Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

 

 

มีคนบอกว่า เด็กก็เหมือนผ้าขาว ที่โตขึ้นมาพร้อมกับการป้ายสีเติมแต่ง ของสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสอนสั่งของพ่อแม่ และสังคม. ราวกับจะบอกว่าสังคมนั้นมีสีที่ดีพอที่จะป้ายแต่งลงบนผ้าขาวบริสุทธิ์

หรือข้าพเจ้าจะแปลกแยกจากสังคมนี้ จนกระทั่งคิดไปว่า ในตัวของเด็กคนหนึ่งนั้น ประกอบขึ้นด้วยผ้าขาวและจิตรกร. ประสบการณ์ชีวิต. ความคิด ความทรงจำ. นั่นคือผืนผ้าใบสีขาว ซึ่งเตรียมใว้ให้จิตรกรตัวน้อย เจ้าของผืนผ้าใบเป็นผู้คัด และเลือกสีที่เขาอยากจะวาด อยากจะระบายลงไป. สีดังกล่าว. หาได้จากสังคมรอบตัว ผ่านการอบรมสั่งสอนและการกล่อมเกลาทางสังคม สังคมมิได้มีฐานะเป็นผู้แต่งเติมสีสันลงบนผ้าขาว แต่เป็นเพียงกระปุกสี ที่มีไว้ใหัจิตรกรน้อยเลือกสรรบรรจงแต่งเท่านั้น

ช่างคับแคบเหลือเกินที่เรามองว่า ตัวของเราเป็นผู้แต่งแต้มผ้าใบสีขาว. ทั้งที่ความเป็นจริง เรายังไม่สามารถตอบตัวเองได้เสียด้วยซ้ำ ว่าสีที่เราเลือกระบาย มันดีกับเขาหรือไม่  เราต่างยัดเยียดประสบการณ์ที่เราคิดว่าดีที่สุด ระบายลงไปบนผืนผ้าใบที่มิใช่ของเรา. เช่นนั้นแล้วเมื่อใดจิตรกรน้อยจะได้รู้จักการผสมสีที่ชอบ. และเลือกภาพที่ใช่เล่า

บางครั้ง ในท้ายที่สุด โลกที่เราประสงค์จะระบายสี ก็จะกลับกลายเป็นโลกบนผืนผ้าใบสีขาว. ที่ไม่มี...ไม่สิ มีสีมากมายหลากหลาย. จนรวมกันคล้ายหรือกลายเป็นสีขาว ในท้ายที่สุด ข้าพเจ้าคิดว่า เด็กๆ ไม่ได้อะไรเลยจากการบังคับควบคุมผสมสี  คงมีเพียงความสับสนว่าเขาระบบายสิ่งใดบนผืนผ้าใบของฉัน

ผืนผ้าใบสีขาวหม่น ที่เติบใหญ่ขึ้นในการต่อมา หากเขาได้มีเวลาที่จะคิดทบทวน สักวันสีสันคงปรากฎบนผืนผ้า แต่หากวันใด เขามิเข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น และยืนยันที่จะเติมเต็มผืนผ้าใบของผู้หนึ่งผู้ใด ด้วยสีสันที่เจ้าของมิได้เลือกสรรแล้ว โลกของเราคงกลายเป็นสีาว(ขุ่น) ของคนขุ่นขาว. ได้แต่หวังและรอคอย ให้สีสรรแห่งชีวิต จะได้เชิดฉายขึ้นมาสักครั้ง

ข้าพเจ้ามิได้กล้าวโทษ ผู้หนึ่งผู้ใดที่ป้ายสีสันลงบนตัวของขัาพเจ้า กลับกัน ข้าพเจ้าเป็นผู้หนึ่งที่โชคดี ที่นักระบายสีที่เข้ามามีส่วนในชีวิตของข้าพเจ้านั้น มิใช้คนที่ละเลงสีลงบนผืนผ้าของข้าพเจัาอย่างไม่ยั้งคิด พวกเขาทั้งหลายเติมสีระบายเส้น ในฐานะของผู้ที่คอยชี้นำ คอยสอนว่าผสมสีใดจึงดี สีใดจึงสวย สีใดไม่ควรที่จะผสม แล้วปล่อยให้ข้าพเจ้าเป็นผู้เลือกสีที่จะเติมด้วยตนเอง เขาเพียงเฝ้ามอง ด้วยความรักและห่วงใย หาใช่คอยจ้องจับผิด

ทุกวันนี้ เรามีจิตรกรอยู่มากมายเหลือเกิน จิตรกรที่วางตนในฐานะผู้รู้ดีและระบายสีให้โลก. จนหลงลืมไปว่า. โลกนี้มิใช้ผืนผ้าใบของเขา. เขาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของจิตรกรหลายล้านคน ที่มาร่วมแบ่งปันภาพวาดแห่งชีวิต และแต่งเติมสีสันให้ับโลกผ่านภาพเหล่านั้น ข้าพเจ้าคิดเล่นๆนะ. ว่าเราคงไม่ต้องการจิตรกร. ที่คอยแต่งแต้มภาพวาดของผู้อื่น ให้เป็นดังเช่นภาพวาดของตน เราต้องการเพียงจิตรกร ที่อาสาที่จะสอนการผสมสี ในแบบที่ตนว่าดี เพื่อนำมาเป็นตำรา คัดและแยกออกมาเป็นกระปุกสีให้จิตรกรน้อย รวมถึงจิตรกรท่านอื่น ได้อ่าน และเลือกสรรที่จะใช้ ก็เท่านั้น

 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net