Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis


 

ในขณะที่ผู้คนทั่วโลกต่างแตกตื่นตกใจกับการสังหารหมู่กองบรรณาธิการชาร์ลี เอบโด 12 ศพกลางกรุงปารีสปลายปี 57 แต่ในช่วงติดต่อกันในช่วงขึ้นปีใหม่ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 6 จนถึงวันที่ 7 มกราคม 58

ที่เมืองบากาในรัฐบอร์โนของไนจีเรียซึ่งมีประชากรราว 10,000 คน ถูกกองกำลังติดอาวุธโบโกฮาราม บุกกราดยิงผู้คนและเผาทำลายอาคารบ้านเรือน ส่งผลให้ผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,000 ราย ชาวบ้านอีกที่เหลือต้องหนีตายอพยพออกจากหมู่บ้าน ศพถูกทิ้งเกลื่อนอยู่ตามท้องถนน

สภาพเมืองบากาในตอนนี้ ถูกทำลายลงไปหมดสิ้น การโจมตียึดครองเมืองบากาได้สำเร็จทำให้กลุ่มโบโกฮารามสามารถครอบครองพื้นที่ซึ่งเป็นพรมแดนเชื่อมต่อกับประเทศไนเจอร์  ชาด และคาเมอรูน แต่น่าแปลกใจที่ไม่ปรากฏเป็นข่าวเท่าใดนัก ทั้งๆที่เป็นการสังหารหมู่ที่อำมหิตไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพียงแต่เกิดขึ้นในอีกซีกโลกหนึ่งและเกิดกับผู้คนอีกเผ่าพันธุ์หนึ่ง


โบโก ฮาราม คือใคร

โบโก ฮาราม เป็นชื่อในภาษาฮัวซา ซึ่งเป็นชนเผ่าหนึ่งในไนจีเรีย แปลว่า "การศึกษาตะวันตกเป็นสิ่งต้องห้าม" มีเป้าหมายเพื่อตั้งรัฐอิสลาม และใช้กฎหมายชารีอะห์เต็มรูปแบบในรัฐทางเหนือของไนจีเรีย โดยใช้วิธีรุนแรง โบโก ฮาราม ต่อต้านความเป็นผู้นำและสถาบันภายนอกทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล กองกำลังความมั่นคง เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ โรงเรียน โบสถ์ กระทั่งมัสยิดที่สั่งสอนแนวทางอิสลามต่างออกไปจากที่พวกเขายึดถือ และกิจกรรมทุกอย่างที่เข้าข่ายเป็นสังคมตะวันตก

อย่างไรก็ตาม การที่โบโก ฮาราม แข็งแกร่งในรัฐทางเหนือไม่ใช่เพราะอุดมการณ์สุดโต่ง แต่เป็นเพราะความยากจนของประชาชนที่รัฐบาลในกรุงอาบูจาไม่สามารถจัดหาบริการด้านความปลอดภัย ถนนหนทางที่ดี น้ำประปา สาธารณสุข พลังงาน และการศึกษาให้แก่ประชาชนได้ ยิ่งไกลขึ้นไปทางเหนือ สถานการณ์ยิ่งแย่ลง ทำให้ประชาชนจำนวนมากต้องช่วยตัวเองด้วยการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนทางศาสนา ชาติพันธุ์ และหลายกลุ่มเป็นปฏิปักษ์กับรัฐ

ต้นกำเนิดของโบโก ฮาราม มีที่มาจากโมฮัมเหม็ด ยูซุฟ นักเทศน์ที่มีลูกศิษย์มากมายในรัฐบอร์โนทางเหนือของประเทศ  โมฮัมเหม็ด ยูซุฟ เป็นผู้นำกลุ่มสุดโต่งที่ต้องการก่อตั้งรัฐอิสลามทางภาคเหนือของไนจีเรีย  เมื่อโบโก ฮาราม ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ชาวบ้านยากจนในรัฐบอร์โน และรัฐเพื่อนบ้าน ทางการก็เริ่มตามล่าตัวผู้นำ

ความขัดแย้งลุกลามเป็นการลุกฮือต่อต้านด้วยกำลังอาวุธในปี 2552 ในที่สุด นายยูซุฟถูกจับกุมและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในช่วงแรกๆ ผู้สนับสนุนนายยูซุฟจำกัดการโจมตีล้างแค้นเฉพาะสัญลักษณ์ของรัฐ แต่ต่อมามีการยกระดับจนเป็นการก่อการร้ายเต็มรูปแบบ

ปัจจุบัน โบโก ฮาราม อยู่ใต้การนำของนายอาบูบาเคอร์ เชเคา ซึ่งเป็นบุคคลที่ลี้ลับและปริศนา มีความขัดแย้งในตัวเอง ซับซ้อน กล้าบ้าบิ่น ด้านหนึ่งเป็นปัญญาชน อีกด้านเป็นนักเลง แต่ไม่ชัดเจนว่าในทางปฏิบัติแล้วอาบูบาเคอร์ เชเคา สามารถคุมสมาชิกได้ทั้งหมดหรือไม่  โบโก ฮาราม ถูกจัดเป็นองค์กรก่อการร้ายภายในประเทศ แต่เชื่อว่ามีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มสุดโต่งอื่นๆ ในแอฟริกาเหนือด้วย

มีการก่อความรุนแรงที่อุกอาจและอำมหิตตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เมื่อปีกลายมีการก่อเหตุระเบิดครั้งใหญ่ที่ป้ายรถประจำทางชานกรุงอาบูจา เมืองหลวงไนจีเรีย ช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเมื่อวันที่ 14 เมษายน 57 ทำให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 75 คน ตามด้วยเหตุลักพาตัวเด็กนักเรียนมัธยมหญิงกว่า 200 คน ที่กำลังสอบปลายภาค โดยกวาดต้อนขึ้นรถยนต์และรถจักรยานยนต์

ต่อมาพวกเธอถูกพาข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านชาด และแคเมอรูน เพื่อบังคับให้แต่งงานกับบรรดาสมาชิกสุดโต่ง และต่อมาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม 57 เกิดเหตุระเบิดรถยนต์ซ้ำอีกครั้งที่ชานเมืองหลวง ห่างจุดที่เกิดเหตุระเบิดก่อนหน้าเพียง 200 เมตร มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 บาดเจ็บอีกกว่า 60 คน  และล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม 58 ที่ผ่านมาก็ได้ก่อเหตุบุกข้ามชายแดนทางภาคเหนือของแคเมอรูนไปลักพาตัวเด็กอายุ 10-15 ปีจำนวน 50 คนและผู้ใหญ่ 30 คน รวมเป็น 80 คนพร้อมทั้งสังหารประชาชนอีก 3 ราย

ที่น่าเศร้าก็คือโบโก ฮาราม ใช้ผู้หญิงและเด็กเป็นเครื่องมือในการก่อเหตุโจมตีด้วยระเบิดพลีชีพมากขึ้น เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรายหนึ่งบอกว่าแม้สภาพร่างการของผู้ก่อการโจมตีจะดูแทบไม่ได้ แต่จากใบหน้าของเธอดูอ่อนเยาว์มากและเป็นเด็กผู้หญิงที่จัดว่าน่ารักเลยทีเดียว ขณะที่ชาวบ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิดพลีชีพที่ตลาดในเมืองไมดูรีบอกว่าตัวเด็กเองยังไร้เดียงสาเกินกว่าจะรู้ว่าภาระที่เลวร้ายที่เธอรับมานั้นคืออะไร เธอเองคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เธอกำลังแบกอยู่นั้นคือระเบิดที่ถูกตั้งเวลาไว้

เหตุการณ์ที่เมืองโพทิสคัม ในรัฐโยเบของไนจีเรียก็มีการใช้เด็กผู้หญิง 2 คนเป็นผู้ก่อการโจมตีโดยระเบิดได้ถูกจุดชนวนขึ้นก่อนที่มือระเบิดตัวเล็กๆทั้งสองจะเดินถึงเป้าหมายที่จะโจมตี ผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่ามือระเบิดพลีชีพทั้งสองเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอายุราว 10 ขวบไว้ผมถักเปีย สภาพร่างกายท่อนบนของเธอถูกแรงระเบิดแยกขาดเป็น 2 ท่อนอย่างน่าอนาถ

โลกมนุษย์เรานี้ช่างโหดร้ายนัก ทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของตนหรือกลุ่มตนเองแม้กระทั่งการใช้เด็กที่ไร้เดียงสาเป็นเครื่องมืออย่างอำมหิต

จากกรณีอิรัก, อัฟกานิสถาน, ซีเรีย,  กาซา, ปากีสถาน, ไอซิซ(ISIS), ชาร์ลี เอ็บโด ถึงโบโกฮาราม ทำให้ผมต้องหันกลับมาคิดว่า ฤามวลมนุษยชาติจะถึงคราวที่ถูกทำลายให้หมดสิ้นไปจากโลกนี้ด้วยฝีมือมนุษย์ด้วยกันเองเสียแล้วกระมัง
                             


หมายเหตุ  เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ 21 มกราคม 2558
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net