Skip to main content
sharethis

ศาลจังหวัดเพชรบุรี สั่งยกคำร้องคดีที่ภรรยา 'บิลลี่' ผู้นำกะเหรี่ยง ยื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินกรณีที่สามีหายตัวไป​โดยขอให้อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกับพวกปล่อยตัวสามี

17 ก.ค. 2557 เวลา 10.00 น. ศาลจังหวัดเพชรบุรี  ได้อ่านคำสั่งกรณีที่นางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ  ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวนายพอละจี   รักจงเจริญ หรือบิลลี่ จากการควบคุมตัวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ตามมาตรา 90 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 นายพอละจี  รักจงเจริญ  หรือบิลลี่ นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย  ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัวฐานมีน้ำผึ้งป่าไว้ในครอบครองและได้หายไปในระหว่างควบคุมตัวดังกล่าว ภรรยานายพอละจีฯ ได้ร่วมกับทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชนดำเนินการใช้มาตรการทางกฎหมาย โดยยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้มีการไต่สวนฉุกเฉิน  ประกอบด้วยพยานทั้งสิ้นจำนวน 12 ปาก ได้แก่ ภรรยานายพอละจีฯ (ผู้ร้อง) ผู้ใหญ่บ้านบ้านบางกลอย นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เจ้าหน้าที่อุทยานฯ อีกจำนวน 4 คน   นายแพทย์นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นักศึกษาฝึกงาน 2 คน พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน และพยานผู้เชียวชาญจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)

โดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ช่วยปฏิบัติราชการสำนักอุทยานแห่งชาติ ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดเพชรบุรีด้วยตนเอง ขณะที่ฝ่ายผู้ร้องมี น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของนายบิลลี่ น.ส.วราภรณ์ อุทัยรังษี ทนายความ นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานมูลนิธิยุติธรรมเพื่อสันติภาพ  ทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน (สนส.)  เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการนักนิติศาสตร์สากล (ICJ) และ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม (Crcf)   เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย

เนื้อหาในคำสั่งระบุว่า  จากการไต่สวนพยานทั้งปากนายชัยวัฒน์ และเจ้าหน้าที่อุทยาน 4 คน รวมถึงนักศึกษาฝึกงาน 2 คน ให้การสอดคล้องกันว่าได้มีการปล่อยตัวนายพอละจีฯไปแล้ว แม้ทนายความฝ่ายผู้ร้องจะนำพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแก่งกระจานมาเบิกความต่อศาล ได้ความว่าคำให้การนักศึกษาฝึกงานในชั้นพนักงานสอบสวนจะขัดกับคำให้การในชั้นศาลแต่พยานปากพนักงานสอบสวนเป็นพยานบอกเล่าจึงใม่อาจรับฟังได้ จากการไต่สวนพยานทั้งหมดแล้วยังฟังไม่ได้ว่านายพอละจีฯ ยังอยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ  ศาลจึงมีคำสั่งยกคำร้อง 

น.ส.พิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยาของบิลลี่ เปิดเผยภายหลังศาลพิพากษายกฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานว่า หลังจากฟังพิพากษาของศาลว่ายกฟ้อง นายชัยวัตน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน รู้สึกเสียใจ และขอขอบคุณศาลที่ยังรับเรื่องร้องทุกข์ในคดีนี้ โดยหลังจากนี้ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยค้นหาตัวบิลลี่ ว่าอยู่ที่ไหน ให้ช่วยสืบหาจนถึงที่สุด

ด้าน น.ส.วราภรณ์ อุทัยรังษี ทนายความ กล่าวว่า หลังจากที่ศาลมีคำตัดสินในวันนี้ ทางทีมทนายความจะเข้าหารือกับญาติของบิลลี่ อีกทีว่าจะอุทธรณ์คำสั่งหรือไม่ ต้องรอฟังการตัดสินใจจากทางญาติ โดยการตัดสินในในครั้งนี้ไม่มีผลเกี่ยวข้องในส่วนของศาลปกครอง แต่อาจมีผลเกี่ยวกับชาวบ้านในเรื่องของความเป็นอยู่ ความหวาดกลัว

ทั้งนี้ คณะทนายความ แสดงความเห็นว่าคดีนี้ เป็นคดีที่มีความสำคัญต่อนโยบายด้านกระบวนการยุติธรรม  การบังคับให้บุคคลใดสูญหายเป็นเรื่องที่รัฐจะต้องกำหนดมาตรการอย่างเด็ดขาดในการสืบสวนหาความจริง  เพื่อไม่ให้กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ทั้งนี้  ประเทศไทยได้ลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหายแล้ว ในฐานะรัฐภาคีจึงควรใช้มาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อป้องกันการบังคับให้สูญหายและไม่ให้ผู้กระทำลอยนวลพ้นผิดเนื่องจากความผิดฐานบังคับให้สูญหาย

หลังจากฟังศาลพิพากษายกฟ้องแล้ว นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้ออกมาเปิดเผยว่า จากการพิจารณาของผู้พิพากษาในการไต่สวนเร่งด่วนคดีนายบิลลี่ ที่มีการควบคุม และมีการปล่อยไป หลังจากศาลตัดสินแล้วรู้สึกว่าได้รับความเป็นธรรมในส่วนของการพิจารณา และสิ่งที่ดีใจที่สุดคือ เจ้าหน้าที่อุทนายแห่งชาติแก่งกระจานที่ร่วมทำงาน รู้สึกเหมือนถูกปลดปล่อย ทางเจ้าหน้าที่ไม่เคยออกมาพูดว่าถูกกระทำอย่างไร

นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า แต่วันนี้ ทางศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนมีความเป็นอิสระ ทุกๆ ครั้งที่ทางเจ้าหน้าที่ถูกต่อว่า ไม่เคยออกมาแสดงความคิดเห็น แต่ในการพิจารณาครั้งนี้ถือว่าได้รับความเป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ ส่วนในเรื่องของการฟ้องกลับคงไม่มี แต่จะนำเอกสารทั้งหมดส่งไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อขอความเป็นธรรมต่อไป พร้อมกันนี้ นายชัยวัฒน์ ยังวอนให้สื่อนำเสนอข่าวให้เป็นธรรม และตรงต่อความความจริง เพราะที่ผ่านมา มีสื่อบางสำนักที่นำเสนอข่าวที่บิดเบือนข้อมูลทำให้เกิดความเข้าใจผิด

 

ที่มา: ใบแจ้งข่าวสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน และเพจสำนักข่าวสิ่งแวดล้อม Greennewstv

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net