Skip to main content
sharethis

นักข่าวชาวซีเรียเล่าประสบการณ์ความยากลำบากของคนที่ยังคงอยู่ในประเทศเพื่อพยายามช่วยเหลือประชาชนชาวซีเรียด้วยกัน พวกเขาประสบภัยจากทั้งรัฐบาลเผด็จการบาชาร์ อัลอัสซาด จากกลุ่มก่อการร้ายไอซิส และถูกตะวันตกโจมตี แต่ตัวพวกเขาเองก็มักจะถูกมองว่าเป็นผู้ก่อการร้ายไปด้วย

19 ก.พ. 2558 เซย์นา เออไฮม์ นักข่าวชาวซีเรียเขียนบทความในเดอะการ์เดียน เล่าถึงเพื่อนของเธอคนหนึ่งซึ่งเป็นเภสัชกรอายุ 30 ปี นามสมมติว่า 'โมฮัมหมัด' ถูกลักพาตัวโดยกลุ่มไอซิสขณะที่เขาอยู่ในเมืองอเล็ปโป แต่ในเวลาต่อมาเขาก็หนีออกมาได้โดยมีสภาพผ่ายผอม น้ำหนักลดลงมากจนไม่สามารถยืนได้

เพื่อนเธออีกคนหนึ่งคิดว่าใครก็ตามที่ถูกไอซิสจับตัวไปจะไม่สามารถออกมาได้โดยยังมีชีวิตรอดโดยเฉพาะคนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น 'ผู้นิยมแยกรัฐออกจากศาสนา' (secularist) แม้ว่าโมฮัมหมัดจะเป็นมุสลิมที่จริงจังมากแต่สำหรับไอซิสแล้ว 'ผู้นิยมแยกรัฐออกจากศาสนา' จะเป็นใครก็ได้ที่กล้าท้าทายพวกเขา

เออไฮม์ระบุว่าเป็นเรื่องที่น่าย้อนแย้งประชดประชันตรงที่ ขณะที่ไอซิสมองโมฮัมหมัดเป็นผู้นิยมแยกรัฐออกจากศาสนาที่เป็นตัวอันตราย ชาติตะวันตกก็จะเห็นคนอย่างโมฮัมหมัดเป็นผู้นับถืออิสลามที่อันตรายเช่นกัน

หลังจากที่ไอซิสเข้ายึดส่วนหนึ่งของย่านชานเมืองอเล็ปโปได้ โมฮัมหมัดและคนที่มีความรู้ทางการแพทย์อีกหลายคนตัดสินใจไม่หนีออกจากพื้นที่เพื่อเสียสละช่วยเหลือคนในท้องถิ่นที่ยังอยู่ แต่เวลาเดินทางไปที่อื่นพวกเขามักจะถูกมองจากคนนอกว่าเป็นผู้ก่อการร้ายเพียงเพราะพวกเขาเดินทางจากพื้นที่เมืองที่ถูกยึดครองโดยไอซิสอยู่ เมื่อเดือนที่แล้วโมฮัมหมัดและพรรคพวกเคยถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศตุรกีแม้จะมีหนังสือเดินทางถูกต้อง เขาถูกเจ้าหน้าที่ด่านตรวจไล่ให้กลับไปยัง 'รัฐอิสลาม' ของพวกเขาเสีย

เออไฮม์ยังกล่าวถึงความยากลำบากในการจะเดินทางไปสหรัฐฯ เมื่อสถานกงสุลอเมริกันในกรุงอิสตันบูลบอกเธอว่าวีซ่าอายุ 2 ปี ของเธอถูกระงับทั้งที่ปีที่แล้วเธอเพิ่งเดินทางไปสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมงานขององค์กร เธอยังมีบัตรนักข่าวนานาชาติและมีบันทึกผลงานที่เคยทำงานกับสำนักข่าวบีบีซีในอังกฤษ เธอสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเพราะทางการสหรัฐฯ กลัวว่าเธอจะเป็นผู้ก่อการร้ายเพียงเพราะเธอมาจากประเทศซีเรีย

"ตอนที่ฉันนั่งเครื่องบินไปลงที่ท่าอากาศยานฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอนเมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว ตำรวจขึ้นมาบนเครื่องบินแล้วถามหาผู้หญิงที่ชื่อฟังดูเป็นชาวอาหรับ ฉันตื่นตระหนกแล้วก็เริ่มลบภาพของตัวเองที่ไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้าออกจากโทรศัพท์ ฉันต้องใช้เวลาสองสามวินาทีถึงจะนึกได้ว่าฉันไม่ได้กำลังอยู่ที่ด่านตรวจของพวกไอซิสในซีเรีย" เออไฮม์เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

"ดังนั้นฉันจึงปิดอัลบั้มภาพถ่ายแล้วเริ่มลบเพลงปลุกใจในเชิงรักชาติในโทรศัพท์ออก เผื่อว่าฉันจะถูกกล่าวหาว่าข้อความที่ดูเป็นอิสลามจะถูกใช้เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าฉันเป็นผู้ก่อการร้าย แต่ต่อมาก็ลองนึกถึงสภาพความจริงอีกครั้งว่าชื่อที่เรียกไม่ใช่ชื่อฉัน แต่หลังจากไปถึงอาคารที่พักผู้โดยสารฉันก็ร้องไห้อย่างหนัก" เออไฮม์เล่าเรื่องของเธอเองซึ่งสะท้อนสภาพจิตใจที่อยู่ภายใต้ความหวาดระแวงอย่างหนักมาก่อน

เออไฮม์ระบุว่าเธอเป็นคนที่ยอมออกจากงานผู้สื่อข่าวในสำนักข่าวที่มีชื่อเสียงเพื่อกลับไปช่วยเหลือประชาชนที่บ้านเกิดซึ่งถูกทิ้งระเบิดโดยกองทัพรัฐบาลอัสซาด ต้องใช้ชีวิตเสี่ยงตายในแต่ละวันในนามของเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน มีเพื่อนของเธอ 7 คนถูกกลุ่มไอซิสจับตัวไปตั้งแต่ก่อนที่โลกนี้จะรู้จักไอซิส เธอเสียเพื่อนคนอื่นๆ ที่ต่อสู้กับไอซิสเพื่อพยายามขับไล่กองกำลังนี้จากเขตปกครองอิดลิบและอเล็ปโป เห็นพวกไอซิสประหารชีวิตหมอที่ใจดีและคนอื่นๆ อีก 40 คนในศูนย์การแพทย์ต่อหน้าต่อตาชาวเมืองอเล็ปโปในช่วงที่กลุ่มก่อการร้ายเข้ายึดศูนย์การแพทย์นี้เป็นฐานทัพในปี 2556 ในอีกด้านหนึ่งเพื่อนของเธอหลายคนก็ถูกทารุณกรรมจนเสียชีวิตในคุกของอัสซาดหรือในขณะที่ต่อต้านทรราชรายนี้

ในขณะที่เมืองอเล็ปโปถูกแบ่งแยกโดยฝักฝ่ายต่างๆ ที่สู้รบกันบนพื้นดิน เออไฮม์ระบุอีกว่ายังมีการโจมตีทางอากาศโดยกลุ่มแนวร่วมต่อต้านการก่อการร้ายที่สร้างความหวาดกลัวให้ผู้คน ซึ่งหนึ่งในเหยื่อจากการโจมตีทางอากาศคือญาติอายุ 11 ปีของเธอเอง

"ท่ามกลางการสู้รบทางภูมิศาสตร์การเมืองและความหวาดกลัวว่านักรบทางศาสนาจะปฏิบัติการก่อการร้ายในยุโรปอีก กลับเป็นเรื่องราวของประชาชนชาวซีเรียธรรมดาที่ถูกลืม เรื่องราวของประชาชนที่ในตอนแรกถูกเผด็จการ 'ก่อการร้าย' เผด็จการที่ต้องการสังหารคนที่ไม่สนับสนุนเขาให้หมด จากนั้นพวกนักรบศาสนาจากต่างชาติก็หลั่งไหลเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลกเพื่อยึดครองประเทศ และในตอนนี้ก็มีผู้โดน 'ลูกหลง' ความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศของประเทศแนวร่วม* แล้วพวกคุณยังจะเรียกพวกเราว่าเป็นผู้ก่อการร้ายอีกหรือ" เออไฮม์ระบุในบทความ
 

*ในเนื้อความใช้คำว่า 'coalition air strikes' ซึ่งน่าจะหมายถึงปฏิบัติการโจมตีทางอากาศร่วมกันเพื่อปราบปรามกลุ่มไอซิสและอัลกออิดะฮ์ การโจมตีนำโดยสหรัฐอเมริกา ร่วมกับกระเทศอื่นๆ คือ บาห์เรน จอร์แดน กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ย. 2557 เป็นต้นมาจนถึงตอนนี้ (ข้อมูลเพิ่มเติมจาก http://en.wikipedia.org/wiki/American-led_intervention_in_Syria)


เรียบเรียงจาก

Syrians have been oppressed by a dictator and jihadists, and bombed by the west – and you call us terrorists?, Zaina Erhaim, The Guardian, 17-02-2015
http://www.theguardian.com/commentisfree/2015/feb/17/syrians-oppressed-dictator-jihadists-bombed-coalition-called-terrorists

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net