Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis
เนื่องในวันนี้ 30 สิงหาคม เป็นวันรำลึกเหยื่อการบังคับบุคคลให้สูญหายสากล (International Day of the Victims of Enforced Disappearances) แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล จึงได้ออกบทความพิเศษเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการบังคับบุคคลให้สูญหายที่ยังคงเกิดขึ้นอยู่ทั่วทุกมุมโลก โดยเฉพาะในซีเรียซึ่งมีผู้ถูกบังคับให้สูญหายจำนวนมากในขณะนี้
 
ครั้งสุดท้ายที่ราเนีย (ไม่ใช่ชื่อจริงของเธอ) พูดกับโมฮัมเหม็ด บาเชียร์ อาหรับ (Mohamed Bachir Arab) ซึ่งเป็นเพื่อนครั้งสุดท้ายคือเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2554 โมฮัมเหม็ดเป็นแพทย์ที่ขยันทำงานและเป็นนักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จริงจัง เขาต้องหลบซ่อนตัวเป็นเวลาหกเดือน เพื่อหลบหนีจากเครือข่ายที่กว้างขวางของหน่วยข่าวกรองซีเรีย ซึ่งมักนำตัวนักเคลื่อนไหวอย่างสันติแบบเขาไปคุมขัง
                
วันต่อมาความกลัวที่ร้ายแรงสุดของเธอก็เป็นจริงขึ้นมา ข่าวสั้นในช่วงค่ำประกาศว่าโมฮัมเหม็ดถูกจับกุม ญาติของเขาไม่ทราบว่าเขาถูกจับตัวไปที่ไหน
                
โมฮัมเหม็ดเป็นคนที่น่าสนใจ เขาเป็นนักเคลื่อนไหวตั้งแต่เป็นนักศึกษาเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในกรุงอาเล็ปโป ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย หลายปีที่ผ่านมา เขาจัดประท้วงต่อต้านนโยบายรัฐบาลหลายครั้ง ทำให้เขากลายเป็นคู่กรณีกับทางการ ระหว่างปี 2547-2548 เขาถูกควบคุมตัวเป็นเวลาหลายเดือนก่อนจะได้รับการปล่อยตัว
                
แต่คราวนี้ทั้งญาติและเพื่อนร่วมงานกลัวว่าสถานการณ์จะไม่เหมือนเดิม นับแต่เกิดวิกฤตในซีเรียขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2554 จำนวนบุคคลที่ถูกควบคุมตัวอย่างลับ ๆ โดยรัฐ หรือถูกบังคับให้สูญหาย เพิ่มจำนวนจนยากแก่การควบคุม
                
“ทางการซีเรียใช้ยุทธศาสตร์ที่โหดร้ายจัดการกับคนที่เห็นต่าง แค่พูดต่อต้านพวกเขาเพียงครั้งเดียว พวกเขาก็จะจับกุมคุณ ถ้าทำซ้ำอีกครั้ง มีสิทธิว่าคุณอาจจะหายตัวไป”  ฟิลิป ลูเธอร์ (Philip Luther) ผู้อำนวยการประจำภูมิภาค ตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าว
                
หลายคนซึ่งโชคดีได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกควบคุมตัวไว้เป็นเดือนหรือเป็นปี ต้องทนทุกข์กับบาดแผลที่ติดตัวจากการปฏิบัติที่โหดร้ายระหว่างถูกควบคุมตัว
                
พวกเขาส่วนใหญ่ให้ข้อมูลว่าถูกย้ายไปยังสถานที่ควบคุมตัวหลายแห่ง เป็นข่ายใยการทรมานที่มืดมิดภายใต้การควบคุมของหน่วยข่าวกรองและกองทัพซีเรีย
            
“ถ้าบุคคลใดถูกจับกุมและควบคุมตัวอย่างเป็นความลับ มีโอกาสสูงที่พวกเขาจะถูกทรมานเพื่อรีดข้อมูล หรือเพื่อลงโทษ ประวัติที่เลวร้ายของซีเรียทำให้มีความเสี่ยงสูงมากว่าการปฏิบัติมิชอบเช่นนั้น จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้สูญหาย หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิต” ฟิลิป ลูเธอร์กล่าว
                
และสำหรับผู้ที่ยังอยู่ภายนอก ความเจ็บปวดเพราะไม่ได้รับข้อมูลอะไรเลยเป็นเรื่องที่ยากจะทนทาน
                
ทันทีที่ครอบครัวของโมฮัมเหม็ดทราบว่าเขาถูกจับกุม พวกเขาก็เริ่มค้นหาข้อมูลว่าโมฮัมเหม็ดถูกควบคุมตัวที่ใด
                
ในเบื้องต้นพวกเขาแทบไม่มีข้อมูลอะไรเลย แต่ผ่านไปสักพักหนึ่งก็เริ่มมีข่าวกระจัดกระจายเข้ามา ผู้ชายหลายคนที่ถูกปล่อยตัวมาจากสถานที่ควบคุมตัวที่มีชื่อเสียงมากสุดของประเทศ มักจะแจ้งข้อมูลให้ญาติทราบว่า ได้เคยเห็นโมฮัมเหม็ดอยู่ในสถานที่หลายแห่ง
                
ไม่นานหลังถูกจับกุม มีผู้พบเห็นโมฮัมเหม็ดอยู่ในที่ตั้งหน่วยข่าวกรองของกองทัพอากาศในกรุงอาเล็ปโป และต่อมาไปที่โรงพยาบาลในเมืองเดียวกัน ชายที่ให้ข้อมูลบอกว่าโมฮัมเหม็ดได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ และมีรายงานข่าวว่าเขาถูกทรมานหรือถูกปฏิบัติอย่างโหดร้าย
                
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้สอบถามจากหลายคนที่เคยถูกควบคุมตัวที่ศูนย์แห่งนี้ หนึ่งในนั้นซึ่งในปัจจุบันอาศัยอยู่นอกประเทศซีเรียและขอที่จะไม่เปิดเผยชื่อบอกว่า ชีวิตในศูนย์กักตัวแห่งนี้เลวร้ายมาก บ่อยครั้งที่เขาคิดว่าตายเสียดีกว่าอยู่
                
ชายผู้นั้นอธิบายว่าผู้ถูกควบคุมตัวมักถูกทุบตีอย่างทารุณ ถูกขังในห้องขังที่แออัด สภาพที่ขาดแคลนน้ำเป็นเหตุให้พวกเขาต้องดื่มน้ำจากในห้องน้ำ สภาพที่ขาดสุขอนามัยอย่างรุนแรงเป็นเหตุให้เกิดการระบาดของโรคท้องร่วงและโรคติดต่ออื่น ๆ และทำให้ผู้ถูกควบคุมตัวหลายคนเสียชีวิต
                
จากข้อมูลของผู้ถูกควบคุมตัวที่ได้รับการปล่อยตัวคนอื่น ๆ มีผู้พบเห็นโมฮัมเหม็ดอยู่ตามสถานที่ควบคุมตัวต่าง ๆ ทั้งที่หน่วยข่าวกรองของกองทัพอากาศอัล-อาเมียร์ยา (al-Ameerya) ในกรุงดามัสกัส และที่หน่วยข่าวกรองทหารสาขากาบวน (Qaboun)
                
แต่แทบไม่มีข่าวคราวเกี่ยวกับที่อยู่ของโมฮัมเหม็ดเลย เมื่อต้นปีนี้ ชายอีกคนหนึ่งบอกว่าเคยเห็นโมฮัมเหม็ดอยู่ที่คุกทหารเซนายา (Saydnaya) และเขาอาจได้รับการนำตัวไปที่ศาลทหารแล้ว แต่ทุกวันนี้ไม่มีใครทราบชะตากรรมของเขา
                
“เหตุที่โมฮัมเหม็ดถูกควบคุมตัวมาเป็นเวลาเกือบสามปีแต่ไม่มีใครทราบว่าเขาอยู่ที่ใด ทำให้เกิดภาพที่น่าอับอายเกี่ยวกับเครือข่ายลับของสถานที่ควบคุมตัวของทางการซีเรีย กองทัพที่โหดร้ายควบคุมตัวบุคคลในที่ลับ และพาตัวพวกเขาไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยไม่คำนึงถึงความทุกข์แสนสาหัสที่เกิดขึ้นกับญาติของพวกเขาเลย” ฟิลิป ลูเธอร์กล่าว
                
โมฮัมเหม็ดเป็นหนึ่งในรายชื่อยาวเหยียดของนักเคลื่อนไหวแนวทางสันติ ทนายความ นักข่าว และผู้ปฏิบัติงานด้านมนุษยธรรม ซึ่งถูกมองว่าต่อต้านนโยบายของทางการซีเรีย เป็นเหตุให้กองทัพนำตัวพวกเขาไปควบคุมตัวอย่างเป็นความลับ หลายคนยังหายตัวไป
                
ชื่อของพวกเขาประกอบด้วยอาลี มาห์มุด (Ali Mahmoud) นักข่าวพลเมืองซึ่งถูกจับกุมตัวที่กรุงฮอมส์ในเดือนมีนาคม 2555 จูวาน อาบิด เราะห์มาน คาลิด (Juwan Abd Rahman Khaled) นักเคลื่อนไหวชาวเคิร์ดที่ถูกควบคุมตัวที่กรุงดามัสกัสในเดือนกันยายน 2555 คาลิล มาตู (Khalil Ma’touq) ทนายความสิทธิมนุษยชนซึ่งมีผู้พบเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้ายใกล้กรุงดามัสกัสในเดือนตุลาคม 2555 และนัสเซอร์ เซเบอร์ บอนเด็ก (Nasser Saber Bondek) กวีและนักเคลื่อนไหวด้านมนุษยธรรมที่ถูกลักพาตัวจากบ้านในกรุงดามัสกัสเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2557
                
ยังมีรายชื่ออีกจำนวนมาก พวกเขาเป็นปิศาจของสงครามในซีเรีย
                
ระหว่างให้สัมภาษณ์จากบ้านพักแห่งหนึ่งนอกประเทศซีเรีย ราเนียบอกว่าเธอจะยังคงค้นหาโมฮัมเหม็ดต่อไป “ในช่วงแปดเดือนที่ผ่านมา ดิฉันไม่ได้ข่าวที่น่าเชื่อถือเลยเกี่ยวกับโมฮัมเหม็ด แต่เรายังคงตามหาตัวเขาอยู่ เขาเป็นบุคคลที่รักสันติมาก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเอาเขาไปขังคุก จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงในซีเรีย”

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net