เหตุผลที่ยอมแพ้

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

กี่วันแล้วหลังจากรัฐประหาร ผมจำไม่ได้...

อันที่จริงย้อนกลับไปดูสเตตัสในเฟซบุ๊คของตัวเองที่เขียนวันนั้นแล้วนับวันดูก็น่าจะรู้ มันอาจจะยังไม่ถึงเดือน หรืออาจจะถึงเดือนแล้ว หรืออาจจะมากกว่านั้น แต่นับไปแล้วมันได้อะไรขึ้นมา ผมถามตัวเอง คำตอบคือไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำแบบนั้น

นักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ในคอกสี่เหลี่ยมเล็กๆ คงนับวันรอที่จะได้รับอิสรภาพแม้ว่าจะไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ แต่เขายังคงนั่งขีดจำนวนวันอยู่ข้างกำแพง เพราะอะไร? เพราะเขารู้ว่าสักวันวันแห่งอิสรภาพที่เขาจะได้ออกไปใช้ชีวิตในโลกภายนอกด้วยตัวเองมันมีอยู่จริง

แต่กับพวกเรา (ทั้งผม คุณ และพวกเราทุกคน) ที่ถูกปล้นเอาอำนาจไปจากมือด้วยคำพูดที่สวยหรูอย่าง 'เราทำเพื่อความสุขของคนในชาติ' เราไม่อาจรู้ได้ว่าอิสรภาพที่เราจะได้อยู่ในฐานะของเจ้าของร่วมของประเทศนี้จะกลับคืนมาเมื่อไหร่

แม้ว่าจะมีโรดแมพวาดฝันสวยหรูจากท่านเจ้าของอำนาจคนใหม่ว่าจะเร่งคืนความสุขและร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อให้ประชาชนทุกคนได้เข้าสู่กระบวนการเลือกคนที่จะเข้าไปบริหารประเทศด้วยมือของตนเอง แต่นั่นล่ะ หลังจากพวกเราถูกกระทำชำเราครั้งแล้วครั้งเล่ามาเกินสิบครั้งด้วยการให้ความหวังแบบเดิมๆ ผมก็ไม่รู้ว่าจะเรียกได้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังจะคืนให้มันจะจีรังไปได้ถึงแค่ไหนกัน

วันแล้ววันเล่าที่ข่าวของการเรียกตัวและจับกุมผู้คนที่ออกมาแสดงออกถึงความไม่ยอมรับอำนาจที่ถูกปล้นไป นับตั้งแต่ถือป้ายต่อต้าน ถือกระดาษเปล่า ไปจนถึงชูมือสามนิ้ว

เช่นกัน วันแล้ววันเล่าที่มีคนออกมาด่าทอว่าสมควรแล้วที่คนเหล่านั้นจะโดนจับไปขังคุก พวกเขาอ้างว่าคณะรัฐประหารมีอำนาจเด็ดขาด และกฎหมายในตอนนี้ก็ห้ามในการชุมนุมอยู่แล้ว แล้วจะออกไปชุมนุมกันทำไม อยู่เฉยๆ เสียสิก็ไม่ถูกจับแล้ว

ใช่ จะออกไปทำไมกัน, ผมคิด...

จะออกไปทำไมกันในเมื่อสิ่งที่พวกเรากำลังทำเป็นเรื่องผิดกฎหมาย จะออกไปทำไมกันในเมื่อการชูสามนิ้วนอกบ้านถูกหาว่าเป็นการกระทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ เลียนแบบต่างชาติทำไม ประเทศไทยเรามีประเทศเดียว (ประโยคหลังท่านผู้นำพูดเองด้วยซ้ำ)

พวกเรากำลังต่อสู้อยู่กับอะไร?
สิ่งที่เราทำจะเปลี่ยนความคิดอะไรใครได้จริงเหรอ?
'พวกเขา' จะยอมฟังเสียงและการวิ่งไปรอบๆ เพื่อแสดงพลังอันกระจิริดของพวกเรา และยอมล้มเลิกการกระทำของเขาไปอย่างนั้นหรือ?

คำตอบในความคิดของผมคือ ไม่...

หลังใช้ชีวิตตั้งแต่รัฐประหาร ผมพบว่าสิ่งที่ผมทำได้ในการต่อต้านพวกเขาไม่มีอะไรเลยนอกไปเสียจากการกดไลค์และแชร์ความคิดของผู้คนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารไปวันๆ ผมไม่ได้ออกไปเดินขบวนชูสามนิ้วกับเขาเพราะที่บ้านขอเอาไว้ (และผม 'กลัว' ว่าจะต้องเข้าไปอยู่ในคุกด้วยอีกเหตุผลหนึ่ง) เมื่อเห็นภาพและวิดีโอของผู้คนที่โดนจับกุม ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากรู้สึกไม่พอใจและโกรธแค้น ทำได้เท่านั้นเอง

หรือพูดง่ายๆ ผมยอมแพ้กับการจะต้องมานั่งใช้ชีวิตเพื่อต่อสู้กับอะไรที่มองไม่เห็นอนาคตในครั้งนี้ มันดูแย่ ผมยอมรับ ในใจหนึ่งคิดว่าทำไมเราต้องยอมทนกับการคุกคามเสรีภาพพลเมืองจากอำนาจปืนขนาดนี้ แต่อีกใจหนึ่ง เราทำไปแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา?

ถ้าในเมื่อเพื่อนร่วมประเทศของเราอีกส่วนหนึ่งยังคงสนับสนุนการปล้นอำนาจของตัวเองไปอย่างหน้าชื่นตาบาน ผมมองไม่เห็นเลยว่าเราจะเปลี่ยนแปลงความคิดของพวกเขาได้อย่างไร จะทำอย่างไรให้เขารู้สึกว่าจะไม่ยอมให้ใครมายึดอำนาจในมือของพวกเขาไป
 

มันไปไกลเกินกว่าจะทำอะไรได้ นอกจากนั่งด่ากันไปมาวันแล้ววันเล่า...

บางทีอาจจะต้องรอให้พวกเขา 'เจอ' กับตัวว่าการถูกคุกคามเสรีภาพของตนเองเป็นอย่างไร เพราะมีใครบางคนเคยกล่าวไว้ว่าเราจะไม่เคยตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิและเสรีภาพ จนกว่าเราจะถูกยึดมันไปจากตนเอง

แต่มันต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าที่สิ่งเหล่านี้จะเป็นไปได้ ผมเองก็คงเหนื่อยที่จะนับวันรอ

เหมือนกับที่ผมเลิกนับไปแล้วว่าตอนนี้ท่านผู้นำมานั่งพูดหน้าจอโทรทัศน์ทุกวันศุกร์ไปแล้วกี่วัน.

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท