Skip to main content
sharethis

10 ก.ค.2557 นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานีวิทยุกระจายเสียงชุมชนยังไม่สามารถออกอากาศได้ ยกเว้นแต่สถานีที่ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศตามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)  ในส่วนของแนวทางการออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 79/2557 สำนักงาน กสทช. ขอแจ้งแนวทางการออกอากาศของสถานีวิทยุกระจายเสียงตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 79/2557 ดังนี้

สำหรับสถานีวิทยุกระจายเสียง กลุ่มที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้ทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง และได้ผ่านการตรวจสอบเครื่องส่งตามมาตรฐานทางเทคนิคตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง พ.ศ. 2555 แล้ว และไม่เป็นสถานีที่ถูกระงับการออกอากาศตามข้อ 4 ของประกาศ คสช. ฉบับที่ 79/2557 และจะต้องใช้คลื่นความถี่และกำลังส่งที่ไม่ก่อให้เกิดการรบกวนต่อกิจการวิทยุการบิน กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม กิจการวิทยุคมนาคม หรือข่ายสื่อสารอื่นภายในประเทศ หรือของประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งต้องไม่เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเนื้อหาขัดต่อกฎหมายและประกาศ คสช. ฉบับที่ 18/2557 รวมถึงประกาศ กสทช. ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดตลอดระยะเวลาออกอากาศ ตามข้อ 5 ของประกาศ คสช. ฉบับที่ 79/2557

ทั้งนี้ ขอให้สถานีวิทยุกระจายเสียงกลุ่มนี้ไปแสดงตน ณ สำนักงาน กสทช. และสำนักงาน กสทช. เขต ทั้ง 14 เขต ได้ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันนี้ (10 ก.ค. 2557) รวมถึงในวันหยุดเทศกาลเข้าพรรษาที่สำนักงาน กสทช.   จะเปิดให้บริการต่อเนื่องสำหรับกรณีนี้ จากนั้นสำนักงาน กสทช. จะเร่งประกาศรายชื่อสถานีวิทยุที่ได้รับการอนุญาตให้ออกอากาศได้ผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กสทช. และเมื่อมีรายชื่อตามประกาศบนเว็บไซต์จึงจะสามารถออกอากาศได้

กลุ่มที่ 2 ผู้ได้รับอนุญาตให้ทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง แต่ยังไม่ได้นำเครื่องส่งมาตรวจสอบตามมาตรฐานทางเทคนิคตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง พ.ศ. 2555 ให้รีบนำเครื่องส่งมาตรวจสอบมาตรฐานทางเทคนิคตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง พ.ศ. 2555 และเมื่อเครื่องส่งผ่านการตรวจสอบมาตรฐานแล้ว และไม่เป็นสถานีที่ที่ถูกระงับการออกอากาศตามข้อ 4 และครบตามเงื่อนไขข้อประกาศข้อ 5 ของประกาศ คสช. ฉบับที่ 79/2557 ก็สามารถไปแสดงตนกับสำนักงาน กสทช. และสำนักงาน กสทช. เขตทั้ง 14 เขตในพื้นที่ที่สถานีตั้งอยู่ จากนั้นให้รอดูรายชื่อทางเว็บไซต์สำนักงาน กสทช. www.nbtc.go.th เมื่อมีรายชื่อตามประกาศบนเว็บไซต์จึงจะสามารถออกอากาศได้

นายฐากร ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า สำหรับกลุ่มที่ 3 ผู้ที่ได้ยื่นคำขออนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงไว้ตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง พ.ศ. 2555 แล้ว และคำขออยู่ระหว่างการพิจารณา สำนักงาน กสทช. จะเร่งพิจารณาคำขอทดลองออกอากาศ เมื่อได้รับอนุญาตให้ทดลองออกอากาศ ให้รีบนำเครื่องส่งเข้ารับการตรวจสอบมาตรฐานทางเทคนิคตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง พ.ศ. 2555 เมื่อผ่านการตรวจสอบมาตรฐานแล้ว และไม่เป็นสถานีที่ที่ถูกระงับการออกอากาศตามข้อ 4 และครบตามเงื่อนไขข้อประกาศข้อ 5 ของประกาศ คสช. ฉบับที่ 79/2557 ก็สามารถไปแสดงตนกับสำนักงาน กสทช. และสำนักงาน กสทช. เขตทั้ง 14 เขตในพื้นที่ที่สถานีตั้งอยู่ จากนั้นให้รอดูรายชื่อทางเว็บไซต์สำนักงาน กสทช. เมื่อมีรายชื่อตามประกาศบนเว็บไซต์จึงจะสามารถออกอากาศได้ ทั้งนี้ ในวันหยุดเทศกาลเข้าพรรษานี้ สำนักงาน กสทช. จะเปิดทำการในช่วงเวลาวันหยุดเทศกาลเข้าพรรษาเพื่อให้บริการในกรณีนี้ และสำนักงานฯ จะเร่งประกาศรายชื่อสถานีที่สามารถออกอากาศได้ผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน กสทช. www.nbtc.go.th โดยเร็วที่สุด

เลขาธิการ กสทช. กล่าวด้วยว่า หากยังไม่มีชื่อในประกาศรายชื่อสถานีวิทยุกระจายเสียงที่มีสิทธิออกอากาศได้ของสำนักงาน กสทช. แล้วทำการออกอากาศ ถือว่ามีความผิดตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้เพิกถอนการอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงและให้ยุติการออกอากาศทันที จึงขอเตือนสถานีวิทยุกระจายเสียงว่า อย่าเพิ่งดำเนินการใดๆ จนกว่าสถานีของท่านจะมีชื่อประกาศเป็นสถานีวิทยุกระจายเสียงที่มีสิทธิออกอากาศได้บนหน้าเว็บไซต์สำนักงาน กสทช. และสำหรับสถานีฯ ที่ได้รับอนุญาตให้ออกอากาศได้แล้ว ขอให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของสำนักงาน กสทช. โดยเคร่งครด หากฝ่าฝืนถือว่ามีความผิดตามต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และสำนักงาน กสทช. จะยึดใบอนุญาต และไม่ออกใบอนุญาตให้ใหม่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net