คืนความสุขให้คนในชาติ 'ประยุทธ์' รับยางดิบ 80 บาท ช่วยไม่ไหว

 
เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2558 ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ตอนหนึ่งถึงปัญหาภาคเกษตรกรรมว่าเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศในเชิงโครงสร้าง และการบริหารจัดการที่ผิดพลาดในระยะเวลาที่ผ่านมา เนื่องจากการแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด และไม่มีการสร้างความเข้มแข็ง การใช้จ่ายงบประมาณรัฐอุดหนุนในทางที่ไม่ถูกต้อง จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดในเรื่องของราคาเหมือนกับคนเป็นไข้ที่ถูกเลี้ยงไข้มาโดยตลอด ซึ่งวันนี้รัฐบาลพยายามจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เกษตรกรจะต้องปรับตัว และรวมกลุ่มกันให้ได้ เพราะหากต่างคนต่างเรียกร้องรัฐดูแลไม่ไหว
 
"ผมก็พูดกับทุกประเทศที่เคยทำมา เขาก็บอกว่าเขาไม่ไหวเหมือนกัน เพราะฉะนั้นยังหาทางออกไม่ได้ในเรื่องนี้ เขาก็ไปแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น แต่เขาก็ไม่มีการประท้วง ไม่มีการอะไรต่าง ๆ ของเราอย่าไปทำ ไม่เกิดประโยชน์ ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็พยายามทำให้เต็มที่ วันนี้เราก็พยายามผลักดันราคา ยางแผ่นให้ได้ 60 บาทขึ้นไป ก็ไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็ช้าบ้างอะไรบ้าง อะไรก็แล้วแต่ แต่ในส่วนของวันนี้ก็มีเรียกร้องเรื่องน้ำยางดิบจะขอ 80 บาท เป็นไปไม่ได้เลย ยางแผ่นยังไม่ได้ แล้วน้ำยางดิบจะทำได้อย่างไร ก็มีบางจังหวัด บางพื้นที่เขาไปทำ ส่งเสริมในเรื่องของการทำน้ำยาง ให้เป็นยางแผ่น เพื่อราคาได้สูงขึ้นเป็น 60 บาท หรือ 60 กว่าบาท อันนี้ถึงจะน่ารัก น่าช่วยเหลือกันซึ่งกันและกัน ถ้าเรียกร้องไปเรื่อย ๆ ก็ช่วยไม่ไหว จะนำเงินที่ไหนมาช่วย"
 
โดยรายละเอียดทั้งหมดของรายการมีดังต่อไปนี้
 
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 30 มกราคม 2558 เวลา 20.15 น.
 
สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน
 
ช่วงนี้ปัญหาภัยหนาวยังคงส่งผลกระทบต่อประชาชน ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกระยะเวลาหนึ่ง ก็เป็นห่วงอยากให้ทุกคนคอยดูแลสุขภาพด้วย และขอให้ระมัดระวังอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ฟืนไฟด้วย ทั้งประชาชนในพื้นที่ นักท่องเที่ยว ก็ขอให้รับฟังคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่และปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดด้วย
 
การแก้ไขปัญหาเดินหน้าประเทศ ในวันนี้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ รัฐวิสาหกิจ ประชาชนทุกพวก ทุกฝ่าย เกษตรกร   ผู้ประกอบอาชีพรับจ้าง และอื่น ๆ ด้วย ต้องเข้าใจว่าปัญหาเราอยู่ที่ตรงไหน องค์กรของตนเองมีปัญหาอะไรบ้างอยู่บ้าง ทำอย่างไรจะคงอยู่ได้ โดยทุกคนต้องถือว่าหน่วยงานของตนนั้น หรือองค์กรของตน คือ "อู่ข้าว อู่น้ำ" สร้างอาชีพ สร้างรายได้ หากอ่อนแอ ไม่เข้มแข็ง ก็ต้องมีการปรับตัว ยอมรับกันบ้าง ให้มีการปรับตัว ปรับวิธีการ ช่วยเหลือรัฐ รัฐก็ไม่สามารถไปอุ้มไปดูแลได้ทุกอย่าง เพราะถ้าหากว่าธุรกิจใดนั้นเกิดการขาดทุน ไม่ว่าจะเป็นของรัฐวิสาหกิจ หรือของบริษัททั่วไปก็ตาม เลี้ยงตัวเองไม่ได้แล้ว เจ้าของบริษัท หรือว่ารัฐต้องเอางบประมาณมาอุดหนุนอยู่ตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง เป็นไปไม่ได้
 
เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องร่วมกันคิดใหม่ ช่วยกันปรับตัวเองไปสู่อนาคต ยอมรับในการปรับปรุงแก้ไขบ้าง และใครมีส่วนตรงไหนก็ช่วยกันตรงนั้น รัฐก็จะพยายามทำให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด ถ้ารัฐไม่แก้ไขอะไรเลย ก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี อะไรที่ช่วยได้เราก็ช่วย อะไรที่ต้องช่วยกันทำ คนละฝ่าย คนละไม้ละมือก็ต้องช่วยกัน ถ้าทุกเรียกร้องเอาแต่สิทธิอย่างเดียว ก็ล้มจม ไม่ว่าจะเป็นบริษัท หรือรัฐวิสาหกิจ ก็เสียหายทั้งหมด เช่น รัฐวิสาหกิจบ้างที่ที่ขาดทุน ไม่มีกำไร แต่จำเป็นต้องคงอยู่ไว้ เราจำเป็นต้องเพื่อเป็นการบริการด้วย อะไรด้วย เพื่อชื่อเสียงประเทศชาติ เราก็ต้องดูแลกัน ต้องหาวิธีการที่จะทำอย่างไรที่จะแก้ไขให้ได้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก เป็นแก้ไขระยะสั้น เพราะฉะนั้น สหภาพรัฐวิสาหกิจทุกสหภาพนั้นต้องช่วยกัน ทำความเข้าใจกันให้ดี เราคงไม่ไปเร่งรัดปลดพนักงานอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ คงเป็นขั้นเป็นตอน หาวิธีการลดให้เหมาะสม และยอมรับกันทุกพวกทุกฝ่าย
 
อย่างไรก็ตาม ก็อย่าเพิ่มมาเคลื่อนไหว ขัดแย้ง กันทุกเรื่อง ไม่อย่างนั้นก็แก้อะไรไม่ได้สักอัน ต้องวางแผนระยะยาว และร่วมมือกันทำ ต้องลดตัวตนกันไปบ้าง ก็ขอให้อดทน ในช่วงนี้ เป็นช่วงเวลาในการเปลี่ยนผ่าน ในการฟื้นฟู เราต้องการทำให้ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เมื่อดีขึ้นผลประโยชน์ก็มีมากขึ้น ผลประโยชน์ของทุกคนก็จะได้รับมากขึ้น ถ้าวันนี้ยังยืนอยู่เหมือนเดิม และไม่ปรับเปลี่ยนอะไรเลย ก็แย่ลง แย่ลง และอยู่ไม่ได้ ถ้าท่านร่วมมือกับเราองค์กรก็จะดีขึ้นในอนาคต ถ้าร่วมมือมากก็จะเร็วขึ้น ถ้าเราปล่อยให้ถอยหลังไปอีก ก็เสียหาย ล้มละลาย แล้วพวกเราจะไปทำงานกันที่ไหน เพราะฉะนั้นก็ไม่มีที่อยู่ที่กินกันอีกต่อไป คนหลายหมื่นคน ในหลายรัฐวิสาหกิจก็เป็นแสนคน ขอร้องในส่วนของสหภาพต่าง ๆ ด้วย ทุกสหภาพต้องช่วยกัน และเข้าใจ เรากำลังวางพื้นฐานประเทศใหม่ ถ้าให้มีรายได้มากขึ้น ท่านก็มีประโยชน์มากขึ้น ในส่วนของลูกจ้าง พนักงานต่าง ๆ
 
ส่วนของภาคเกษตรกรรม ผมถือว่าเป็นโจทย์ เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ เรามีปัญหาในเชิงโครงสร้าง ในการบริหารจัดการที่ผิดพลาดในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมาบางประการ การแก้ไขปัญหานั้นไม่ตรงจุด เราไม่ค่อยได้สร้างความเข้มแข็ง ไม่ได้ใช้วิธีการใช้จ่ายงบประมาณรัฐไปอุดหนุนในทางที่ไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดช่วยเหลือแบบไม่ยั่งยืน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในเรื่องของราคา เรื่อง demand supply ต่าง  ๆ ก็เหมือนกับคนเป็นไข้ เหมือนถูกเลี้ยงไข้มาโดยตลอด หรือไม่ก็ฉีดยา กินยาผิดซอง โรคก็เป็นอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่หาย
 
เพราะฉะนั้น วันนี้รัฐบาลพยายามจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ เกษตรกรก็ต้องปรับตัว รวมกลุ่มกันให้ได้ ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้ว สหกรณ์ยาง สหกรณ์ข้าว สหกรณ์ชาวนา สมาคมต่าง ๆ รวมกันให้เป็นภาค เป็นสหกรณ์ใหญ่ได้หรือไม่ จะได้ติดต่อดูแล ควบคุมกันได้บ้าง ต่างกันต่างสร้างกัน ต่างคนต่างเรียกร้องกัน รัฐดูแลไม่ไหว เพราะฉะนั้นทุกคนต้อง สร้างความเข้มแข็งของตนเอง รัฐบาลก็สร้างความเข้มแข็งในภาครัฐว่า จะทำอย่างไรจะสนับสนุนได้ ทำอย่างไรจะเป็นการยั่งยืน ไม่ใช่ว่าพอรัฐบาลปัจจุบันออกมาตรการอะไรออกไป ขัดแย้งกับของเดิม ซึ่งความมุ่งหวังของเราต้องการให้ดีกว่าเดิม เราก็ถูกต่อต้าน ก็จะเรียกร้องเหมือนเดิม ซึ่งก็ง่ายดี ถ้ารัฐบาลให้ทุกอย่างเหมือนเดิม แต่ปัญหาก็คือว่าเราจะสร้างปัญหาให้ลูก หลาน เราต่อไปในอนาคตอีกด้วย
 
เพราะฉะนั้น ขอร้องให้ผู้นำทางการเรียกร้องที่ผิด ๆ ที่เข้าใจผิด ๆ อยู่ให้ระมัดระวังด้วย เดือดร้อนต้องรับผิดชอบด้วย วันนี้เราก็มีกฎหมายหลายตัวอยู่เหมือนกัน ท่านต้องมีความรู้ มีหลักเกณฑ์ มีข้อมูลที่เพียงพอ พิสูจน์ได้ จะราคา ปริมาณ ต่าง ๆ ถ้าฟังอย่างเดียว มาคิดเองอะไรเอง เป็นไปไม่ได้ ต้องฟังเหตุฟังผลด้วยกันและกัน และไว้ใจกันบ้าง
 
วันนี้รัฐบาลก็ขับเคลื่อนให้โปร่งใสขึ้นทุกประการ พยายามอย่างเต็มที่ ก็ขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาลนี้ ว่าจะพยายามทุกอย่าง ที่จะดูแลท่านให้ดีที่สุด และต้องใช้เวลาในการปรับตัวเปลี่ยนผ่าน การทำเกษตรของเรานั้นไปสู่การเป็นเกษตรกรรมสมัยใหม่ หากเราเรียกร้องโดยไม่สนใจ เรื่องความเข้มแข็ง เรื่องตลาดในประเทศ นอกประเทศ ราคาอะไร อย่างไร เพราะว่าเป็นการค้าขายกับต่างประเทศทั้งสิ้น ต้องดูข้อเท็จจริงว่าวันนี้ กับวันที่ผ่านมาต่างกันอย่างไร ไม่ใช่ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม ข้อผูกพันทางการค้าต่าง ๆ มากมาย ภาษีต่าง ๆ ก็มีปัญหาหมด และทุกประเทศเขาก็ปลูกได้บ้าง อะไรเองบ้าง ไปปลูกที่อื่นบ้าง ราคาก็ลดลงหมด ทุกประเทศก็ลดลง และเราจะไปยืนพื้นราคาเราให้มากขึ้นอย่างไร เราก็ต้องมาแก้กันว่าต้นทุนเราจะลดอย่างไร เมื่อต้นทุนเราลดได้ต่ำสุด หรือต่ำมาก ๆ กำไรก็จะมากขึ้น วันนี้เราต้องใช้เวลาตรงนี้อีกมาก และในระหว่างที่ราคาตก ท่านก็ต้องหาอาชีพเสริมต่าง ๆ เพื่อจะทำให้เลี้ยงครอบครัวได้ เช่น เลี้ยงสัตว์ หรือปลูกพืชอื่น ๆ เสริมไปในสวนยางบ้าง อะไรบ้าง ก็มีคำแนะนำมาหมด หลายพื้นที่ แม้กระทั่งพื้นที่ในการปลูกข้าว หลายอำเภอก็ได้มีการไปตรวจเยี่ยม และได้มีการนำเสนอว่าสามารถที่จะปรับพื้นที่การทำนาเป็นการปลูกพื้นชนิดอื่น ๆ และมีรายได้ และสหกรณ์เขาเข้มแข็ง แบบนี้รัฐจะได้ช่วยได้ง่ายขึ้น เราก็พยายามทุกมิติ ทุกมาตรการ ท่านก็ต้องร่วมมือกับเรา เข้าใจในโจทย์ เข้าใจในปัญหา เข้าใจในทุกวิธีการ
 
เพราะฉะนั้น ในวันนี้ประเทศเรามีคนเดือดร้อนมาก จากเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ฉะนั้นไม่ใช่เฉพาะเกษตรกรรมอย่างเดียว เราก็ต้องแก้ปัญหาของเราให้ได้ หลายประเทศเขาก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน แม้กระทั่งประเทศจีน ผมหารือกับเขาเรื่องราคายางต่าง ๆ เขาบอกราคาก็ตกเหมือนกัน ในขณะนี้เขาก็ไม่สามารถจะทำให้ราคาสูงขึ้นได้ อันนี้เป็นสิ่งที่หลาย ๆ ท่าน ก็ยังเข้าใจอยู่ว่าถ้าเราคุยกัน 2-3 ประเทศแล้ว จะทำได้ ผมก็พูดกับทุกประเทศที่เคยทำมา เขาก็บอกว่าเขาไม่ไหวเหมือนกัน เพราะฉะนั้นยังหาทางออกไม่ได้ในเรื่องนี้ เขาก็ไปแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น แต่เขาก็ไม่มีการประท้วง ไม่มีการอะไรต่าง ๆ ของเราอย่าไปทำ ไม่เกิดประโยชน์ ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นวันนี้เราก็พยายามทำให้เต็มที่ ก็เห็นทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เขาบอกมากบอกว่า วันนี้เราก็พยายามผลักดันราคา ยางแผ่นให้ได้ 60 บาทขึ้นไป ก็ไต่ขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็ช้าบ้างอะไรบ้าง อะไรก็แล้วแต่ แต่ในส่วนของวันนี้ก็มีเรียกร้องเรื่องน้ำยางดิบจะขอ 80 บาท เป็นไปไม่ได้เลย ยางแผ่นยังไม่ได้ แล้วน้ำยางดิบจะทำได้อย่างไร ก็มีบางจังหวัด บางพื้นที่เขาไปทำ ส่งเสริมในเรื่องของการทำน้ำยาง ให้เป็นยางแผ่น เพื่อราคาได้สูงขึ้นเป็น 60 บาท หรือ 60 กว่าบาท อันนี้ถึงจะน่ารัก น่าช่วยเหลือกันซึ่งกันและกัน ถ้าเรียกร้องไปเรื่อย ๆ ก็ช่วยไม่ไหว จะนำเงินที่ไหนมาช่วย
 
วันนี้หลายชาติเขาก็ร่วมไม่ไหวเหมือนกัน เพราะเขาก็ต้องแก้ปัญหาประเทศเขาเหมือนกัน เราจะไปบังคับเขาได้หรือไม่ เพราะฉะนั้นวันนี้เราถึงต้องเดินไปสู่การเป็นประชมอาเซียน เราสร้างความเข้มแข็งของเราเอง มีการใช้ผลผลิตในประเทศ ก็ต้องใช้เวลาสร้างโรงงาน สร้างระบบ ในการใช้วัตถุดิบในประเทศอีก เราต้องแก้ของเราให้ได้ก่อนด้วย เมื่อเราเข้มแข็งแล้วเราจะได้นำในการปรับปรุงแก้ไขในภาพรวมของอาเซียนต่อไป เราต้องสร้างความเข้มแข็งของเราให้มีความยั่งยืน ลดต้นทุนการผลิตให้ได้ ราคาต้นทุนปลูกยาง ต้นทุนปลูกข้าว เราสูงกว่าทุกประเทศรอบบ้านเรา เพราะฉะนั้นราคาของเราก็แข่งกับเขาลำบาก
 
การกำหนด demand supply ต้องเหมาะสม เพราะฉะนั้นการปลูกที่ผ่านมา ก็อาจจะสนับสนุนให้ประชาชนปลูกมากจนเกินไป คำว่ามากจนเกินไปก็ขายลำบาก แล้วบ้างอันก็ปลูกในพื้นที่ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ปลูกบนเขาบ้าง ปลูกในพื้นที่ป่าบ้าง และวันนี้ก็ออกมาเรียกร้องทั้งหมด ซึ่งจริง ๆ แล้ว ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด เราก็ผ่อนผันอยู่ในขณะนี้ ก็ต้องเห็นใจ เข้ามาจดทะเบียนอะไรกันให้เรียบร้อย แล้วหาทางออกทางกฎหมายให้ได้แล้วกัน อย่าเรียกร้องกันอย่างเดียว เห็นใจรัฐบาลบ้าง ผมก็ตั้งใจเต็มที่ อย่าลืมว่าประเทศไทยนั้น มีคนหลากหลายอาชีพที่เขาไม่มีรายได้สูงเหมือนกัน มีรายได้ลดลง เขาก็ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เหมือนกัน เช่น ผู้ประกอบการเกษตรอย่างอื่น นอกจากข้าวและยางแล้ว การรับจ้าง อาชีพอิสระ รายได้ลดลงหมด เพราะเศรษฐกิจแย่ลง
 
เพราะฉะนั้นเราต้องช่วยกัน ทำอย่างไรให้ดีขึ้น ก็ต้องเปลี่ยนผ่าน อดทน ร่วมมือ หามาตรการมา แต่ถ้าให้มา Subsidize กัน ก็ลำบาก ทุกคนต้องต่อสู้ดิ้นรนเหมือนกัน ทำงานให้มากขึ้น ปรับตัวเองให้เข้มแข็ง และอย่าเรียกร้องอะไรจนมากมาย จนเกินข้อเท็จจริง เป็นไปไม่ได้ ให้ความเป็นธรรมกับอาชีพอื่น ๆ เขาด้วย รัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องดูแลเขาเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าดูแลเฉพาะเสียงส่วนใหญ่ ดูแลเฉพาะชาวนาอย่างเดียว คนอื่นก็เป็นคนไทย ถ้าเราไม่ดูแลเขา นำเงินทั้งหมดมาทุ่มเทตรงนี้หมดเลย จนช่วยตัวเองไม่ได้ แล้วคนอื่นเขาจะทำอย่างไร
 
วันนี้รัฐบาลต้องใช้งบประมาณมากมาย และดูแลในเรื่องหนี้สินอีก กำลังคิดกันอยู่ว่าจะดูแลหนี้สินประชาชนได้อย่างไร มีการประนอมหนี้ ชะลอหนี้กันอย่างไร ขึ้นทะเบียนกันอย่างไร ราคาสินค้า การลงทุนต่าง ๆ ก็มีปัญหาหมด เพราะฉะนั้นคนเดือดร้อนหมด ไม่ใช่เฉพาะเกษตรกรอย่างเดียว รัฐก็ต้องใช้งบประมาณเหล่านี้ไปดูแลด้วย
 
การใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ในวันนี้นั้น ก็ยังมีปัญหาอยู่มาก งบประมาณประจำปีที่ตั้งไว้ ก็อย่างที่เรียนไปแล้ว ไม่ได้ใช้ได้เต็มจำนวน ต้องหักส่วนหนึ่งไปใช้หนี้สาธารณะ จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ เงินยืม เงินที่มาช่วยเหลือเกษตรกร และการใช้พัฒนาประเทศ บ้างส่วนก็ต้องกู้เขามา ก็ทำให้เงินก้อนใหญ่ประจำปี รายได้เหลือไม่มากนัก ที่จะนำลงไปใช้งาน ส่วนใหญ่เป็นงบรายจ่ายประจำ ที่ราชการเขาวางแผนงานว่าต้องทำอะไรบ้าง ในส่วนที่งบลงทุนก็เช่นใหม่ ๆ การที่จะทำให้ประเทศเข้มแข็ง ประชาชนมีรายได้ ต้องมีการลงทุน สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก มีการลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทำถนนหนทาง รถไฟรถไฟฟ้า ท่าเรือ ท่าอากาศยาน อื่น ๆ อีกมากหลายอย่างก็มีปัญหา รัฐบาลก็ต้องไปอุดหนุนไปดูแลอยู่ เพื่อให้ดูได้ เพราะว่าไม่อย่างนั้นก็หยุดนิ่งไปทั้งหมด ก็อย่างที่เรียนไปแล้ว เป็นแหล่งสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับคนจำนวนมาก ถ้าหยุดทั้งหมด ล้มละลายทั้งหมด แล้วใครจะไปทำอย่างไร ประชาชนก็เดือดร้อน เพราะฉะนั้นอยากให้ทุกคนคำนึงถึงประเทศชาติโดยรวมด้วย และก็ทำอะไรก็ตามให้นึกถึงคนส่วนใหญ่ของทั้งประเทศด้วย
 
ฝากพ่อแม่พี่น้องช่วยกันทำความเข้าใจ ใครที่ไม่ได้ทำอาชีพเกษตร หรือทำยาง อะไรต่าง ๆ ปลูกข้าว ช่วยกันคุย ทุกคน พ่อแม่พี่น้องคงไม่ได้ทำทั้งหมด เพราะฉะนั้นคนอื่นที่รู้จักก็กันช่วยเบา ๆ ลงบ้าง รัฐบาลเร่งทุกอย่าง แต่ก็ไม่ทันใจ เป็นไปไม่ได้ เพราะปัญหาเหล่านี้หมักหมม ทับซ้อนมาหลายปี หลาย 10 ปี ด้วยซ้ำไป แล้วแทนที่วันนี้ควรจะมาพูดกันเรื่องว่าเราจะปรับปรุงข้าวให้มีคุณภาพอย่างไร อย่างเดียว อันนี้ต้องมาไล่แต่ผลิตเลย ตั้งแต่ผลิต ตั้งแต่ตลาด ตั้งแต่พันธุ์ข้าว ตั้งแต่ราคาต้นทุนการผลิต ไม่ใช่ แล้ววันนี้จะเอากันเร็ว ๆ วัน ๆ คงลำบาก อันนี้คือสิ่งที่เป็นปัญหา ข้อเท็จจริงที่ผ่านมา
 
เรื่องการกระทำทุจริตผิดกฎหมาย ยาเสพติด อาญา อาชญากรรมร้ายแรงต่าง ๆ ทุกเรื่อง รัฐบาลก็จะพยายามเร่งรัดคดีที่มีผลเสียหายร้ายแรง ต้องเข้าใจว่าอะไรที่จะมีผลเสียหายร้ายแรงต่อประเทศชาติ กระทบต่อชื่อเสียง ก็ต้องให้ชัดเจนขึ้น ให้เกิดความสงบสุขของประชาชน และมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอย่างโปร่งใส เป็นธรรมตามกระบวนการยุติธรรม คดีความอื่น ๆ ระยะต่อไปคงจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคดีใด ๆ ที่มีความร้ายแรง รุนแรง ผลกระทบต่อสังคมเหล่านี้ แต่ผมก็ไม่ได้ไปใช้อำนาจเข้าไปก้าวก่ายในกระบวนการพิจารณาคดี เป็นเรื่องของศาล อัยการ ผู้พิพากษา ก็ว่าไป ทุกคนสามารถต่อสู้คดีได้ตามกฎหมายอยู่แล้ว มีทนายต่าง ๆ อะไรก็ว่ามา
 
อันนี้ก็ขอให้เป็นไปตามหลักฐานที่พิสูจน์ได้ ทุกคดี ถ้าพิสูจน์ได้ ไม่มีการบิดเบือนก็ดำเนินคดีได้หมด เพียงแต่ว่าต้องเข้าใจกัน ต้องยอมรับในกติกา  ถ้าเราไม่เคารพกติกาของกฎหมาย กระบวนยุติธรรมเลยแล้วจะทำอย่างไร ประเทศชาติต้องอยู่ด้วยกฎหมาย ท่านจะบอกว่าเรื่องนี้ไม่น่าเชื่อถือ ไม่น่าเชื่อมั่นเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะทำให้อยู่กันยากขึ้นกันไปเรื่อย ๆ กรุณาอย่ามาพูดอะไรต่าง ๆ ที่กระทบต่อกระบวนการยุติธรรมของเรา และก็ประเทศชาติของเรา ผมคงไม่คิดว่าจะมีใครที่อยากจะให้ใช้อำนาจของนอกประเทศ หรือคนอื่น ๆ มา ดำเนินการกับคนไทยของเรา ในประเทศของเรา ถ้าอย่างนั้นผมว่าไม่ใช่คนไทย เพราะฉะนั้นผมคิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐในวันนี้ ทั้งทุกฝ่ายก็ต้องดำเนินการด้วยความเป็นธรรมไม่เลือกข้างใดข้างหนึ่ง ผมยืนยันว่าไม่มีข้างก็ผู้ที่ตัดสินก็คือมีแค่ถูกกับผิดโดยศาล โดยกระบวนยุติธรรมเท่านั้น
 
ในเรื่องของการประท้วงของเกษตรกร ผมเข้าใจดีทราบถึงความเดือดร้อนแล้วก็อีกอันก็คือการพูดของอดีตนักการเมือง ที่มีคดีบ้างหรือว่าอยู่ในพรรคการเมืองบ้างก็จะขู่ว่าจะใช้การชุมนุม ขู่กับรัฐบาล ข่มขู่เจ้าหน้าที่รัฐ ว่าจะใช้ความรุนแรง ว่าจะปรองดองไม่ได้หรือว่าจะทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเหมือนภาคใต้อันนี้อันตราย ผมถือว่าเป็นการพูดในเชิงเหมือนกับลักษณะการก่อการร้าย ถ้าพูดแบบนี้ เพราะฉะนั้น พวกนี้ถูกบันทึกไว้หมดแล้วจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายโดยทันที
 
อันนี้ไม่ใช่การปิดกั้นเสรีภาพ เป็นการพูดที่ทำให้เกิดความผลกระทบที่ทำให้เกิดความมั่นคง ถูกหรือไม่ ถ้าพูดแบบนี้ กฎหมายเขามีไว้ เจ้าหน้าที่เขาก็ต้องทำงาน แล้วมาพูดข่มขู่เจ้าหน้าที่ ประเทศไหนเขาก็รับไม่ได้ แล้วก็อ้างเป็นเรื่องของการเมือง ไม่ใช่เลยเพราะท่านพูดผิด ท่านทำผิดกฎหมายแล้วท่านบอกการเมืองได้อย่างไร เพราะผมไม่ใช่การเมือง ผมแก้ปัญหาของประเทศชาติอยู่ในขณะนี้
 
อันนี้ผมได้สั่งการไปแล้วสำหรับบุคคลเหล่านั้น ทุกคนทราบดีว่าใครพูดอะไรอย่างไร ก็จะให้ คสช. ได้ประเมินแล้วก็ดำเนินการอย่างระมัดระวังโดยทันทีกับผู้ที่มีการกระทำดังกล่าว ก็ไม่อยากให้ใครเดือดร้อนโดยเฉพาะครอบครัว ลูกเมียต้องเดือดร้อนทุกคน เสร็จแล้วก็โวยวายว่า เป็นเรื่องของการเมือง เรื่องของการที่จะต้องการทำลายใคร ผมจะต้องการทำลายใคร ถ้าท่านไม่พูดอะไรผิดหรือทำอะไรที่ผิดกฎหมาย แล้วใครจะทำอะไรท่านได้ แสดงว่าท่านผิด เมื่อท่านผิดก็ต้องดำเนินการ หรือจะปล่อยให้เป็นแบบที่ผ่านมาหรือไม่ต้องดำเนินการอะไร ใครจะยิงกัน ใครจะผิด ใครจะนำอาวุธสงครามออกมาก็ไม่ต้องไปดำเนินการจับกุมดำเนินคดี หรือแม้กระทั่งว่าไปทำเห็นบ้าง ไม่เห็นบ้างอะไรเหล่านี้ ไม่ได้ เพราะฉะนั้น อยากให้ทุกคนได้รับฟังข้อเท็จ รักประเทศชาติกันบ้างเถอะครับ ทุกคนก็มีความยากลำบาก รายได้น้อยเหมือนกัน ทุกคนก็อยากมีความสุข ไม่ใช่กลุ่มหนึ่งกลุ่มใดเดือดร้อนแต่กลุ่มเดียว ไม่ใช่เดือดร้อนทุกคน ผมเองก็เดือดร้อนผมไม่ได้มีความสุขมากนักอยู่แล้ว ในการทำงานในวันนี้
 
เรื่องของการเพิ่มวันหยุดราชการมีมาตรการ คือของเราก็ต้องขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่ผ่านมาในเรื่องของธุรกิจให้บริการ ร้านอาหาร เครื่องดื่ม  การท่องเที่ยวก็ลดลงไปหมด เราก็จำเป็นต้องมีการปรับบ้างและเป็นมาตรการเฉพาะปีนี้ แล้วมีวันหยุดพอดีกัน ต้องการให้ได้มีการใช้จ่ายงบประมาณในการท่องเที่ยวในประเทศ แล้วคนที่ได้เงินก็คือใครก็คนไทยนั่นแหละ แล้วทำไมจะต้องต่อต้าน อันนี้ก็เป็นเรื่องของส่วนราชการ เขาก็จะได้ไปขับเคลื่อนแล้วก็ช่วยกันดูแล ทำให้ทุกภาคได้มีความเคลื่อนไหว ในเรื่องของการใช้จ่าย ถ้าเราไม่เร่งรัดเรื่องพวกนี้ก็ไปไม่ได้ คนก็บ่นแต่ไม่มีรายได้ พอผมจะทำให้มีรายได้ก็ค้านอีก ทุกคนก็จะได้มีรายได้มากขึ้น ถ้าทุกคนทำอะไรก็ไม่พอใจ ๆ ผมก็ไม่ต้องทำอะไรดีกว่า ทุกอย่างหยุดชะงักไปอยากจะเรียกร้องก็เรียกไป ใช้กฎหมายบังคับอย่างเดียวแล้วจะเป็นอย่างไร ก็กลับไปที่เดิม ก็พูดหลายครั้งแล้ว แล้วรัฐถ้าไม่ทำ ไม่ดูแล ไม่แก้ไข ก็บอกเป็นหน้าที่ของรัฐบาลต้องดูแลทุกเรื่อง อันนี้ก็เป็นไปคิดเอาแล้วกัน
 
สำหรับความคิดเห็นของผู้แทนมิตรประเทศต่าง ๆ ผมคิดว่าผมก็ฟังได้หมดทุกคน แต่ผมจะให้ความสำคัญแค่ไหนอย่างไรเป็นเรื่องที่ผมจะต้องใคร่ครวญของผมเอง ผมไม่เคยไปขัดแย้งกับใคร รัฐบาลนี้เข้ามาอย่างไร ผมไม่เคยไปปฏิเสธ ที่ไปที่มา เพียงแต่ว่าผมต้องเข้าใจว่าผมต้องการให้ทุกคนเข้าใจว่าเราทำเพื่อจะต้องการดูแลประเทศของเรา ประเทศไทยเป็นที่รักยิ่งของพวกเราทุกคนนี้ ประชาชนคนไทยของเรานี้ไม่ให้เกิดปัญหา ไม่มีการบาดเจ็บล้มตาย แล้วก็ไม่เป็นภาระกับมิตรประเทศถ้าหากว่าเราวันนี้ดูแลกันไม้ได้ แก้ปัญหาไม่ได้ ให้ชาติอื่นเขามาดูแลเราหรือครับ เราเป็นอิสระไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใครมาเป็นกี่ร้อยปีแล้ว วันนี้เราทำไมจะต้องให้คนอื่นเขามาเที่ยวไปฟ้องร้องใครคนโน่นคนนี้ให้เขาช่วยมาแก้ปัญหาให้เรา ผมว่าน่าอายๆ  เราทำไมถึงต้องดึงประเทศเราให้ไปเป็นเหมือนกับหลาย ๆ ประเทศที่เขามีปัญหาอยู่เวลานี้ ผมก็ไม่แน่ใจ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาคิดอย่างไร    เพราะฉะนั้นผมให้โอกาสทุกคนเสมอมา เราก็ร่วมมือกับทุกประเทศในการปฏิบัติเพื่อสันติภาพ Peace Keeping มาตลอดใช้เวลาหลาย 10 ปีมาแล้ว  หลายร้อยภารกิจ ใช้กำลังทหาร พลเรือนหลายหมื่นคนไปทั่วโลก ที่ผ่านมาเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็เพิ่งกลับมา ทางเรือก็มี ทางบกก็มีเป็นผลดีทั้งสิ้น
 
วันนี้ ผมก็บอกทุกคนในสังคมโลกว่า ผมขอเวลารัฐบาลนี้ ตัวผมเองขอเวลาทำให้กับคนไทยบ้างได้หรือไม่ ทำให้ประเทศไทยของเราซึ่งมีปัญหาอยู่นี้ ในเมื่อเราไปทำที่อื่นมามากมายแล้ว แล้ววันนี้เราก็ไม่อยากให้ใครต้องมาช่วยเรา ให้เราเข็มแข็ง แล้วเราก็จะทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด โดยใช้กฎกติการะเบียบต่าง ๆ เหมือนปกติ เหมือนสากลไม่ได้ใช้อำนาจอะไรมากมาย จำเป็นต้องมีอยู่บ้างเท่านั้นเอง ใครจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่ ผมคิดว่าผมไม่ไปทะเลาะเบาะแว้งด้วย ก็ขอให้ถามคนไทยทั่วประเทศด้วยแล้วกันว่าเขาต้องการอะไร ไม่ใช่ถามกลุ่มนี้ กลุ่มนั้นมา แล้วก็สรุปเอาเอง ก็ให้ความเป็นธรรมกับคนไทย ประเทศไทย ให้ความเป็นธรรมกับผมบ้าง ในฐานะเป็นผู้นำรัฐบาล แม้กระทั่งตัวผมเอง ผมก็ไม่ค่อยสบายใจ แต่จำเป็น ปล่อยไม่ได้
 
วันนี้ท่านก็เห็นอยู่ วันนี้ก็ยังไม่หยุดยังจะต่อสู้กันไปอะไรนักหนา ผมไม่รู้ ไม่แน่ใจ ทุกเรื่องมีปัญหาไปหมดจะปฏิรูป จะออกกฎหมายอะไรก็ไม่ได้ทั้งที่มันก็ยังไม่เกิดขึ้น ผมไม่เข้าใจว่าจะเดือดร้อนอะไรกันนักหนา เดือดร้อนแต่เพียงว่า วันหน้าจะเข้ามาใช้อำนาจไม่ได้ ใช้ไม่สะดวกโกงกินไม่ได้หรือป่าว อันนี้ไม่อยากจะเปิดศึก แต่ต้องพูด ไม่อยากนั้นผมถูกพูดอยู่ข้างเดียว เพราะผมเป็นสุภาพบุรุษผมไม่อยากไปกล่าวว่าใคร ไม่อยากไปพูดประเทศไทยเสียหายอย่างไรมาไปโทษคนนั้นคนนี้  ท่านไม่อายเขาหรือไง ท่านเที่ยวไปร้องแรกแหกกระเชอกับต่างประเทศเขาทั่วไปหมด ผมว่าต้องเลิกแล้วนะ
 
เพราะฉะนั้น รัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งทั้งหมดต้องรับฟังเสียงส่วนใหญ่ แล้วก็ดูแลบริหารแผ่นดินให้ถูกต้องแล้วก็ดูแล้วต้องดูด้วยว่า รัฐบาลที่มานั้นมาด้วยระบบที่โปร่งใสหรือเปล่า มีธรรมาธิบาลในการบริหารราชการแผ่นดินหรือไม่ เสียงส่วนน้อยเขาว่าอย่างไร ถ้าเสียงส่วนน้อยเขาคัดค้าน เขาไม่เห็นด้วยก็ต้องยอมรับสภาพมิใช่ว่าตัวเองจะทำถูกทั้งหมด หรือผิดทั้งหมด ก็อธิบายและแก้ปัญหาให้ได้ไม่เช่นนั้นความขัดแย้งก็เกิดขึ้นก็บานปลายไปสู่ความรุนแรง ความขัดแย้ง แล้วเมื่อมีการใช้อาวุธสงคราม ซึ่งทุกประเทศในโลกเขาไม่มีแบบนี้ ประชาชนมาสู้กันเอง มันไม่มี ไม่ใช่แบบนี้ก็แล้วกัน
 
เพราะฉะนั้น เมื่อรัฐบาลเลือกตั้งบริหารประเทศก็ไม่ได้ การใช้แล้วการอาวุธสงครามก็หาตัวไม่ได้ เพราะฉะนั้น รัฐบาลเลือกตั้งเมื่อแก้ปัญหาไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร ประเทศชาติความสงบสุขของประชาชนจะอยู่ที่ไหน แหละนี่คือเหตุผลอันหนึ่งที่ผมต้องเข้ามา ก็เท่านั้นเอง แล้วก็พยายามจะทำต่อไปให้ดีที่สุด แล้วก็ท่านต้องช่วยกัน ต้องมีความหวัง อยากให้ทุกคนมีความหวังกับอนาคตของประเทศไทยเหมือนกับที่ผมมีความหวังกับอนาคตกับประเทศไทย เพราะฉะนั้นความหวังทั้งสองความหวังนี้ของรัฐบาลของประชาชนต้องไปในความฝันอันเดียวกันว่า หวังจะมีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล หวังที่ประเทศชาติมีความสุขสงบ หวังระบบเศรษฐกิจเข้มแข็ง หวังที่จะมีการทำมาค้าขาย การลงทุนมากขึ้น แล้วทำให้อาเซียนเข้มแข็งขึ้น
 
วันหน้าเราก็มีเงินทุนในการพัฒนาประเทศมากขึ้น ลูกหลานเราสำคัญที่สุด ไม่ใช่การต่อสู้ทางการเมืองอย่างเดียว เราต้องต่อสู้ทางการเมืองเพื่อจะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชน นั่นแหละคือสิ่งที่ผมอยากจะฝากนักการเมืองในอดีตและในอนาคตไว้ด้วย ต้องตั้งใจและแถลงให้ได้ว่า เข้ามาแล้วจะทำอะไรให้ละเอียดชัดเจน ถ้าจะให้แต่เพียงอย่างเดียวก็ต้องตอบให้ได้ว่านำเงินมาจากไหน เพราะฉะนั้น ในเมื่อวันนี้รายได้ประเทศก็มีอยู่เท่านี้ ผมไม่เห็นจะมากขึ้นกว่าเดิมเท่าไรเลย เพราะไม่มีช่องทาง การส่งออกก็แย่ลง ๆ ทำอย่างไร วันนี้เรากำลังสร้างตรงนี้ให้ท่านอยู่แล้ว ท่านมาขัดแย้งเราวันนี้ วันหน้าท่านเข้ามา ท่านก็เป็นแบบนี้แย่กว่าเดิมอีก เพราะว่าการยอมรับก็ไม่ได้อีก เพราะหลายพวกหลายฝ่ายเหลือเกิน ต้องแก้ให้ได้ทุกคนขอความร่วมมือ ผมไม่ใช่ศัตรูกับใครทั้งสิ้น
 
สัปดาห์นี้มีความคืบหน้าหลายประการในการดำเนินงานของรัฐบาล อยากจะชี้แจงให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ
 
เรื่องการป้องกันแก้ไขสถานการณ์ “ภัยแล้ง”ผมถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง ปีนี้ 2558 จากกรมอุตุนิยมวิทยาประเมินไว้แล้วว่า ปีนี้จะแล้งกว่าทุก ๆ ปี อาจจะเป็นด้วยโลกเปลี่ยนเปลี่ยน สภาพอากาศโลกเปลี่ยนเปลี่ยนอะไรก็แล้วแต่ รัฐบาลก็ได้สั่งการไปให้วางแผนเตรียมมาตรการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกันที่จะป้องกันแล้วก็แก้ไขปัญหาภัยแล้งให้ได้ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันเร็ววันนี้ ณ วันนี้ก็เห็นเรียกร้องน้ำ สำหรับปลูกข้าวในพื้นที่ที่ห้ามปลูก ผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาน้ำที่ไหน ก็เรียกร้องให้กรมชลประทานเปิดน้ำเพื่อจะมาเลี้ยงข้าว แล้วบอกว่าไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะทำอาชีพอื่นไม่เป็น    ก็ต้องไปหาเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ข้าราชการ ศูนย์ดำรงธรรมก็ได้ ไปบอกว่าไม่มีรายได้จะให้ทำอะไร ผมคิดว่าเขาคงไม่ไปทรมาน ให้ไปใช้แรงงานจนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคนแก่ เด็ก คนชรา อะไรก็แล้วแต่ เขาต้องหาทาง หาเงินให้จนได้ เราก็ได้อนุมัติงบประมาณไปเป็นจำนวนมากพอสมควรในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ถ้าโต้แย้งทุกวันมันไม่ได้ แล้วเอาน้ำไปให้ แล้วน้ำประปาก็ลดลง น้ำที่จะผลักดันน้ำทะเลก็ลดลง แล้วจะทำอย่างไร แล้วจะอยู่กันอย่างไร ก็เสียหายพังพินาศกันไปทั้งหมด ทั้งขาดน้ำ ทั้งน้ำเค็มเข้ามากมายไปหมด
 
วันนี้ต้องแก้ทุกอันทั้งระบบ ก็ได้สั่งการไปแล้วในเรื่องน้ำนี้ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยดูแลสถานการณ์ วางแผน ป้องกัน แก้ไข เตรียมมาตรการแก้ไขให้ได้ โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นทางการเกษตรก็ต้องไปหาอาชีพเสริมจะทำอย่างไร ทำไม่ได้ก็คือไม่ได้ ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำบริโภค รถน้ำจะส่งกันอย่างไร โครงการราชรัฐร่วมใจสู้ภัยแล้ง ทหาร ตำรวจ พลเรือน รถน้ำ จะช่วยกันอย่างไร ต่อไปเกิดมีวาตภัยเข้ามาอีก พายุเข้ามา หมอกควัน ไฟป่าเข้าไปอีก การระบาดของแมลงวันนี้ก็มีหลายที่  ตัวเพลี้ยตัวอะไรต่าง ๆ เขาลงไปแล้ว สวนยางก็มี ศัตรูพืชมากมาย รวมไปถึงการระบาดของโรคติดต่อในปศุสัตว์ พออากาศแห้งแล้ง หรืออากาศชื้น ก็มีโรคทั้งนั้น แล้วจะทำอย่างไร วันนี้อย่ามาตั้งหลักตั้งท่าเรียกร้องกันมากมายก็ไปดูแลแก้ไข เตรียมการแก้ปัญหา ปรึกษาเจ้าหน้าที่
 
วันนี้เราก็จะต้องมีการจัดทำฐานข้อมูลสภาพอากาศ น้ำ ดิน พื้นที่เลี่ยงภัย ให้ใช้ในการวิเคราะห์ของส่วนราชการในการประเมินสถานการณ์ จัดทำแผนป้องกัน ซักซ้อม กำหนดงานรับผิดชอบ เร่งให้การช่วยเหลือโดยทันที วันนี้เราก็ได้สั่งการให้มีการมีการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ 44 เครื่อง ใน 7 จังหวัด รถบรรทุกน้ำ 48 คัน ใน 11 จังหวัด รวมปริมาณน้ำ ประมาณ 2 แสนลูกบาศก์เมตร
 
การปฏิบัติการฝนหลวงก็ทำอยู่ การให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่นาปรัง พื้นที่เขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง การช่วยเหลือการจ้างแรงงานเกษตรกร ขุดลอกคูคลอง พัฒนาระบบชลประทาน พัฒนาแหล่งน้ำ การขุดสระเก็บน้ำของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 52% รวมทั้งการพัฒนาแหล่งน้ำในไร่นา เล็ก ๆ น้อย ๆ ขอให้ขุดกันไปให้หมดทุกที่ ทำอย่างไรจะมีที่เก็บน้ำ วันนี้ไม่มีที่เก็บน้ำ วันหน้าถ้าฝนตก ฤดูกาลหน้าก็มี ถ้าเราไม่ช่วยกันเตรียมการ ประชาชนไม่เตรียมกันเอง รัฐไปช่วยก็ไม่ทั่วถึง ถ้าต่างคนต่างช่วยกันทำก็โอเค ก็จะเร็วขึ้น ปีหน้าก็ทันใช้
 
เราอาจจะรอรับการช่วยเหลือของรัฐจนมากเกินไป จนช่วยเหลือตัวเองไม่เป็น วันนี้ต้องช่วยกัน แล้วก็อยากฝากข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ลงไปช่วยเขาด้วย เพราะน่าสงสารบางครั้งเขาก็นึกอะไรไม่ออก ชาวไร่ ชาวนา ผู้มีรายได้น้อย ต้องช่วยเขา คิดถึงแววตา คิดถึงหน้าตาที่ต้องตากแดดกล่ำฝน ผมเห็นใจ เหยี่ยวย่นไปทุกคนเลย เขาไม่มีความสุขต้องดูแลเขา กี่ปีกี่เดือนเป็นชาติมาแล้ว ซึ่งทุกกระทรวง ทบวง กรมก็ต้องแก้ไข  กี่ปีมาแล้วที่ยังแก้ไม่ได้เลย ก็แก้ให้ชัดเจนตรงไหนมีได้ มีไม่ได้ เขตชลประทานทำได้แค่ไหน ปริมาณน้ำต้นทุนมีเท่าไร ตรงนี้จะให้ทำอะไร ควรจะเกิดมาตั้งหลายรัฐบาลแล้ว ทำไมไม่เกิด มาเกิดตอนที่จะมาให้ผมทำตอนนี้ พอทำตอนนี้ก็ไม่ทันใจอีกแล้วจะทำอย่างไร แล้วจะรอให้ใครมาทำอีก เพราะฉะนั้นก็ฝากไว้แล้วกัน ช่วยคิดด้วย
 
วันนี้ได้มีการพัฒนาแหล่งน้ำในไร่นานอกเขตชลประทานของกรมพัฒนาที่ดิน ดำเนินการไปแล้ว 1,514 บ่อ แล้วที่ผ่านมามีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการไปแล้ว จำนวน 27,134 ราย ประมาณ 61% ของกลุ่มเป้าหมายที่เราจัดงบประมาณลงไป แล้วก็มีการอบรมอาชีพเสริมด้านการเกษตรจำนวน13,340 ราย ก็ประมาณ 75% ของกลุ่มเป้าหมาย มีการแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์พืชตระกูลถั่วและอื่น ๆ อันนี้คงได้เฉพาะพื้นที่ที่ภัยแล้ง พื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องเพาะปลูกนาปรังอะไรไม่ได้ทำนองนี้ ปลูกข้าวไม่ได้ เราก็ต้องให้ปลูกพืชทดแทนเพื่อมีรายได้ แต่ตรงไหนที่ปลูกได้อยู่แล้ว เช่น สวนยาง ก็เลี้ยงสัตว์เพิ่มไป ปลูกพืชอย่างอื่นกินได้ปลูกผักปลูกหญ้าอะไรไป มีพืชที่อยู่กันได้หมด ถ้าเราไม่สนใจก็ไม่ได้ ก็ต้องรอรับการช่วยเหลืออยู่แบบนี้ หลาย ๆ จังหวัด หลาย ๆ อำเภอ ก็มีการพัฒนาที่ดีผมเห็นรวมกลุ่มกันปลูกพืช ออร์แกนิกบ้าง ปลูกพืชทดแทนบ้าง แล้วก็หาอาชีพเสริมบ้าง สหกรณ์เข้มแข็ง เงินกู้ เงินอะไรต่าง ๆ ที่มีเขาก็หันไปเป็นระบบแต่ถ้าตรงไหนที่ยากจน ผมให้ไปสำรวจปรากฏว่าไม่มีการใช้จ่ายงบประมาณที่มีที่รัฐสนับสนุนอย่างเป็นระบบเลย นำไปใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ไปซื้อโทรศัพท์มือถือไป อย่างนี้ไม่ได้ แล้วเงินหมุนเวียนก็ไม่เกิด ให้กี่ล้าน ๆ ก็หมด แบบนี้ต้องไปดู เพราะฉะนั้นถ้าไม่ยอมรับในความผิดพลาด ยอมรับในการแก้ไขของท่านด้วย ถ้ารัฐจะต้องดูแลทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่อย่างนี้ ถ้าเราเข้มแข็งบ้าง อะไรบ้าง รัฐก็มีกำลังใจในการที่จะไปช่วย
 
การจัดตั้งกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาชีพประมง ปศุสัตว์ ก็ต้องเพิ่มเติม วันหน้าถ้ามีบ่อน้ำ อ่างเก็บน้ำที่ขุดเพิ่มเติมในปีนี้ได้ก็อยากจะให้เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงปลาไว้กินบ้าง อะไรบ้าง ขายบ้าง ก็ช่วยเหลือกันไป วันหน้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เดือดร้อนเราต้องช่วยกัน เผื่อแผ่แบ่งปันกัน
 
สัปดาห์นี้คณะรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชน เพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง เป็นอีกโครงการหนึ่ง ในพื้นที่แล้งซ้ำซากจำนวน 3,052 ตำบล ใน 58 จังหวัด คือพื้นที่ที่ทำอะไรไม่ได้ แล้งมาทุกปี ๆ มีการประกันราคามาตลอด ความเสียหายก็เสียหายทุกปี ต้องเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นแล้วจะทำอย่างไร แต่ช่วงนี้เดือดร้อนก็จะพิจารณาให้ตำบลละ 1 ล้านบาท ก็ 3 พันกว่าล้านแล้ว ที่ผ่านมาด้านการเกษตรหลายหมื่นล้านเป็นแสนล้านแล้ว ผมคิดว่าที่ให้ไป ผมก็ได้กำชับให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีกระทรวงมหาดไทยด้วย และ คสช. ทหารทุกหน่วย ทุกกองทัพภาคต้องเข้าไปดู กำกับดูแลให้โครงการทุกโครงการเป็นไปตามความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ให้ถึงครอบครัวผู้ยากไร้ คนแก่ เด็ก ฯลฯ บางครอบครัวทำไร่ ทำนามาตั้งแต่พ่อ – แม่ อายุ 60 – 70 ปี แล้ว ถ้ามาทำแรงงานจะให้เขาทำอะไร ให้เขาทำอะไรที่เบา ๆ แต่เขาก็ได้เงินเหมือนกัน เขาจะได้เลี้ยงครอบครัวใช้จ่าย
 
สิ่งนี้ขอให้ คสช. ไปช่วยเต็มที่ ดูด้วยว่าใครทุจริต ใครไม่จริงจัง ก็เร่งรัดออกให้เร็วด้วย บางทีก็ช้า ขั้นตอนมีมาก เราต้องซื่อสัตย์ซึ่งกันและกัน รัฐก็ซื่อสัตย์ ข้าราชการก็ต้องซื่อสัตย์ ประชาชนก็ต้องซื่อสัตย์ ขึ้นชื่อ ขึ้นทะเบียน ให้ชัดเจนขึ้นไม่ใช่รีรอ ถึงเวลาพอจะจ่ายก็จ่ายไม่ได้ แล้วก็มาเร่งรัดรัฐบาลว่าทำไมจ่ายช้า เพราะบัญชีไม่เรียบร้อย ท่านต้องขึ้นให้เรียบร้อยทุกคน ขอให้ทุกกระทรวง Clear เรื่องข้อมูลต่าง ๆ ให้เรียบร้อยการก่อนเพาะปลูกฤดูการหน้า ต่อไปอาจจะไม่ให้มีการเพิ่มรายชื่ออีกแล้ว ถ้าไม่รวมกลุ่มเป็นกลุ่มแปลงนาขนาดใหญ่มา ไม่รวมเป็นสหกรณ์มา การช่วยเหลือก็จะอยู่ทีหลังหรือให้ไม่ได้ก็ไม่รู้ ต้องมีมาตรการ
 
ถ้าท่านเรียกร้องจากเราอย่างเดียวคงไม่ใช่ คงต้องตั้งกติกากันใหม่บ้างว่า ต้องรวมกันให้ได้ จะได้ไปช่วยได้ถูก ช่วยกันคิดว่า จะทำอย่างไร จะหาเครื่องมืออุปกรณ์ไปช่วยเหลือได้ ถ้าให้ไปทุกคนแจกครัวเรือนทุกครัวเรือนทำไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าให้เป็นกลุ่มให้เป็นสหกรณ์หรือไปปรับราคา การที่มาไถอะไรต่าง ๆ ให้ลดราคาลง สามารถทำได้ ถ้าแปลงนาใหญ่ขึ้น แต่ถ้าดูเป็นครอบครัว 5 – 10 ไร่ เขาก็คิดราคาเต็ม แล้วจะให้ผมไปทำตอนไหนได้
 
เรื่องปุ๋ยเหมือนกันก็เร่งรัดปุ๋ยอินทรีย์ให้มากที่สุด วันนี้ก็ผลิตได้มากมาย ก็นำไปใช้ ไปตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์พืช ธนาคารปุ๋ย เบิกปุ๋ยไปใช้เป็นข้าวก็ได้ เบิกข้าวไปใช้เป็นยางก็ได้ อะไรอย่างนี้ ไม่ใช่ต้องเป็นไปตามตัวอักษรทั้งหมด เบิกอะไรต้องใช้สิ่งนั้น ก็สลับกันไป บริหารจัดการให้ดีแล้วกัน
 
ในส่วนของการเพาะปลูก เร็ว ๆ นี้จะเข้ามาอีกแล้ว ขอให้รีบดำเนินการ ในส่วนของการช่วยเหลือมาตรการต่าง ๆ ใช้เงินของรัฐลงไปก็ขอให้มีความโปร่งใส ปราศจากการทุจริต คอร์รัปชั่น เลิกได้แล้ว อย่าพึ่งเลย เพราะเรากำลังเร่งรัดเรื่องนี้อยู่ด้วย ประชาชนเดือดร้อน การทุจริตก็มากมาย วันนี้ก็ลดลงมาจำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่เป็นที่น่าพึงพอใจมากนัก ตัวเลขลดลงมาน้อยจากการประเมินหรือจากโพลล์อะไรต่าง ๆ ก็ตาม แต่ก็ถือว่าดีขึ้น ก็ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนด้วย ถ้าหากว่าพบเห็นเจ้าหน้าที่ของรัฐคนใดมีการทุจริตขอให้แจ้งเบาะแสให้รัฐบาลด้วย ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น จะได้รู้จะได้ Clear ตัวเองสักที
 
เรื่องการปฏิรูปบริหารราชการเพื่อความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่น ในเรื่องนี้นั้นที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ในสัปดาห์นี้ได้มีการอนุมัติหลักการเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ  ซึ่งแนวทางนี้ ทาง คนร. ได้มีการศึกษาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญทั้งในประเทศและต่างประเทศกับผู้รู้ทั้งหมดเลยทาง Doctor นักวิชาการ ทั้งด้านการเงิน การธนาคาร การบริหารต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมทั้งสิ้น เพื่อจะกำหนดแนวทางที่เหมาะสมในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจของไทย ท่านทราบอยู่แล้ว 50 กว่าแห่ง เป็นอย่างไร และการบริหารราชการที่ผ่านมามีกำไรขาดทุนอย่างไร รัฐต้องไปดูแลอย่างไร
 
เพราะฉะนั้นต้องมาดูว่า ปัญหาอยู่ที่ไหน ปัญหาอันแรกคือการกำกับดูแลทำอย่างไรไม่ให้ใครเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ได้ ไม่ใช่คนของคนนั่นคนนี้มาอยู่รัฐวิสาหกิจนี้ ไม่ใช่ เป็นอย่างนั้นต่อไปไม่ได้แล้ว ก็จะเกิดการรั่วไหล เสียหาย ต้องนำมาอุดหนุนกัน อันนี้ตรงไปโปะอันโน้น แทนที่จะมีงบประมาณที่กลับเข้าสู่รัฐมากมายในการพัฒนาประเทศ ก็ไม่มี สิ่งนี้ต้องกำกับการดูแลกันอย่างไร จะยอมรับกันหรือไม่ การบริหารราชการในลักษณะรัฐวิสาหกิจโดยข้าราชการ พอเพียงหรือไม่ จำเป็นหรือไม่  หรือจะต้องมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจเข้ามาด้วย หรือจะมีมืออาชีพเข้ามาบริหาร ก็หารือกันทั้งหมด ตอนนี้เราอยู่ในขั้นตอนต่าง ๆ อย่างเงียบ ๆ ซึ่งไม่ขัดแย้งอะไรกันเลย แต่วันนี้ต้องเดินหน้าไปด้วย หมายความว่าจะแก้ก็แก้โครงสร้างใหม่ก็ทำ กฎหมายต้องไปเข้า สนช. เตรียมการ
 
ในส่วนของการบริหารราชการ วันนี้ต้องทำให้โปร่งใส ไม่เช่นนั้นวันหน้ารัฐบาลเลือกตั้งเข้ามา แล้วจะทำอย่างไร ไม่ใช่จะป้องกันเขา ป้องกันให้มาใช้ในทางที่ผิด เพียงแต่ให้เขาใช้ประโยชน์ดูแลประชาชน เพราะอาสาเข้ามาดูแลประชาชน ขอให้ทุกอย่างนั้น เป็นไปด้วยความมีประสิทธิภาพเท่านั้นเอง มีการบริหารทรัพย์สินของชาติให้เกิดมูลค่าและประโยชน์สูงที่สุด เดี๋ยวก็ขัดแย้งกันอีก ไม่ไว้ใจกัน ไม่เชื่อมั่นกันก็ขัดแย้งเหมือนเดิม
 
เพราะฉะนั้น การดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจจึงจำเป็นต้องกำหนดบทบาทและทิศทางการกำกับดูแลให้ชัดเจน โดยมีการแบ่งโครงสร้างเป็น 3 ส่วน สิ่งแรกกระทรวงต้นสังกัด จะเป็นผู้กำหนดแนวนโยบายในการดำเนินงาน (Policy) สิ่งนี้กระทรวง รัฐมนตรีก็รับไป หน่วยงานกำกับดูแล ก็จะแยกออกมาอีกส่วนหนึ่งคือ Regulator เป็นผู้ควบคุมดูแลการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คราวนี้จะต้องจัดตั้ง องค์กรเจ้าของ (Owner) ขึ้นมา เพื่อจะทำหน้าที่ในการดูแลความยั่งยืนในภาพรวมว่า จัดอย่างไร นำใครมาตรงนี้ เดี๋ยวไปหาดู กำลังให้กลับไปทำขึ้นมาใหม่ใน 3 ส่วนนี้จะทำงานประสานสอดคล้องกันอย่าไร เกื้อกูลอย่าไร จะแก้กฎหมายกันอย่างไร ตรงไหนบ้าง นี่คือการเปลี่ยนแปลง เราต้องยอมรับในการเปลี่ยนแปลง ในระหว่างนี้จำเป็น
 
เพราะฉะนั้น วันนี้กำลังศึกษาขั้นตอนอยู่ จะจัดตั้งอย่างไร เร่งร้อนเกินไป คนอื่นไม่ไว้ใจอีก วันนี้อยากให้ไว้ใจเรา เพราะเราไม่ได้คิดเพื่อผลประโยชน์อะไรเลย คิดแต่เพียงว่าจะฟื้นฟูกันอย่างไร แล้ววันหน้าจะเดินหน้าไปอย่างไร จะจัดการบริการประชาชนได้อย่างไร เกิดความโปร่งใสอย่างไร ไม่อย่างนั้นก็จะโทษกันไปโทษกันมาอยู่แบบนี้ ฉะนั้นจะต้องใช้ความโปร่งใส ใช้ระบบบรรษัทภิบาลที่ดี แล้วก็ไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองต่อไปในอนาคตด้วย การบริหารงานต้องมีประสิทธิภาพและมีความคล่องตัว ไม่ใช่ว่าปิดกั้นหรือควบคุมจนกระทั่งทำงานไม่ได้ เดี๋ยวก็มีปัญหาอีก ต้องสมดุลกัน  สิ่งเหล่านี้เป็นการวางรากฐานในการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจให้มีความยั่งยืนตลอดไป เพราะเป็นหน่วยงานที่มีรายได้ให้กับรัฐจำนวนมาก ถ้าทำดี  ๆ
 
เรื่องการช่วยเหลือแรงงาน กระทรวงแรงงานก็ได้เปิดศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย ที่เรียกว่า Smart Job Center ภายใต้ Concept “One-stop-service”  เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ไม่มีงานทำและอยู่ระหว่างการหางานทำ จะหาได้ที่ไหน วันนี้เราก็อำนวยความสะดวกตรงนี้หรือใครที่ต้องการเปลี่ยนงาน เราก็จะมีระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยอำนวยความสะดวกผู้รับบริการเป็นจอ Touch Screen ลดขั้นตอน มีบริการรับขึ้นทะเบียน รายงานตัวผู้ประกันตน ทั้งนี้ประชาชนสามารถรับบริการจากเจ้าหน้าที่หรือจะบริการด้วยตนเองก็ได้ มีจุดบริการสำหรับผู้พิการอีกด้วย บริการสัมภาษณ์งานผ่านระบบ Skype มีห้องสัมภาษณ์สดและบริการถ่ายคลิปวิดีโอแนะนำตัวเองได้ด้วยเพื่อจะให้นายจ้างพิจารณาบุคลิกภาพ  มุมบริการศึกษาค้นคว้าข้อมูลอาชีพ  ห้องแนะแนวอาชีพ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดส่งแรงงานไทยไปต่างประเทศ ถือว่าครบวงจร วันนี้ก็อยากให้ประชาชนที่สนใจไปใช้ประโยชน์จากบริการนี้ ต้องรับรู้ทั่ว ๆ กันบอกกันต่อ ๆ ไปด้วย ตั้งอยู่ในกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี เขตดินแดง กรุงเทพฯ ช่วยกันเข้าไปดูว่าไปถึงไหนอย่างไร ถ้าดูแล้วไม่ดีก็บอกมา
 
ส่วนของการท่องเที่ยว เป็นที่ทราบกันดีว่า ปีนี้เป็น “การท่องเที่ยววิถีไทย” ซึ่งจะนำเอกลักษณ์ความเป็นไทยมาเป็นจุดขายเชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศมาเที่ยวให้มากขึ้น ควบคู่กับการส่งเสริมให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวในบ้านเราเองด้วย ที่ผมเคยใช้คำว่า “ไทยเที่ยว และ เที่ยวไทย” ก็ง่ายดี เพื่อให้สัมผัสกับวิถีไทยต่าง ๆ สิ่งนี้จะมีผลให้คนไทยนั้นมีความรักในวัฒนธรรมไทย ดูแลกัน เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นชนชาติไทยของเรา
 
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็รับนโยบายไปว่าจะมีแผนการจัดงานใหญ่ ที่ผมต้องการให้เน้นการแสดงออก “วิถีไทย” ครบทั้ง 12 เดือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะกระจายรายได้ไปทุกภูมิภาคของประเทศ ที่ผ่านมาในเดือนมกราคมนี้ก็ได้เปิดตัวไปแล้วในภาพรวม “เทศกาลเที่ยวเมืองไทย” ที่    สวนลุมพินี เป็นการย่อเมืองไทยไว้ที่นั้นในใจกลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการตอบรับเป็นอย่างดีมาก นักท่องเที่ยวจำนวนมากมาร่วมงานกว่า 6 แสนคน เงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท ในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี เป็นการเปิดการสร้างความเข้าใจ
 
สำหรับเดือนกุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ก็จะเน้นที่งานฉลองตรุษจีนที่เยาวราช จะเป็นตรุษจีนพิเศษ มีการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสครบรอบ 60 พรรษา เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าพระองค์ท่านทรงเป็นพระมิ่งขวัญไม่เฉพาะชาวไทยเท่านั้น ยังทรงเป็นที่รักและชื่นชมของต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนด้วย
 
เดือนมีนาคม จะมีงาน “มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับ” และ “มวยไทย ศิลปะไทย มรดกไทย มรดกโลก และไหว้ครูมวยไทยโลก” ณ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา มวยไทยมีชื่อเสียงมานานแล้ว ทั่วโลก มาฝึก มาหัด มาแข่งขันกัน ได้รับการยอมรับ ได้รับความสนใจจากนานาประเทศ ชาวต่างชาติก็บินข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อมาเรียนมาศึกษาศิลปะมวยไทย เพราะฉะนั้นก็คาดว่าจะมีผู้ที่ชื่นชอบบินมาอีกมากมายในช่วงดังกล่าว จากต่างประเทศก็จะเข้ามาร่วมพิธีไว้ครูที่สวยงามนี้เป็นจำนวนมาก ก็เชิญชวนและสนับสนุนให้คนไทย เยาวชนไทยให้มาสนใจและช่วยกันอนุรักษ์วัฒนธรรม สร้างร่างกายให้เข้มแข็ง วันนี้คนไทยไม่ค่อยออกกำลัง ไม่ค่อยสนใจกีฬาอะไรต่าง ๆ ที่ใช้ออกแรงมาก ๆ ผู้ชายต้องฝึก ตอนนี้ผู้หญิงเขาฝึกกันมากมายมวยไทย ในประเพณีมวยไทยนี้มีหลายอย่าง มวยคาดเชือกก็มี สิ่งนี้ประเทศไหนก็ไม่เหมือนประเทศไทย เกิดมาก็ชกมวยไทยได้เลย ต่างประเทศก็ต้องหัดตั้งหลายปีกว่าจะเตะได้ กว่าจะใช้ศอกได้ อะไรได้ ก็สนใจมวยไทยบ้าง
 
เดือนเมษายน ปีนี้ก็จะจัดอย่างยิ่งใหญ่ ในงาน “เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์” หลายประเทศก็พยายามจะนำไปเป็นแบบอย่าง เราเป็นต้นตำรับอยู่แล้ว อย่าทอดทิ้งของเราเอง ให้เป็นประเพณีที่ดีงาม ไม่ใช่มีปัญหาผิดกฎหมายกันอีกมากมายไปหมด เราจะจัดที่ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ และทั่วประเทศด้วย แต่ละพื้นที่ก็แตกต่างกันออกไป ช่วงสงกรานต์ของทุกปีชาวต่างชาติก็มาเที่ยวอยู่แล้ว เที่ยวเมืองไทย คนไทยหลายคนก็อาจจะไปเที่ยวต่างประเทศ ผมก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้วเป็นเสรีของท่าน และเป็นวันหยุดยาวด้วย ปีนี้ผมก็อยากให้ทุกคนลองเที่ยวในเมืองไทยดีไหม เพราะต่างประเทศหลายประเทศก็มีความวุ่นวาย สภาพอากาศก็เปลี่ยนแปลง เที่ยวเมืองไทยกันสักที มีทั้งหลายที่หลายทาง หลายจังหวัด บางคนก็เดินทางกลับภูมิลำเนา เพื่อรดน้ำดำหัวผู้มีพระคุณ ใช้เวลาไปมาหาสู่รับพรจากผู้หลักผู้ใหญ่ สิ่งนี้ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนกลับมาสู่ประเพณีไทย วันหยุดราชการของข้าราชการบ้าง อันนี้ด้วยเหตุด้วยผล ก็อยากให้มีความสนุกสนาน และมีการเล่นสงกรานต์แบบไทย ๆ ด้วย ในช่วงวันหยุดหลายวันในช่วงสงกรานต์ เงินทองก็ไม่รั่วไหลไปต่างประเทศ คนไทยก็มีความสุข การค้าการบริการ ก็ได้เงินทั้งหมด ใช้จ่ายกันในประเทศ “เรือล้มในหนอง ทองจะไปไหน”
 
เดือนพฤษภาคม ก็จะมี “เทศกาลไทยแลนด์มิวสิก เฟสติวัล” มหกรรมดนตรีครั้งยิ่งใหญ่ ที่ชายหาดชะอำ เพชรบุรี และในเดือนมิถุนายน มี “มหกรรมThailand Grand Sale” สำหรับครึ่งปีหลังก็จะมีทั้ง “มหกรรมสานศิลป์แห่งแผ่นดินอาเซียน” ที่จังหวัดเชียงใหม่ “มหกรรมผ้าไหมไทย ร่วมเทิดไท้ราชินี” ณ กรุงเทพมหานคร “มหกรรมอาหารนานาชาติ” ที่จังหวัดภูเก็ต “สีสันแห่งสายน้ำมหกรรมลอยกระทง” ในกรุงเทพมหานครและทั่วประเทศ และในเดือนธันวาคม เช่นเดียวกันกับทุก ๆ ปี “เทศกาลมหกรรมแห่งความสุข” วันที่ 5 วันเฉลิมพระชนมพรรษา – วันพ่อแห่งชาติ เห็นไหม มีที่ท่องเที่ยวทั้งปีเลย ผมพูดยังเหนื่อยเลย แสดงว่าประเทศไทยมีความหลากหลาย น่าจะภูมิใจ
 
ทั้งนี้ รัฐบาล และ คสช. ได้มีมาตรการส่งเสริมความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวอีก โดยจัดตั้ง “กองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 200 ล้านบาท” มีผลใช้บังคับแล้ว ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2557 โดยให้การคุ้มครองนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทุกคน ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ทั้งในภาวะปกติ ภาวะวิกฤตในการประกาศกฎอัยการศึก และทำให้เกิดความสูญเสียหรือเสียหายใด ๆ จากการจลาจล การก่อการร้าย ภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ การหยุดชะงักของการเดินทาง อาชญากรรม หรือภัยด้านอื่น ๆ โดยที่ไม่ได้เกิดจากความประมาท เจตนา หรือการกระทำที่ผิดกฎหมายของนักท่องเที่ยว ซึ่งหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และอัตราการจ่ายเงินช่วยเหลือนี้ เป็นไปตามที่กรมบัญชีกลางกำหนดไว้ การขอรับการช่วยเหลือก็สามารถติดต่อสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาในทุกจังหวัด หรือ “สายด่วน” ตำรวจท่องเที่ยว 1155 ตลอด 24 ชม.
 
รัฐบาลต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นบริษัททัวร์ ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว โรงแรม รถโดยสาร เรือเจ็ทสกี เกสท์เฮาส์ สถานประกอบการทั่ว ๆ ไป แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ มัคคุเทศก์ เจ้าหน้าที่ แท็กซี่ พ่อค้า - แม่ค้า ช่วยกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีได้ไหม อย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ไปช่อโกงเขา ไปโก่งราคาเขา หรือของปลอมอะไรเหล่านี้ เสียชื่อไปหมด แล้วจะบ่นว่าคนเขาไม่มา ก็ไม่มา เพราะไปโกงเขา ไม่ได้ ต้องปรับปรุงทั้งหมด ให้ช่วยกันเป็นเจ้าบ้านที่ดีในการต้อนรับแขก ช่วยกันประชาสัมพันธ์สิ่งดี ๆ ให้กับนักท่องเที่ยว ไม่ใช่ไปโฆษณาสิ่งไม่ดีให้เขามาเที่ยว เพราะฉะนั้นก็ขอให้ชาวต่างชาติมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัย การดูแล น้ำใจไมตรี รอยยิ้มของคนไทย ตลอดเวลาที่เขาอยู่ในเมืองไทยเขาก็จะจำได้ ปีต่อไปเขาก็มาอีก ไม่ใช่มาครั้งเดียวแล้วเลิก เพราะเข็ดไม่ใช่ ต้องแก้ไข
 
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ไปพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2557 ในการมอบรางวัลนี้เพื่อถวายเป็นพระราชอนุสรณ์และเผยแพร่เกียรติคุณแห่งสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก “องค์บิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของไทย” สำหรับปี 2557 นั้น ก็มีผู้ได้รับรางวัล 2 ท่าน คือศาสตราจารย์ อากิระ เอ็นโด จากประเทศญี่ปุ่นที่เป็นผู้ค้นพบสารที่สามารถลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ นำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพของยาลดไขมัน สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทั่วโลก ท่านที่ 2 คือ ศาสตราจารย์นายแพทย์โดนัล เอ เฮนเดอร์สัน จากสหรัฐอเมริกา ที่เป็นผู้นำของโครงการที่ทำการกวาดล้างโรคไข้ทรพิษ หรือฝีดาษได้สำเร็จ ผมในนามของรัฐบาลไทยก็ขอแสดงความยินดีกับท่านทั้ง 2 ด้วย
 
ขอแสดงความยินดีและชื่นชม น.ส.ณัชชา เจริญทองมั่นคง น.ส.ปวีณา อาชาคีรี และ ด.ช.วทัญญู เจริญทองมั่นคง ซึ่งเป็นเยาวชนชาวไทยเชื้อสายม้ง จากโรงเรียนป่าไม้อุทิศ 4 จังหวัดตากที่สามารถคว้าแชมป์โต้วาทีภาษาอังกฤษระดับประเทศ ภายใต้โครงการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้ เป็นตัวอย่างที่ดีตัวอย่างหนึ่งของความพยายามที่จะพัฒนาตนเอง และขอขอบคุณ นายเหมันต์ ยะอุทัย และ น.ส.วินทร์อร เมืองงำ อาจารย์ภาษาอังกฤษที่เป็นผู้ฝึกสอนด้วย
 
วันอังคารหน้านั้น ตรงกับวันที่ 3 กุมภาพันธ์  เป็น “วันทหารผ่านศึก” ผมขอเชิญพี่น้องประชาชน ร่วมรำลึกถึงคุณงามความดีและวีรกรรมของทหารผู้เสียสละแม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องผืนแผ่นดินและเอกราชของชาติไทย ด้วยการประดับ “ดอกป๊อปปี้สีแดง” อันเป็นสัญลักษณ์แทน “ทหารผ่านศึก” ขอเชิญชวนประชาชนชาวไทย ร่วมอุดหนุนดอกป๊อบปี้ หรือบริจาคทุนทรัพย์ ร่วมให้การสงเคราะห์แก่ทหารที่ผ่านการปฏิบัติการรบ และครอบครัว โดยรายได้นำไปเป็นสวัสดิการ ดูแลในเรื่องที่อยู่อาศัย การศึกษา อวัยวะเทียม การส่งเสริมวิชาชีพ และกองทุนสงเคราะห์กู้ยืมไปประกอบอาชีพ  นอกเหนือไปจากสวัสดิการที่รัฐบาลดูแลให้อยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งต้องดูแลอีก ฉะนั้นก็ขอเชิญชวนพี่น้องได้ช่วยกันตอบแทนน้ำใจแด่ผู้เสียสละผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ด้วย
 
การที่จะสร้างประเทศไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน มีความร่มเย็น น่าอยู่ น่าอาศัย เป็นที่รักของประชาชนของคนทั้งโลก คนไทยต้องรักกัน สามัคคีกัน และเข้าใจกัน เผื่อแผ่แบ่งปันกันให้ได้ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท