Skip to main content
sharethis
ราชกิจจานุเบกษาออกประกาศคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 120/2557 เรื่อง "การปรับโครงสร้างราคา" ปรับภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
 
 
13 ธ.ค. 2557 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 120/2557 เรื่อง การปรับโครงสร้างราคาน้ํามันเชื้อเพลิง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
 
ตามที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติได้มีนโยบายปรังโครงสร้างราคาพลังงานให้เหมาะสมและเป็นธรรม โดยการปรับภาษีสรรพสามิตและกองทุนน้ํามันเชื้อเพลิง ส่งผลให้ราคาขายปลีกของน้ํามันเชื้อเพลิงเปลี่ยนแปลงไป กรณีที่ราคาขายปลีกลดลง จะทําให้ผู้ค้าน้ํามันมีผลขาดทุนจากปริมาณน้ํามันคงเหลือ จึงอาจไม่นําน้ํามันออกจําหน่าย และกรณีที่ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น จะทําให้มีการกักตุนน้ํามันไว้จําหน่ายในวันที่ราคาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ํามันเชื้อเพลิงในช่วงก่อนการปรับราคาขายปลีก
 
ดังนั้น เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ํามันเชื้อเพลิง จึงต้องตรวจสอบปริมาณน้ํามันคงเหลือในคลังน้ํามันและสถานีบริการ
 
ข้อ1 ในคําสั่งนี้
 
“น้ํามันเชื้อเพลิง” หมายความว่า น้ํามันเบนซิน น้ํามันแก๊สโซฮอล์ อี ๑๐ ออกเทน ๙๑น้ํามันแก๊สโซฮอล์ อี ๑๐ ออกเทน ๙๕ น้ํามันแก๊สโซฮอล์ อี ๒๐ น้ํามันแก๊สโซฮอล์ อี ๘๕ น้ํามันเบนซินพื้นฐานชนิดที่ ๑ และชนิดที่ ๒ น้ํามันดีเซลหมุนเร็ว ซึ่งมีลักษณะและคุณภาพตามที่อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานประกาศกําหนดตามกฎหมายว่าด้วยการค้าน้ํามันเชื้อเพลิง และน้ํามันดีเซลพื้นฐาน
 
“ผู้ค้าน้ํามัน” หมายความว่า ผู้ค้าน้ํามันตามมาตรา ๗ ผู้ค้าน้ํามันตามมาตรา ๑๐ และผู้ค้าน้ํามันตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ํามันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓
 
“สถานีบริการ” หมายความว่า สถานที่สําหรับจําหน่ายน้ํามันเชื้อเพลิงให้แก่ประชาชนโดยวิธีเติมหรือใส่ลงในที่บรรจุน้ํามันเชื้อเพลิงของยานพาหนะ โดยใช้มาตรวัดน้ํามันเชื้อเพลิงตามกฎหมายว่าด้วยมาตราชั่ง ตวงวัด ที่ติดตั้งไว้เป็นประจํา ซึ่งได้จดทะเบียนเป็นผู้ค้าน้ํามันตามมาตรา ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติ
 
การค้าน้ํามันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓ รวมท้ังสถานีบริการที่ผู้ค้าน้ํามันตามมาตรา ๗ และมาตรา ๑๐ดําเนินการเอง
 
“เจ้าของสถานีบริการ” หมายความว่า ผู้มีกรรมสิทธิ์ในสถานีบริการและกรณีที่ผู้มีกรรมสิทธิ์ในสถานีบริการเป็นนิติบุคคลให้ถือว่ากรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการ หรือบุคคลที่รับผิดชอบการดําเนินงานของนิติบุคคลนั้นเป็นเจ้าของสถานีบริการด้วย
 
“ประกาศราคาขายปลีก” หมายความว่า ประกาศราคาขายปลีกของสํานักงานนโยบายและแผนพลังงานตามข้อ ๒
 
“อัตราเงินชดเชย” หมายความว่า อัตราเงินชดเชยตามประกาศราคาขายปลีกของสํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน
 
“อัตราเงินส่งเข้ากองทุน” หมายความว่า อัตราเงินส่งเข้ากองทุนตามประกาศราคาขายปลีกของสํานักงานนโยบายและแผนพลังงาน
 
“สถาบัน” หมายความว่า สถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๔๖
 
“ผู้อํานวยการ” หมายความว่า ผู้อํานวยการสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน
 
“กองทุน” หมายความว่า กองทุนน้ํามันเชื้อเพลิงที่จัดตั้งขึ้นตามคําสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๔/๒๕๔๗เรื่อง กําหนดมาตรการเพื่อแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ํามันเชื้อเพลิง
 
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานราชการของกระทรวงพลังงานกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ ที่ได้รับมอบหมาย
 
ให้ดําเนินการตามคําสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาตินี้
 
ข้อ ๒ เมื่อมีการประกาศปรับอัตราภาษีสรรพสามิตหรืออัตราเงินส่งเข้ากองทุนตามนโยบายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ให้สํานักงานนโยบายและแผนพลังงานประกาศราคาขายปลีกใหม่อัตราเงินชดเชยอัตราเงินส่งเข้ากองทุน และภาษีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกําหนดเวลาที่ราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้ค้าน้ํามันรับทราบ และปฏิบัติตามคําสั่งนี้
 
ข้อ ๓ เมื่อมีการประกาศราคาขายปลีกตามข้อ ๒ ให้ผู้ค้าน้ํามันได้รับเงินชดเชยหรือจ่ายเงินเข้ากองทุน ในปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงคงเหลือสุทธิ ณ เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ราคาขายปลีกใหม่ ตามประกาศสํานักงานนโยบายและแผนพลังงานมีผลใช้บังคับคูณด้วยอัตราเงินชดเชยหรืออัตราเงินส่งเข้ากองทุนตามประกาศราคาขายปลีก
 
ข้อ ๔ ให้ผู้อํานวยการมีอํานาจหน้าที่ในการจ่ายและเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนตามคําสั่งนี้โดยให้มีอํานาจกําหนดระเบียบเพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามคําสั่งนี้ตามที่เห็นสมควร
 
ข้อ ๕ เมื่อมีประกาศราคาขายปลีกตามข้อ ๒ ให้
 
(๑) ผู้ค้าน้ํามันหรือเจ้าของสถานีบริการปฏิบัติดังต่อไปนี้
 
(ก) หยุดขายหรือจําหน่ายน้ํามันเชื้อเพลิงจากคลังน้ํามันหรือสถานีบริการ ตั้งแต่เวลา๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ราคาขายปลีกใหม่ตามประกาศสํานักงานนโยบายและแผนพลังงานมีผลใช้บังคับ จนกว่าพนักงานเจ้าหน้าที่จะได้ไปตรวจสอบปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงคงเหลือแล้ว เว้นแต่อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานจะมีเหตุผลสมควรสั่งเป็นอย่างอื่น
 
(ข) ตรวจสอบผลการตรวจวัดปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงคงเหลือในแบบตรวจสอบปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงคงเหลือ และลงลายมือชื่อรับรองผลการตรวจวัด
 
(ค) แจ้งปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระหว่างการขนส่ง ที่ซื้อหรือได้จากผู้ผลิตและโรงกลั่นน้ํามันในราชอาณาจักรที่สั่งหรือนําเข้ามาเพื่อจําหน่ายในราชอาณาจักร รวมทั้งปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงที่ผู้ค้าน้ํามันจ่ายจากคลังน้ํามันเพื่อส่งไปให้แก่ผู้ค้าน้ํามันหรือเจ้าของสถานีบริการก่อนเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันก่อนวันที่ราคาขายปลีกใหม่ตามประกาศสํานักงานนโยบายและแผนพลังงานมีผลใช้บังคับ และส่งมอบให้แก่ผู้ค้าน้ํามันหรือเจ้าของสถานีบริการภายหลังเวลาดังกล่าวและมาถึงคลังน้ํามันหรือสถานีบริการภายหลังเวลาดังกล่าว รวมทั้งน้ํามันเชื้อเพลิงที่รับฝากจากผู้อื่น(ถ้ามี) โดยในเขตกรุงเทพมหานครให้ยื่นต่อกรมธุรกิจพลังงานและในจังหวัดอื่นให้ยื่นต่อสํานักงานพลังงานจังหวัดที่สถานประกอบการตั้งอยู่ อย่างช้าไม่เกิน ๗ วันทําการนับแต่วันที่มีการตรวจวัดทั้งนี้ กรณีผู้ค้าน้ํามันหรือเจ้าของสถานีบริการไม่อยู่ ณ คลังน้ํามันหรือสถานีบริการเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามคําสั่งนี้ ให้พนักงานหรือลูกจ้างของผู้ค้าน้ํามันหรือเจ้าของสถานีบริการมีหน้าที่ปฏิบัติตามคําสั่งนี้แทน
 
(๒) กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารไปตรวจสอบปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงคงเหลือ ณ คลังน้ํามันและสถานีบริการทุกแห่งในกรุงเทพมหานครตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ และให้สรุปผลปริมาณน้ํามันคงเหลือในเบื้องต้นส่งสํานักงานนโยบายและแผนพลังงานภายใน ๑๐ วัน นับแต่วันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ
 
(๓) ผู้ว่าราชการจังหวัดรับผิดชอบสั่งการให้พลังงานจังหวัด นายอําเภอท้องที่ ส่งพนักงานเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานในท้องที่ และผู้บริหารงานท้องถิ่น ส่งพนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับมอบหมายร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารบกในพื้นที่หรือตํารวจภูธรจังหวัด ไปร่วมตรวจสอบปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงคงเหลือ ณ คลังน้ํามันและสถานีบริการทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดที่รับผิดชอบ ตั้งแต่เวลา๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ และรวบรวมผลการตรวจสอบปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงคงเหลือดังกล่าว นําส่งสํานักงานพลังงานจังหวัด กระทรวงพลังงาน อย่างช้าไม่เกิน๑ วันทําการนับแต่วันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ และให้พลังงานจังหวัดสรุปผลปริมาณน้ํามันคงเหลือในเบื้องต้นส่งสํานักงานนโยบายและแผนพลังงานภายใน ๑๐ วันนับแต่วันที่ประกาศราคาขายปลีกใหม่ใช้บังคับ
 
(๔) กระทรวงกลาโหม กระทรวงพาณิชย์ และสํานักงานตํารวจแห่งชาติ สั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารบกในพื้นที่ การค้าภายในจังหวัด ตํารวจภูธรจังหวัด แล้วแต่กรณีไปร่วมตรวจสอบปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงคงเหลือกับหน่วยงานตาม (๒) และ (๓)
 
ข้อ ๖ การคํานวณปริมาณน้ํามันคงเหลือสุทธิตามข้อ ๓ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานประกาศกําหนด
 
ข้อ ๗ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่อย่างน้อย ๒ คน ที่เข้าตรวจวัดปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงคงเหลือตามข้อ ๕ ลงลายมือชื่อรับรองผลการตรวจวัดในแบบตรวจสอบปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงคงเหลือ
 
ข้อ ๘ ให้กรมธุรกิจพลังงานและสํานักงานพลังงานจังหวัดแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ค้าน้ํามันในพื้นที่ที่รับผิดชอบทราบจํานวนเงินชดเชยที่พึงได้รับ หรือจํานวนเงินส่งเข้ากองทุน ซึ่งคํานวณจากปริมาณน้ํามันเชื้อเพลิงคงเหลือสุทธิแต่ละชนิดคูณด้วยอัตราเงินชดเชยหรืออัตราเงินส่งเข้ากองทุนพร้อมกับส่งสําเนาหนังสือให้สถาบันทราบในกรณีที่ผู้ค้าน้ํามันมีทั้งจํานวนเงินชดเชยและเงินส่งเข้ากองทุน ให้คํานวณเป็นเงินชดเชยหรือเงินส่งเข้ากองทุนสุทธิ (ผลต่างระหว่างเงินชดเชยและเงินส่งเข้ากองทุน) ในแต่ละแห่ง
 
ข้อ ๙ ให้ผู้ค้าน้ํามันยื่นหนังสือขอรับเงินชดเชยหรือส่งเงินเข้ากองทุนสุทธิต่อสถาบันภายใน ๙๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือตามข้อ ๘ในกรณีการขอรับเงินชดเชย หากพ้นกําหนดเวลา ๙๐ วัน ผู้ค้าน้ํามันยังไม่ยื่นหนังสือถือว่าไม่ประสงค์จะขอรับเงินชดเชย
 
ข้อ ๑๐ ในกรณีที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนสุทธิตามคําสั่งนี้ หากผู้มีหน้าที่ต้องส่งเงินไม่ส่งเงินให้สถาบันส่งเงินให้สถาบันไม่ครบถ้วนตามจํานวนที่ต้องส่ง หรือไม่ส่งเงินคืนสถาบันภายในเวลาที่กําหนดให้กรมธุรกิจพลังงานและสํานักงานพลังงานจังหวัดส่งเรื่องให้สํานักงานปลัดกระทรวงพลังงานพิจารณาดําเนินคดีตามกฎหมายในกรณีที่ผู้มีหน้าที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนไม่ส่งเงินให้สถาบัน หรือส่งขาดหรือไม่ส่งเงินคืนสถาบันหรือส่งเงินเมื่อพ้นระยะเวลาที่กําหนด ไม่ว่าจะถูกดําเนินคดีตามวรรคหนึ่งหรือไม่ ให้จ่ายเงินเพิ่มอีกในอัตราร้อยละหกต่อเดือนของจํานวนเงินดังกล่าว ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ครบกําหนดส่งและให้ถือว่าเงินเพิ่มนี้เป็นเงินที่ต้องส่งเข้ากองทุนด้วย
 
ข้อ ๑๑ ให้สถาบันเรียกเก็บเงินจากผู้ค้าน้ํามันหรือจ่ายเงินให้ผู้ค้าน้ํามันเป็นยอดเงินสุทธิตามข้อ ๘
 
ข้อ ๑๒ ในกรณีที่มีปัญหาในการตีความเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคําสั่งนี้ ให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาวินิจฉัยและให้ถือว่าคําวินิจฉัยดังกล่าวเป็นที่สุด
 
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
 
สั่ง ณ วันที่ ๒๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๗
 
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา
 
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net