“เพศแม่” - “ความเจ็บป่วย”: อัตลักษณ์ลวงตาของมนุษย์เพศหญิง

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

 

ก่อนจะมาพูดคุยถึงเรื่องปัญหาของการที่เรามองผู้หญิงโดยยึดติดกับกรอบโครงสร้างทางสังคมที่ยังมองว่า “ผู้หญิงเป็นเพศแม่” ผู้เขียนก็ต้องขอออกตัวว่าการใช้ประสบการณ์เขียนเกี่ยวกับเรื่อง ความเป็นแม่ (maternity-motherhood) เกิดมาจากประสบการณ์และการรับรู้ของตนเกี่ยวกับมโนทัศน์ของความเป็นแม่ที่สตรีไทยถูกปลูกฝัง พร่ำสอนให้เห็นว่าเป็นหญิงแล้วเกิดมาก็ต้องเป็นแม่เยี่ยงดั่งสรณะที่สลัดไม่ออก ดังนั้นข้อเขียนนี้จึงมาจากประสบการณ์การมองความเป็นแม่ในกรอบสายตาของวัฒนธรรมที่ผู้เขียนประสบ หาใช่การเหมารวมปัญหาของผู้หญิงในภูมิภาคอื่น

ในสังคมไทยเรามักจะยกย่องเชิดชูผู้หญิงให้เปรียบดั่งแม่ฟ้า แม่พระ เป็นนางงามรักเด็ก เพียงเพราะเธอนั้นเกิดมาเป็น “เพศแม่” แต่สิ่งที่ประหลาดคือ เพศแม่ทำไมถึงถูกจำกัดไว้เพียงกับแค่มนุษย์เพศหญิง ทั้งที่มนุษย์เพศชาย หรือเพศอื่นใดก็สามารถมีบทบาทของการเป็นผู้อุปการะลูกได้เช่นกันมิใช่หรือ ? ทำไมนายงามถึงไม่ต้องรักเด็ก ? เกย์ ตุ้ด ทอม ละ? ข้ออ้างที่มั่นใจกันเหลือเกินว่าประสบการณ์ความเป็นแม่เป็นสิ่งที่มนุษย์เพศหญิงเท่านั้นถึงจะมีได้ แท้จริงแล้วก็เป็นแค่ภาพลวงตาหรือ illusion ที่พร้อมจะหลอมสร้างให้อัตลักษณ์ (identity) ของผู้หญิงนั้นมีความพิเศษกว่าอื่นได้โดยการดึงความต่างของ “มดลูก” “รังไข่” “การคลอด” ออกมาเป็นประสบการณ์พิเศษ โดยหากเราจะตัดสินกันอย่างแฟร์ๆ จริงๆ ทุกๆ คน มนุษย์ไม่ว่าจะเพศไหนก็ตามล้วนแต่มีประสบการณ์พิเศษและแตกต่างกันไม่เหมือนใครอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ? ทำไมเราถึงต้องจับมนุษย์เพศหญิงไว้เป็นเทพเจ้าแห่งการบูชาความเป็นแม่โดยยึดติดว่านั้นคือประสบการณ์ที่สุดจะอิ่มเอมเปรมปรีด์กว่าอื่นใด

ด้วยที่ว่าปัญหาของสังคมไทยที่ยังยึดติดกับการสร้างอัตลักษณ์ “ความเป็นแม่” ให้แก่เพศหญิง ซึ่งมันหาได้มากับการยกยอปอปั้น แต่ทว่ามันมาพร้อมกับการลดคุณค่าของผู้หญิงให้ต้องมาพร้อมกับ “ความอ่อนแอ” ผู้หญิงในสังคมนี้ไม่อาจจะถูกแตะต้องได้ด้วยวิธีคิดที่เราเชื่อว่าเพศแม่คือทุกสิ่งอย่าง การทะเลาะกับเพศหญิงก็เหมือนกับการทะเลาะกับมนุษย์ที่มีลูกลวงตาอยู่ในมดลูกเสมอ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ท้องอยู่จริงก็ตาม แต่อัตลักษณ์ลวงตาของความเป็นแม่กลับถูกผูกโยงให้เข้ากับสารัตถะของความเป็นหญิงอยู่เสมอ

ภาพผู้หญิงในสำนึกของคนไทยจึงไม่ต่างอะไรกับการนิยามผู้หญิงในอยู่ในสภาวะเจ็บป่วย ที่แฝงมาอยู่ในร่างของ “หญิงตั้งท้อง” การเกิดมาเป็นผู้หญิงในสังคมนี้ที่ได้อภิสิทธิ์ สิทธิพิเศษมาแต่กำเนิดว่าคุณเป็นเพศแม่นะ คุณเป็นเพศที่เปราะบางนะ มันยิ่งสะท้อนบทบาทของการทำผู้หญิงให้เท่ากับ “ความเจ็บป่วย” หาได้ทำให้เธอเป็นมนุษย์ที่มีสิทธิจะเลือกเองได้ว่ากูอยากจะเป็นแม่ หรือไม่ ด้วยการที่เธอเป็นผู้เจ็บป่วยโดยการตราหน้าจากสังคมไทยที่อิงกับคติสังคมชายเป็นใหญ่ที่มองว่าเธอป่วย “อำนาจการตัดสินใจ” หรือ autonomy ของผู้หญิงจึงต้องตกอยู่ในการอารักขาของสังคมแห่งนี้ที่พร้อมจะสร้างบทบาททางเพศบางอย่างติดป้ายไว้ให้พวกเธอตั้งแต่เป็นเด็กหญิง มีจิ๋มแต่แบเบาะ ให้ต้องโดนล้างสมองให้เชื่อว่าความเป็นแม่ เป็นตัวตนของเธอ คือทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิต ดั่งเจ้าหญิงในปราสาทที่คอยกล่อมลูกน้อยให้ต้องตกมาอยู่ในชะตาเดียวกันแต่เยาว์วัย ง่ายๆ คือเกิดมาก็เป็นมดลูกเดินได้แล้ว

ด้วยเหตุนี้เองความเป็นแม่จึงเกิดจากกระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมที่ต้องการจัดวางบทบาทของผู้หญิงไว้กับการเป็นแม่พระ เป็นมารดาผู้ประเสริฐ เราจึงจะเห็นว่าทำไมมนุษย์เพศหญิงในสังคมไทยจึงผูกติดอัตลักษณ์ของตนไว้กับลูก มากกว่ามนุษย์เพศพ่อ เพราะสังคมได้กำหนดให้เธอเองนั้นต้องเจ็บป่วยไร้หนทางในชีวิตที่จะเลือกเองได้เธอจึงต้องทำตามสิ่งที่สังคมอยากให้เธอทำนั้นคืออยู่บ้านแล้วเลี้ยงลูกไปสะ ในขณะที่มนุษย์เพศชายถูกทำให้เป็นเพศที่ไม่ขึ้นอยู่กับใคร (independent) มีความเป็นอิสระมากกว่า ในขณะที่แม่นั้นอัตลักษณ์ของเธอคือการต้องแชร์ความเป็นตัวเองร่วมกับคนอื่น เราเลยเห็นคุณย่า คุณยายยังต้องมาห่วงลูก ห่วงหลานมากกว่าความสุขของตนเอง เพราะเราดันยินยอมให้ความสุขของตนเองมาผูกโยงกับลูกหลานอยู่ตลอดเวลาจนลืมที่จะหาความสุขให้ตนเอง

และการตอแหลตนเองว่าฉันเลือกที่จะมีความสุขแล้วที่จะได้เป็นแม่ จะได้เป็นย่า ยายดูแลหลาน ก็เพราะว่าเราถูกกล่อมเกลามาแต่เด็กให้คิดว่ามันคือหน้าที่และบทบาททางเพศจนเราคิดว่าการปฏิบัติตามกฏกรอบหน้าที่ทางสังคมเช่นนี้จะทำให้ชีวิตเราอิ่มเอมมีความสุข เป็นแม่ที่ดีแก่ลูกๆ มันเลยทำให้อัตลักษณ์ของตนเองและอำนาจการตัดสินใจของเพศหญิงถดถอย และจมปลักอยู่กับความเจ็บป่วยของ ประจำเดือน มดลูก และบทบาททางเพศที่มากับแก่นของความเป็นหญิงที่เราเชื่อว่ามันคือตัวตนที่แท้จริงในฐานะที่เกิดมามีจิ๋ม แต่ขอโทษนะคะผู้หญิงที่เกิดมามีจิ๋ม มีประจำเดือนทุกคน ก็ไม่อยากจะมาถูกนิยามรวมให้กลายเป็นคนป่วยตั้งท้องโดยที่ตนเองไม่ได้อยากมีลูกนะคะ โปรดแก้ทัศนคติเช่นนี้ด้วย

แล้วด้วยทัศนคติที่เราเหมารวมผู้หญิงทุกคนให้เป็นเพศแม่นอกจากมันจะเป็นการตอกย้ำให้เราอ่อนแอเพราะเราเจ็บป่วยด้วยมดลูกแล้วนั้น มันยังสร้างปัญหาให้แก่การที่ผู้หญิงจะออกไปมีชีวิตเป็นของตนเอง มีอำนาจสั่งการเหนือตนเองได้ เช่น การทำแท้ง การคุมกำเนิด อีกด้วย การประณามผู้หญิงที่ทิ้งลูก ทำแท้งลูก มักจะมากับคำด่าประเภท อีแม่ใจยักษ์ ! อีแม่ไม่รักดี บลาๆๆ  คำประเภทนี้ล้วนมาจากค่านิยมในสังคมชายเป็นใหญ่ที่มองว่าเมื่อผู้หญิงลุกขึ้นมาเป็นขบถ มีอำนาจในการตัดสินใจด้วยตนเอง ไม่อยากจะป่วยเป็นเพศแม่ ไม่ใช่มดลุกเดินได้อีกต่อไป จึงขอละทิ้งบทบาทของตนเองที่สังคมแปะให้ทำ พฤติกรรมเช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ทำให้โครงสร้างสังคมแบบดั้งเดิมที่เราเชื่อกันว่ามันคือความจริงสูงสุดอันอยู่มายาวนานตลอดมนุษยชาติถูกสั่นคลอน ด้วยการออกมาบอกว่าตัวกู ชีวิตกู กูตัดสินใจเองได้ จึงเป็นสิ่งที่รับไม่ได้และเป็นวิธีคิดของพวกอนุรักษ์นิยมที่มักจะมาควบคู่กับอุดมการณ์ชายเป็นใหญ่อย่างที่เราอาจไม่รู้ตัว การอ้างตัวเป็นพวกหัวห้าวหน้าก็ไม่ได้หมายความจะจะเห็นโครงสร้างปัญหาของการกดทับบทบาททางเพศเช่นนี้

ด้วยเหตุที่ว่าเรายึดติดกับสารัตถะอันจริงแท้ว่าเพศหญิงคือความเป็นแม่โดยสัมบูรณ์แล้ว เราจึงรับไม่ได้กับการที่เราจะยอมรับบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ เช่น คนข้ามเพศ มาเลี้ยงลูก เลี้ยงเด็ก อคติทางเพศที่มีกับเพศหญิงจึงผูกโยงไปกับการนิยามของอัตลักษณ์ของคนที่นิยามตนเองเป็นเพศอื่นให้เป็นความต่าง (otherness) แต่สิ่งที่ผู้เขียนจะเสนอคือเราไม่ได้ต้องการผลักดันให้มนุษย์ข้ามเพศหรือเพศใดต้องไปตกอยู่ภายใต้การกดขี่ของวาทกรรม “เพศแม่” เช่นเดียวกับที่มนุษย์เพศหญิงประสบ แต่เราต้องรื้อสร้างกระบวนทัศน์เกี่ยวกับความเป็นแม่ในสังคมที่แปะป้ายให้แก่เพศหญิงให้ถูกปลดพันธนาการออกมา จาก motherhood สู่ parenthood ทุกๆ คนล้วนสามารถมีประสบการณ์ของการเลี้ยงดูเด็กได้เท่าๆ กัน การมีมดลูกไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเลี้ยงลูกได้ดีกว่าคนอื่น

และที่สำคัญประสบการณ์การคลอดลูกก็ไม่ได้ดีเด่น บาดเจ็บปางตายแบบที่ชอบเอามาโฆษณาล้างสมองกันทุกวันแม่ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นแค่ประสบการณ์หนึ่งของชีวิตที่ถูกเอามาสร้างนิยามที่ตายด้านว่ามันคือ “ความสุข” ครั้งหนึ่งของชีวิตคนเป็นแม่ ทั้งๆ ที่หากเราหลุดจากภาพหลอน อัตลักษณ์ลวงตานี้ไปได้ เราอาจจะค้นพบว่าจริงๆ แล้วอัตลักษณ์ของเพศหญิงนั้นหาได้มีแค่การเป็นแม่ แต่ประสบการณ์อื่นในชีวิตการเกี่ยวเบ็ดตนเองอาจจะมีความสุขกว่าด้วยซ้ำถ้าไม่โดนล้างสมองให้กลายร่างจากมนุษย์มาเป็นเพศแม่ที่ดีแสนดี

ดังนั้นเลิกเสียทีกับการแปะป้ายภาพลวงตาของความเป็นแม่ให้คู่กับผู้หญิง เลิกผลิตซ้ำว่าผู้หญิงต้องรักเด็ก นางงามรักเด็กกันได้แล้วเสียที หรือแม้กระทั่งคลิปผ่าตัดที่เปิดไว้ล้างสมองคนทั้งชาติให้เห็นว่าความเป็นแม่มันยิ่งใหญ่แค่ไหนน้ำตาไหนพรากเยี่ยงเห็นนางฟ้าตกมาจากสรวงสวรรค์ ทั้งที่จริงมันก็คือประสบการณ์ของมนุษย์คนหนึ่งที่เลือกจะคลอดลูก แต่นั้นไม่ใช่นิยามของการเป็นมนุษย์เพศหญิงทั้งหมด

เลิกเสียที ผู้หญิงเป็นมนุษย์ ไม่ได้เป็นเพศแม่ หยุดยัดเยียดให้มนุษย์เพศหญิงทุกคนต้องเป็นเพศแม่ เราไม่ใช่มดลูกที่เดินได้
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท