ขณะที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) แสดงความกังวลอย่างลึกซึ้งต่อการก่อรัฐประหารของกองทัพไทย โดยเนื้อหาในแถลงการณ์ของยูเอ็นเอชอาร์ซีระบุว่าการประกาศพระราชบัญญัติกฎอัยการศึกและคำสั่งอื่นๆ ของกองทัพอาจเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ทำให้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการชุมนุมอยู่ในภาวะสุ่มเสี่ยง เช่นเดียวกับที่ไม่อาจรับประกันได้ว่า ประชาชนจะได้รับการคุ้มครองให้พ้นจากการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าจับกุมหรือควบคุมตัวตามอำเภอใจ
ทั้งนี้ น.ส.ราวิน่า แชมดาซานี โฆษกของยูเอ็นเอชอาร์ซี กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า "เราขอย้ำให้เจ้าหน้าที่ของไทยตระหนักถึงพันธกรณีที่มีต่อกฎหมายระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งเป็นการควบคุมอย่างเข้มงวดต่อการใช้อำนาจเฉพาะกาล เราเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรการที่จำเป็นเพื่อรับรองว่าสิทธิมนุษยชนจะได้รับการเคารพ"
กระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ออกแถลงการณ์ช่วงค่ำวันที่ 22 พ.ค. ระบุว่าสิงคโปร์มีความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อพัฒนาการที่เกิดขึ้นล่าสุดในประเทศไทย เรามีความหวังว่าทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะคงไว้ซึ่งความอดทนอดกลั้นและร่วมมือกันเพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์ในแง่บวก และหลีกเลี่ยงความรุนแรงและการนองเลือด และไทยเป็นประเทศที่มีความสำคัญในภูมิภาค ทั้งยังเป็นสมาชิกหลักของอาเซียน ความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อจะทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะเสื่อมถอย และจะส่งผลต่อทั้งภูมิภาค ในฐานะที่สิงคโปร์เป็นมิตรสนิทของไทย เราหวังว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศฟิลิปปินส์ได้ออกแถลงการณ์สนับสนุนท่าทีของคณะรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งแสดงความกังวลต่อการก่อรัฐประหาร และเรียกร้องให้ไทยแก้ปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี และหวังว่าสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว โดยจะต้องสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยและหลักนิติรัฐ รวมถึงเคารพในเจตจำนงของประชาชนไทยด้วย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)