เปิดผลประเมิน “ชุมชนศรัทธา” รายงานโครงการชิ้นสุดท้ายของ “อัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง” เผยข้อเสนอแนะหลากหลาย ทั้งการสร้างเครือข่ายและพื้นที่กลางให้ชุมชน การสื่อสารต่อสาธารณะ แผนงานสร้างสันติภาพ
“รายงานผลการประเมินโครงการการส่งเสริมบทบาทของประชาสังคมในการบรรเทาความยากจน (เครือข่ายชุมชนศรัทธา กัมปงตักวา จังหวัดชายแดนใต้)” เป็นผลงานชิ้นสุดท้ายของนายอัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง
อาจารย์อัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง เขียนรายงานชิ้นนี้ก่อนเสียชีวิตที่ประเทศสวีเดนเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2557 ที่ผ่านมา โดยเขาใช้เวลาตั้งแต่ต้นปีในการเก็บข้อมูล ลงพื้นที่ประเมิลผลถึงในชุมชน รวมถึงการเขียนรายงานชิ้นนี้ออกมา แต่ไม่ทันได้นำเสนอด้วยตัวเอง
รายงานชิ้นนี้ถูกการนำเสนอครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2557 โดยองค์การแอ็คชั่นเอดประเทศไทย ร่วมกับ มูลนิธิชุมชนไทและโครงการชุมชนศรัทธา กัมปงตักวา ที่โรงแรมซีเอส.ปัตตานี
ในการนำเสนอมีนายจำนงค์ จิตรนิรัตน์ ที่ปรึกษาเครือข่ายชุมชนเพื่อการปฏิรูปสังคมและการเมือง จ.อุบลราชธานี ดร.รังสิมา ไอราวัณวัฒน์ ผู้อำนวยการแอ็คชั่นเอด ประเทศไทย นางสาวรุ่งทิพย์ อิ่มรุ่งเรือง จากแอคชั่นเอด ประเทศไทย ร่วมอยู่ด้วย
ซึ่งแน่นอนว่า การนำเสนอเริ่มด้วยการอ่านบทขอพรอุทิศผลบุญให้แก่เขาด้วย จากนั้นผู้จัดงานจึงนำเสนอเนื้อหาที่อาจารย์อัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวงเขียนขึ้นมา
โดยอาจายร์อัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง ระบุในรายงานฉบับนี้ ซึ่งเป็นข้อเสนอโดยสรุปดังนี้
บนหลักการที่ดีงามและปฏิบัติได้จริง
กิจกรรมต่างๆที่ได้ดำเนินการนอกจากจะวางบนหลักการที่ดีงามและสามารถปฏิบัติได้จริง เช่น นำแกนนำ 4 เสาหลักในหมู่บ้านและอาสาสมัครเครือข่ายชุมชนศรัทธาจากทุกพื้นที่มาจัดกิจกรรมกระตุ้นความคิดของสมาชิกในชุมชน เพื่อตอบสนองความพร้อมของประชาชนในการเดินหน้า
บางหมู่บ้านมีความรู้พร้อมและมีความสามารถในการผลิต แต่ขาดความเข้าใจเรื่องการตลาด การออกแบบโครงการที่ไม่ระบุเรื่องเงินและไม่มีกระบวนการจัดการเงินทุนของตนเอง
ดังนั้นจึงควรมีการบริหารจัดการที่เข้มแข็งขึ้น โดยเฉพาะด้านการขับเคลื่อนชุมชนและการมีส่วนร่วม ความเป็นผู้นำและทักษะด้านต่างๆ ที่จะทำให้เกิดผลต่อการทำงานและการขับเคลื่อนในระดับแกนนำที่ชัดเจน
ต้องสร้างเครือข่ายและพื้นที่กลางให้ชุมชน
กระบวนการพัฒนาศักยภาพแกนนำ4 เสาหลักและอาสาสมัครเครือข่ายชุมชนศรัทธาเพื่อเพิ่มประสบการณ์ ความรู้ ความเข้าใจและหลักวิชาการในการบริหารจัดการองค์กร
จำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้นในการทำงานเชิงรุกและหาแนวทางในการสนับสนุนความคล่องตัวในการทำงานของแกนนำให้มากยิ่งขึ้น กล่าวคือ การสร้างการมีส่วนร่วมกับองค์กรภาคีในระดับท้องถิ่น ตำบล อำเภอ จังหวัดและประเทศ
จัดให้มีการสื่อสารระหว่างกันและกันให้ถี่ขึ้น ในรูปของการประชุม สัมมนา อบรมเชิงปฏิบัติการและการศึกษาดูงานระหว่างกันและกัน เป็นการเปิดพื้นที่กลาง (Common Space) ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
เพราะในสภาวะความขัดแย้งที่รุนแรง การเปิดพื้นที่กลางเช่นนี้มีไม่มากนัก แต่พื้นที่กลางเพื่อการพัฒนาชุมชน การพัฒนาเศรษฐกิจ การพัฒนาการศึกษา เป็นประเด็นร่วมที่ทุกชุมชนสามารถพูดคุยกันได้อย่างเปิดเผยและกว้างขวางมาก
ชุมชนต้องสื่อสารต่อสาธารณะ
การทำงานเชิงรุกในพื้นที่ที่ฝ่ายความมั่นคงกล่าวหาว่าเป็นพื้นที่ก่อความไม่สงบหรือพื้นที่สีแดง จำเป็นต้องให้ประชาชนในพื้นที่นั้นมีความเข้มแข็ง มีพื้นที่นำเสนอแนวทางที่ชุมชนดำเนินการและประสบความสำเร็จผ่านสื่อของชุมชน เช่น การบอกกล่าว คุตบะฮฺหรือเทศนาธรรมทุกวันศุกร์ตามมัสยิดในชุมชน
การฝึกนำเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านสิ่งพิมพ์สั้นๆแบบใบแจ้งข่าว หรือการประสานงานกับสื่อมวลชนในท้องถิ่น เช่น สถานีวิทยุชุมชน สถานีวิทยุและโทรทัศน์ให้มาทำข่าวเจาะลึกในประเด็นกิจกรรมที่ชุมชนได้ทำ
วิธีการเหล่านี้บางท้องถิ่นถือเป็นเรื่องใหม่และยุ่งยาก แต่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องที่ต้องสร้างการเรียนรู้ร่วมกับคนทำสื่อในสาขาต่างๆ ซึ่งปัจจุบันความรู้ความสามารถเหล่านี้หาได้ไม่ยากนักในพื้นที่
เชื่อว่ากระบวนการนี้คณะทำงานโครงการสามารถจะประสานขอความร่วมมือและอยู่ในวิสัยที่ภาคอื่นๆ ได้รับรู้และสามารถร่วมในบางกิจกรรมได้
แนะรวมพลังตั้งสถาบันชุมชนศรัทธา
ควรหาแนวทางในการสนับสนุนให้เครือข่ายชุมชนศรัทธารวมตัวเป็นกันเป็น“สถาบันชุมชนศรัทธา”เพื่อเป็นศูนย์กลางการช่วยเหลือสนับสนุนแนวทางการพัฒนาเชิงวิชาการด้านการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
โดยอาจประสานเครือข่ายทางวิชาการด้านการพัฒนาชุมชนร่วมกันในทุกองค์กรในประเด็นต่างๆของจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้อยู่ใต้ร่มเดียวกัน เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ ความรู้ ทักษะที่พึงประสงค์และการแสวงหาแหล่งเงินทุน อีกทั้งยังเป็นองค์กรร่วมประสานให้องค์กรเล็กๆสามารถมีที่ยืนและพัฒนาตนเองได้ในที่สุด
ต้องมีแผนงานสร้างสันติภาพให้ได้
มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวด ณ ขณะนี้คือ แผนงานในชุมชนจะต้องรุกไปข้างหน้าอย่างมั่นคง จะมีแนวทางและกระบวนการใดที่ตระหนักถึงกระบวนการสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งแนวทางที่ทุกชุมชนได้ปฏิบัตินั้น นับได้ว่าสามารถตอบโจทย์ความสามารถและศักยภาพของชุมชนในการแก้ปัญหาความไม่สงบได้
ดังนั้น เพื่อนำแนวทางนี้ไปสู่สันติภาพให้เกิดขึ้นในชุมชนได้ จึงจำเป็นต้องเดินหน้าแนวทางนี้อย่างเข้มแข็งและจริงจังให้มาก และลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้ใช้พื้นที่เดิมเป็นหลักมากกว่าการเพิ่มพื้นที่ใหม่ที่ต้องอาศัยระยะเวลาและการทำความเข้าใจอีกมาก
เมื่อแต่ละชุมชนสามารถทำงานการพัฒนาของตนอย่างเป็นระบบแล้ว การขยายพื้นที่ให้กว้างขวางและเป็นระบบมากขึ้น จะต้องให้ชุมชนเครือข่ายชุมชนศรัทธาเดินหน้ากันเองเป็นหลัก ส่วนองค์กรภาคีคือองค์กรพี่เลี้ยงจะอยู่ห่างๆ และคอยสนับสนุนจุนเจือในสิ่งที่ชุมชนต้องการหรือเติมเต็มมากกว่าที่จะเป็นผู้มากกำกับ
ข้อขัดข้องต่างๆ เป็นวิทยปัญญา
ในสภาวะความไม่สงบและความรุนแรงในพื้นที่ซึ่งเป็นความไม่พึงประสงค์ของทุกคนและทุกชุมชน แต่ในทัศนะอิสลามถือว่าเป็นการทดสอบประการหนึ่งของพระเจ้า เมื่อเกิดเหตุร้ายอย่างหนึ่งขึ้นมา ก็ย่อมจะมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะเป็นทางออกในการป้องกันและแก้ไขความเลวร้ายนั้นๆ เพื่อเป็นการทดสอบผู้นับถือศาสนาอิสลามว่ามีความเชื่อมั่นศรัทธามากขึ้นเพียงใด
อิสลามเรียกสภาวการณ์เช่นนี้ว่า “ฮิกมะฮ.” หรือ “วิทยปัญญา” เพราะเมื่อเกิดปัญหาและความไม่สงบขึ้น จะเปิดโอกาสให้พื้นที่แสวงหาทางออกที่ดีและเหมาะสม กรณีเช่นนี้เมื่อทำสิ่งใดอย่างตั้งใจและมีความพยายามเต็มกำลังจนประสบความสำเร็จ ก็ต้องเข้าใจว่าเป็นความสำเร็จได้รับการอนุมัติจากพระเจ้าแล้ว และทุกคนจะยอมรับและศรัทธามั่นต่อศาสนา
ในขณะเดียวกันเมื่อเกิดปัญหาอุปสรรคในการทำงานต่างๆจะถือเป็นการ “ทดสอบ” ซึ่งการสำรวมและตั้งมั่นในเจตนาและมีความพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อหาทางออกที่อยู่บนพื้นฐานทางศาสนา
ดังนั้นการสร้างความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในหลักศาสนาและนำแนวทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ความเป็นไปของสังคมอย่างรอบคอบมาใช้ จึงทำให้กิจกรรมในโครงการนี้สามารถดำเนินการได้สำเร็จในหลายๆพื้นที่อย่างคาดไม่ถึง
แม้ว่าการขับเคลื่อนจะมีข้อจำกัดเรื่องความไม่สงบในพื้นที่ รวมทั้งการบังคับใช้กฎหมายพิเศษที่เป็นอุปสรรคก็ตาม แต่ชุมชนเป้าหมายส่วนใหญ่สามารถฟันฝ่าอุปสรรคและปัญหาข้างต้นได้ จนสามารถเป็นแบบอย่างแก่ชุมชนอื่นๆ ของประเทศต่อไปได้เป็นอย่างดี
ต้องหาคนแทน “อัฮหมัดสมบูรณ์”
นายแวรอมลี บูละ จากโครงการชุมชนศรัทธา กล่าวว่า เราขับเคลื่อนชุมชนเพื่อให้เกิดสันติภาพในชุมชน ตลอดจนสันติภาพของสังคม รวมไปถึงสันติภาพของชาติได้ เครือข่ายชุมชนศรัทธาจะเป็นผู้นำในกระบวนการการสันติภาพชายแดนใต้ หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โครงการของเราครบองค์ประกอบที่จะสามารถสร้างสันติภาพได้ แต่ยังมีข้อด้อยในบางเรื่อง
สันติภาพต้องมีนักเชื่อมต่อ
“เรายังคาดหวังกับสันติภาพได้อยู่ สื่อบางสำนักบอกว่าโครงการของเราตรงประเด็น และงานที่อาจารย์อัฮหมัดสมบูรณ์เขียนมาไม่ได้เขียนลอยๆ แต่สามารถปฏิบัติได้จริง แต่อาจารย์ต้องอยู่ดำเนินการกับเราด้วย แต่วันนี้อาจารย์ไม่อยู่แล้วและเรายังหาคนอย่างอาจารย์ไม่ได้ ซึ่งหายากมากสำหรับคนที่สามารถเชื่อมคนทั้งในระดับ Track 1, 2 และ 3 ได้ เพราะสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยคนทุก Track เห็นด้วย” นายแวรอมลี กล่าว
นางปรีดา คงแป้น ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไทย กล่าวว่า วันนี้เราเห็นการเรียนรู้ท่ามกลางการทำ เรามีพื้นที่สันติภาพในชุมชนแต่ต้องสื่อสารออกไปให้ได้ เมื่อชุมชนเริ่มต้นก็จะได้รับการหนุนต่อจากภายนอกได้
โต๊ะอิหม่ามยาโก๊ะ ตัวแทนชุมชนศรัทธา กล่าวว่า เราจะขับเคลื่อนชุมชนศรัทธาต่อไปอย่างไร? ความจริงคนทำงานด้านนี้มีอยู่ทั่วประเทศ เช่น ดะวะห์ตับลิฆ เราต้องไปอบรมเขาให้สามารถเชื่อมโยงการทำงานที่ใช้หลักศาสนาให้ได้
คลิกอ่านรายงานฉบับเต็ม
รายงานผลการประเมินโครงการการส่งเสริมบทบาทของประชาสังคมในการบรรเทาความยากจน (เครือข่ายชุมชนศรัทธา กัมปงตักวา จังหวัดชายแดนใต้) จัดทำโดย อัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง