Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis



นักข่าวต่างชาติมักถามดิฉันว่าทำไมคนกรุงเทพฯ คนมีการศึกษาจำนวนมากจึงนิยมชมชอบพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งๆ ที่ไม่เคยมีนโยบายดีๆอะไรออกมาเลย ดิฉันตอบไปว่าเพราะมัน “ถูกจริต” พวกเขา พวกเขาต้องการนักการเมืองที่แลดูเป็นผู้ดีมีการศึกษา ยิ่งพูดภาษาอังกฤษสำเนียงบริติชได้มากเท่าไร ก็ยิ่งเลอค่าเท่านั้น พวกเขาดูถูกนายกฯที่มีบุคลิกเถ้าแก่แบบคุณบรรหาร หรือคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่คล่องแบบคุณยิ่งลักษณ์ และนี่เป็นจุดอ่อนที่คนในประชาธิปัตย์เข้าใจดี พวกเขาจึงมักเลือกหัวหน้าพรรคที่มีบุคลิกและวาทศิลป์แบบปัญญาชนมานำเสนอตลอด ตั้งแต่ถนัด คอมันตร์ พิชัย รัตตกุล ชวน หลีกภัย และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แต่ส่วนที่เหลือของพรรค โดยเฉพาะคนที่มีอิทธิพลในพรรค ก็ไม่ต่างกับพรรคการเมืองอื่นๆ อันนี้ไม่เป็นไร คนกรุงเทพฯมองไม่เห็น

การมีวาทศิลป์เป็นเลิศนั้น หากใช้ในทางที่ถูก วางอยู่บนหลักการที่เป็นประชาธิปไตย ก็เป็นคุณกับประเทศชาติ ดังเช่นที่ชวน หลีกภัยได้สมญานามว่า “มีดโกนอาบน้ำผึ้ง” ก็เพราะกล้าตอบโต้กับระบอบทหารในยุคของ รสช.อย่างไม่เกรงกลัว

แต่ถ้าใช้ในทางที่ผิด วาทศิลป์ก็คือยาพิษต่อสังคมประชาธิปไตย และมันได้ถูกแสดงให้เห็นชัดเจนในยุคอภิสิทธิ์-สุเทพนี่เอง
 

เมื่อการชัตดาวน์กรุงเทพฯ ปิดสถานที่ราชการ-ธุรกิจเอกชน ใช้กำลังคุกคามข้าราชการ ทำร้ายประชาชน = ล้มล้างระบอบทักษิณ คืนอำนาจให้ประชาชน ฟื้นฟูประชาธิปไตย สงบสันติอหิงสา

เมื่อการขัดขวางล้มการเลือกตั้งของ กปปส. = สันติอหิงสา = รัฐบาลไม่สามารถจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมได้ = ประชาชนทั้งประเทศไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง

เมื่อการข่มขู่ปิดล้อมสื่อทีวี = ขอความร่วมมือ = รับใช้ประชาชน

เมื่อ กปปส. ปชป. ศาล กกต. ช่วยกันปิดทางออกของประเทศ = รัฐบาลยิ่งลักษณ์พาประเทศไปสู่ทางตัน

เมื่อมวลมหาประชาชน = ประชาชนทั้งประเทศ

ฯลฯ  ฯลฯ  ฯลฯ  ฯลฯ


อันที่จริงจะกล่าวหาว่าผู้นำคนดีเหล่านี้โกหกมวลมหาประชาชนก็ไม่ได้ เพราะทุกอย่างที่พวกเขาทำ ก็ทำอย่างเปิดเผย บอกว่าจะไปปิดไปบุกที่ไหน ก็ทำจริงทุกครั้ง บอกว่าจะล้มเลือกตั้ง ก็ทำกันกลางวันแสกๆ ต่อหน้านักข่าวทั่วโลก อยากยิงป็อบคอร์น อยากซ้อม อยากทำร้ายใคร ก็ทำให้เห็นกันเต็มหูเต็มตา มีหลักฐานให้ชมทั่วไปในโซเชียลเน็ตเวิร์ค แต่มวลมหาประชาชนก็ยังชื่นชมคล้อยตามท่านผู้นำอยู่นั่นเอง บางส่วนอาจเริ่มเห็นความจริง บางส่วนเริ่มถอยห่าง แต่จำนวนมากก็เลือกที่จะปกป้อง หรืออย่างดีก็แค่เงียบ ไม่วิจารณ์

เรื่องนี้ทำให้นึกถึงท่านผู้นำคนดีที่มีวาทศิลป์เป็นเลิศที่ชื่อฮิตเลอร์ นักปรัชญา Hannah Arendt ได้ชี้ว่าฮิตเลอร์ก็ไม่ได้โกหกมวลมหาประชาชนของตนเช่นกัน ประกาศชัดเจนว่าตนเกลียดชังยิว  มีนโยบายขจัดยิวให้หมดไปจากเยอรมันก็ทำอย่างเปิดเผย ไม่มีทางที่คนเยอรมันส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับชาวยิว เพราะโครงการขจัดคนเป็นล้านนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่และระบบราชการอันใหญ่โต ค่ายกักกันและเกตโต (Ghetto)หลายสิบแห่งทั่วเยอรมันและยุโรป ไม่สามารถซ่อนเป็นความลับได้เลย

แต่เพราะอะไรมวลมหาประชาชนยังคงเชื่อผู้นำคนดีเหล่านี้ ก็เพราะท่านผู้นำกำลัง “ขายฝัน” “ขายอุดมคติ” ให้กับมวลชนของตนเอง ด้วยคำสัญญาว่าจะพาไปเราไปสู่สังคมใหม่ที่ดีกว่าภายในเวลาอันรวดเร็ว

แม้ท่านผู้นำจะมีประวัติคอร์รัปชันจนเหม็นเน่ามาก่อนก็ไม่เป็นไร ฆาตกรแบบองคุลีมาลยังกลับตัวกลับใจได้ในพริบตา ทำไมสุเทพจะแปลงร่างเป็นลุงกำนันผู้แสนดีไม่ได้

มวลมหาประชาชนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยสนใจหรือกระทั่งรังเกียจการเมือง (รู้ว่านักการเมืองเลวคอร์รัปชัน ก็ถือว่ารู้มากแล้ว) จึงมีความหวังขึ้นมาโดยพลัน ยินดีอาบเหงื่อต่างน้ำเข้าร่วมประท้วง ถ่ายเซลฟี่ไปมากมาย อัพแล้วอัพอีกเพื่อแสดงจิตวิญญาณประชาธิปไตย
 
แต่เมื่ออยากไปสู่สังคมอุดมคติอย่างรวดเร็ว จะเอาเกณฑ์สิทธิเสรีภาพ นิติรัฐ นิติธรรมภาวะปกติมาใช้ไม่ได้หรอก ก็ต้องยอมๆ ให้กับวิธีพิเศษที่ละเมิดทุกอย่างได้หมด “ความดี” ที่ท่านผู้นำกำลังสร้างให้กับมวลมหาประชาชนนั้น ยิ่งใหญ่กว่าหลักการนามธรรมทุกประการ ใครจะถูกยิงถูกซ้อมก็ไม่เป็นไร ทุกคนต้องเสียสละเพื่อสังคมอุดมคติที่อยู่แค่เอื้อม

ปัญหาคือ ถ้าประเทศนี้มีแต่มวลมหาประชาชนก็คงไม่เป็นไร อยากทำอะไรก็ทำไป แต่ในความเป็นจริงคือ ประชาชนธรรมดาที่ทั้งแดงและไม่แดง ที่มีจำนวนมากกว่ามวลมหาประชาชนแน่นอน เขาไม่ได้คล้อยตามวาทศิลป์และยอมซื้อความฝันลมๆแล้งๆ ของ กปปส. และประชาธิปัตย์ แม้แต่สื่อมวลชนต่างชาติเขาก็เห็นสันดานของผู้นำคนดีเหล่านี้หมดแล้ว

ก็เพราะประชาชนธรรมดาที่ไม่ได้ชาญฉลาดเช่นมวลมหาประชาชน  เขาไม่เชื่อเรื่องอัศวินม้าขาวฟ้าประทานอีกต่อไปแล้ว เขาไม่รังเกียจระบบที่ดีๆชั่วๆปนกันไปตราบเท่าที่ระบบนั้นยังอนุญาตให้ประชาชนตรวจสอบ วิพากษ์วิจารณ์ ประท้วง ขับไล่และเปลี่ยนผู้นำได้ด้วยการเลือกตั้งและกลไกที่อิสระและยุติธรรมกับทุกฝ่ายอย่างแท้จริง ถ้าระบบไม่ดีไม่เพอร์เฟ็ค ก็หาทางปรับปรุงแก้ไขไปเรื่อยๆ

ประชาชนธรรมดาต้องการสังคมที่เชื่อว่าคนเท่ากัน คนพัฒนาได้ คิดเองได้ เปลี่ยนใจได้ เลือกเองได้ คิดต่างกันได้โดยไม่ต้องฆ่ากัน สังคมอุดมคติอันดีงามไม่มีเกิดจากวิธีการอันชั่วร้ายที่เหยียบย่ำสิทธิของคนส่วนใหญ่อย่างแน่นอน

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net