เสนอเร่งผลักดัน พ.ร.บ. ทวงหนี้ พร้อมเพิ่มมาตรการปกป้องลูกหนี้จากการติดตามทวงหนี้

องค์กรอิสระฯ นักกฎหมาย และตัวแทนลูกหนี้นอกระบบ เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค เรียกร้องเพิ่มมาตรการเยียวยาลูกหนี้ ใน พ.ร.บ.ทวงหนี้ หวังป้องปรามเจ้าหนี้ใช้วิธีผิดกฎหมาย

20 ต.ค 2557 คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน นักกฎหมาย ตัวแทนลูกหนี้  มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และชมรมหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล  ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายมนตรี ศรีเอี่ยมสะอาด ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ.... เพื่อเสนอความเห็นและข้อเสนอต่อ คณะกรรมาธิการฯ ให้คณะกรรมาธิการฯ พิจารณาแก้ไขบทบัญญัติในกฎหมายเพื่อให้เกิดการคุ้มครองลูกหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบให้ได้รับความเป็นธรรมจากการทวงถามหนี้  ทั้งนี้เสนอให้เพิ่มเติมมาตรการเยียวยาความเสียหายแก่ลูกหนี้  ที่ได้รับผลกระทบจากการทวงหนี้ด้วย  และขอให้เร่งการออกกฎหมายฉบับนี้โดยเร็วเพื่อเป็นมาตรการคุ้มครองลูกหนี้และลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับลูกหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ

จากกรณีปัญหาการทวงถามหนี้  ที่เจ้าหนี้และผู้ทวงถามหนี้ใช้วิธีการต่างๆ กับลูกหนี้ เช่น การข่มขู่ให้กลัว   การใช้วาจาหยาบคาย ดูหมิ่น ทำลายทรัพย์สิน   ยึดทรัพย์โดยพลการ หรือการทำร้ายร่างกาย  และการกระทำที่ทำให้ลูกหนี้หลงเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ  การที่กล่าวนั้น  กฎหมายอาญาไม่สามารถดำเนินคดีกับผู้ติดตามทวงถามหนี้หรือเจ้าหนี้เหล่านั้น   ทำให้ลูกหนี้หาทางออกวิธีที่ไม่เหมาะสมและไม่เกิดประโยชน์กับลูกหนี้ เช่น กู้เงินนอกระบบมาชำระหนี้ในระบบ,ตัดสินใจออกจากงานทนแรงกดดันไม่ไหว, เลิกกับครอบครัว รวมไปถึงการฆ่าตัวตายดังที่เป็นข่าว

นางสายฝน  ตัวแทนลูกหนี้ กล่าวว่า “อยากเร่งให้กฎหมายฉบับนี้ออกมาบังคับใช้ซะที เพราะสงสารเพื่อนๆ ที่ถูกทวงหนี้ บางคนโดนขู่จนกลัวไม่กล้าไปทำงาน บางคนโดนด่าว่าหยาบคาย ไปแจ้งความตำรวจไม่รับแจ้งความ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร เราเป็นหนี้ก็ทราบค่ะว่าต้องใช้หนี้ แต่บางครั้งเราหาเงินมาใช้หนี้ไม่ทัน มาครั้งนี้เพื่อขอให้ทางคณะกรรมาธิการฯ ช่วยแก้กฎหมายให้ครอบคลุมหนี้นอกระบบด้วย”

ด้าน นายชัยรัตน์  แสงอรุณ  ที่ปรึกษานักกฎหมายและทนายความ องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน กล่าวว่า “ กฎหมายฉบับนี้  ควบคุมพฤติกรรมของผู้ทวงหนี้  ที่ดำเนินคดีด้วยกฎหมายอาญาไม่ได้  และบทกำหนดโทษใน พรบ.นี้  สูงกว่ากฎหมายอาญา  ซึ่งน่าจะเป็นมาตรการในการป้องปรามไม่ให้เจ้าหนี้หรือผู้ติดตามหนี้กระทำการที่ผิดกฎหมาย  แต่เมื่อลูกหนี้ได้รับความเสียหายจากการทวงหนี้ควรได้รับการเยียวยาด้วย  เช่น  การทำลายทรัพย์สินของลูกหนี้  เจ้าหนี้ควรต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหาย เป็นต้น”

ภญ.ชโลม เกตุจินดา  กรรมการและอนุกรรมการด้านการเงินการธนาคาร องค์การอิสระฯ  ให้ความเห็นว่า  การออกกฎหมายแต่ละฉบับนั้นเป็นเรื่องยากจึงเห็นว่า  กฎหมายควรครอบคลุมหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ เนื่องจากคณะกรรมการฯ ได้ทำความเห็นและข้อเสนอแนะต่อกฎหมาย จากการรับฟังปัญหาของประชาชน  การมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายโดยเฉพาะภาคประชาชนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง  ขอเสนอให้กฎหมายฉบับนี้มีคณะกรรมการที่มาจากภาคประชาชนด้วย เช่น สหพันธ์องค์การผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค  เป็นต้น

นอกจากนี้ นายชูชาติ บุญยงยศ ประธานชมรมหนี้บัครเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล และอนุกรรมการด้านการเงินการธนาคาร องค์การอิสระฯ กล่าวว่า ที่มายื่นหนังสือในวันนี้เพื่อให้เห็นว่าอะไรมันยังไม่ครอบคลุมเป็นข้อบกพร่อง ในฐานที่เป็นภาคประชาชนเห็นว่ามันยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด สิ่งที่อยากให้เพิ่มเติมคือ การบังคับของสถานบันการเงินหรือธนาคารที่ปล่อยบัตรเงินสดหรือสินเชื้อให้กับลูกหนี้ แล้วบังเอิญเป็นธนาคารเดียวกับที่ลูกหนี้เงินได้รับเงินเดือนธนาคารนั้นๆ พอลูกหนี้จ่ายไม่ไหวเขาดูดเงินลูกหนี้ไปใช้หนี้เกลี้ยงทำให้ลูกหนี้ไม่มีเงินใช้ ตรงนี้มันทำไม่ได้มันผิดกฎหมายเพราะการยึดเงินเดือนของลูกหนี้ตามกฎหมายต้องฟ้องศาลก่อน เมื่อศาลมีคำสั่งจึงเข้าสู่กระบวนการอายัดเงินเดือนได้สูงสุด 30% ของเงินเดือน รวมทั้งในกรณีในระหว่างการทวงหนี้ทุกครั้งที่เจ้าหนี้ทวงหนี้ครั้งละ 350 บาท หากเดือนนั้นทวงสองครั้งก็จะเป็นเงิน 700 บาท ซึ่ง 700 บาทนี้นำไปรวมกับเงินต้นแล้วนำมาคิดดอกเบี้ยซ้ำ หากกรณีนี้นำเข้าสู่กระบวนการศาลๆ ไม่ให้ ศาลตัดออกหมด ลูกหนี้ไม่ควรจ่ายค่าทวงหนี้ที่ส่ง sms เพียงข้อความละ 2   บาท แต่คิดเป็นค่าทวง 350 บาทต่อ sms

นายชูชาติ ยังกล่าวถึงว่า ส่วนในกรณีกู้เงินนอกระบบจะมีการยึดบัตรเอทีเอ็มพร้อมสมุดบัญชีไปกดเงินเองไปกดเงินเอง อยากให้กฎหมายตรงนี้เขียนไว้ว่าอย่ายึดบัตรเอทีเอ็มและสมุดบัญชี

อย่างไรก็ตาม นายมนตรี ศรีเอี่ยมสะอาด กล่าวถึงการพิจารณาร่าง พรบ.ทวงถามหนี้ ว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้พยายามเร่งรัดให้กฎหมายทวงถามหนี้ออกโดยเร็ว  คาดว่าอีกประมาณ 3-4 อาทิตย์จะพิจารณาแล้วเสร็จ ทั้งนี้จะเร่งพิจารณาให้กฎหมายออกมาบังคับใช้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเป็นของขวัญต้อนรับปีใหม่ให้กับผู้บริโภค

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท