Submitted on Tue, 2014-11-25 10:13
'I have great hope and faith in the young' …'I want Hunger Games to stir up a revolution’: Donald Sutherland, นักแสดงนำในบทบาทของ President Snow
การเรียงแถวกันออกมาวิจารณ์ การชูสามนิ้ว หรือ Three Fingered Salute ของนักศึกษาในไทยเพื่อต่อต้านการปิดกั้นเสรีภาพของรัฐ โดยระดับรัฐมนตรีไปจนถึงนักการเมืองและพวกวงการบันเทิง ว่าเป็นการตีความที่ผิด เกินเลยจากภาพยนตร์บ้าง สัญลักษณ์ดังกล่าวเป็นแค่หนัง ดราม่า ไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิตจริงบ้าง ไปจนกระทั่งห่วงกลัวจะอับอายขายหน้าฮอลีวูดบ้าง ทัศนะดังกล่าวไม่เพียงสะท้อนโลกอันคับแคบของสังคมท่องจำแบบไทยๆ ที่ขาดทักษะในการคิดและจินตนาการ หากแต่ยังชี้ให้เห็นถึงความล้าหลัง ตามสังคมโลกไม่ทัน ไม่รู้แม้กระทั่งว่า impact ของหนังเรื่องนี้ที่มีต่อโลก และกระทั่งในอเมริกาเองนั้นเป็นอย่างไร และสัญลักษณ์ชูสามนิ้ว ได้กลายเป็นสัญญะของการต่อต้านความไม่เป็นธรรมที่เป็นอยู่ในที่ต่างๆทั่วโลกอย่างไรบ้าง
อันที่จริง นับแต่ Hunger Games: Catching Fire ออกฉายตั้งแต่ปีที่แล้ว สัญลักษณ์ชูสามนิ้ว ได้กลายเป็นสัญญะแห่งการต่อต้านความไม่เป็นธรรม โดยประชาชนที่ถูกกระทำและเบียดขับโดยรัฐและทุน (the Capitol) ในบริบทต่างๆกันทั่วโลก การรณรงค์ภายใต้ชื่อ Odds in Our Favour โดยกลุ่มที่เรียกตนเองว่า The Harry Potter Alliance ได้เชิญชวนให้ผู้คนถ่ายเซลฟี่รูปตนเองชูสามนิ้ว และโพสต์ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการต่อต้านความไม่เป็นธรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในโลกตะวันตกและที่อื่นๆ สัญลักษณ์ชูสามนิ้วที่ใช้ใน District 12 ซึ่งเป็นเขตที่ยากจนที่สุดใน The Hunger Games ได้ถูกให้ความหมายว่าเป็นสัญลักษณ์ของการประท้วงรัฐและทุนขนาดใหญ่ที่ละเลยและสร้างปัญหาความยากจนและการตกงานอย่างกว้างขวางในสหรัฐฯ การรณรงค์ “Odds in Our Favour” ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง และยังคงเชิญชวนให้ผู้คนแลกเปลี่ยนเรื่องราวของตนเองผ่านเว็ปเพจ http://oddsinourfavor.org/ มาจนปัจจุบัน ข่าวคราวของการรณรงค์นี้ปรากฎใน The Guardian ตั้งแต่ปีที่แล้ว
แต่ทีเด็ดของเรื่องนี้ น่าจะอยู่ที่บทสัมภาษณ์ของ Donald Sutherland ผู้รับบทของ President Snow ในเรื่อง โดย The Guardian เพราะนักแสดงแคเนเดียนผู้นี้ ให้สัมภาษณ์อย่างชัดถ้อยชัดคำว่า The Hunger Games นั้น ไม่ได้เป็นแค่หนัง แต่เป็นรหัสหมายที่แสดงให้เห็นถึงความไม่เสมอภาค อำนาจ และความหวัง ที่ปรากฎอยู่ในสังคมปัจจุบัน เพียงแต่เรามองมันให้ดีและตั้งใจ ก็ย่อมจะเห็นสิ่งแวดล้อมทางการเมืองของสังคมที่พวกเราอยู่กัน และย่อมเริ่มที่จะฉุกคิด ตั้งคำถาม แทนที่จะอยู่กันไปแบบพอใจไปวันๆ และตรงข้ามกับบรรดาผู้นำแห่งสังคมท่องจำในไทย นักแสดงผู้นี้เห็นว่า ภาพยนต์ไม่เพียงสะท้อนความเป็นไปของสังคมเท่านั้น หากแต่สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนหนุ่มสาวด้วย เขาเห็นว่า Hunger Games ที่ฉายต่อเนื่องหลายปีย่อมสร้างผลกระทบสะสมได้ คนหนุ่มสาวอาจไม่ลุกขึ้นมาปฏิวัติ แต่หนังย่อมสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งต่อพวกเขา "They might create a third party. They might change the electoral process, they might be able to take over the government, change the tax system." สำหรับSutherland แล้ว หนังเป็น political activism ประเภทหนึ่ง
อยากแนะนำให้พวกนักวิจารณ์ทั้งหลายได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ Sutherland หูตาจะได้สว่างขึ้นบ้าง