ่มในหมู่บ้านไปหาปลาเจออยู่ใต้น้ำ คนเฒ่าคนแก่บอกเป็น "หงอนพญานาค" ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ถึง 3 ครั้ง ขณะที่นักสะสมขอซื้อ 5 หมื่น แต่เจ้าของไม่ขาย

ในครั้งนั้นเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘วิวาทะ V2’ ได้นำภาพข่าวดังกล่าวเทียบกับฟันกรามของช้างซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกันมาก

เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ โพสต์วิจารณ์ภาพข่าวดังกล่าวในเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Jessada Denduangboripant’ ด้วยว่า “นอกจากจะงงว่า เมื่อไหร่สื่อไทยจะเลิกเล่นข่าว "รอยลูกกลิ้งพญานาค" แล้ว  คราวนี้มาเจอข่าว "หงอนพญานาค" อีก  มันคือซากกระดูกฟันกรามช้างนะครับ ถ้าเก่าแก่เป็นหินเป็นซากฟอสซิลแล้ว ให้รีบเอาไปให้กรมทรัพยากรธรณีเลยครับ จะได้ช่วยกันวิจัยพันธุ์ช้างโบราณในประเทศไทยครับ”