Skip to main content
sharethis
เครือข่ายชนเผ่าชาติพันธุ์จังหวัดลำปางรวมตัวยื่นหนังสือถึง ผวจ.ลำปาง ประสานมหาดไทย ร่วมหาตัว ‘บิลลี่’ หลังหายตัวไร้ร่องรอยนาน 22 วัน เร่งรายงานผลโดยด่วน ทั้งให้ความคุ้มครอง ครอบครัว แกนนำ และสมาชิกในชุมชนกะเกรี่ยงโป่งลึก-บางกลอยในช่วงสถานการณ์ล่อแหลม
 
 
8 พ.ค. 2557 ไทยโพสต์ รายงานว่า ที่หน้าศาลากลางจังหวัดลำปาง ชาวบ้านใน 3 หมู่บ้านของ ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ประกอบด้วย บ้านกลาง บ้านแม่ส้าน และบ้านจำปุย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง เมี้ยน ม้ง ในนามเครือข่ายชนเผ่าชาติพันธุ์จังหวัดลำปาง จำนวนประมาณ 200 คน นำโดยนายศุกร์ ไทยธนสุกานต์ นายก อบต.บ้านดง และนายสมชาติ หลักแหลม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านดง เดินทางมาชุมนุมพร้อมเขียนป้ายขอให้ทางรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามหาตัวนายบิลลี่ หรือนายพอละจี รักจงเจริญ สมาชิก อบต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ชาวกะเหรี่ยงที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา
 
ตัวแทนผู้ชุมนุมระบุว่า นายบิลลี่ถือเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีจิตใจงาม จิตอาสาคอยช่วยเหลือพี่น้องทุกข์ยากเสมอมา จนได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้านเลือกให้เข้าไปเป็นสมาชิก อบต.ห้วยแม่เพรียง และได้ทำหน้าด้วยดีมาตลอด โดยเฉพาะการช่วยเหลือชาวบ้าน รวมถึงยังเป็นแกนนำปกปักษ์รักษาฝืนป่าต้นน้ำเพชรในฐานะแผ่นดินเกิด จนต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลที่เข้าไปทำลายผืนป่ามาโดยตลอด แต่บิลลี่ก็ได้ต่อสู้อย่างเข้มแข็ง และเชื่อว่าเขาคือผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษและเจตนารมณ์ของปู่คออี้ มิมิ ผู้อาวุโสอายุ 107 ปี ในการปกปักษ์รักษาผืนป่าต้นน้ำเพชร ดังนั้นเขาจึงยืนหยัดต่อสู้อย่างกล้าหาญมาโดยตลอด จนกระทั่งมาหายตัวไป และได้เกิดคำถามขึ้นมาอย่างมากมายถึงการหายตัวไปในครั้งนี้ ซึ่งก็ผ่านไปกว่า 22 วัน ยังไร้วี่แวว จนเริ่มวิตกว่าบิลลี่อาจจะไม่ได้กลับมาอีกแล้วก็เป็นได้
 
ดังนั้นกลุ่มชาติพันธุ์จังหวัดลำปางจึงขอเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะฝ่ายปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กระทรวงมหาดไทย ออกมาร่วมรับผิดชอบและใส่ใจกับการหายตัวไปของบิลลี่ โดยไทยพีบีเอส รายงานข้อเสนอถึงนายกรัฐมนตรี และกระทรวงมหาดไทย 5 ข้อ ดังนี้
 
1.ขอให้นายกรัฐมนตรี (รักษาการนายกรัฐมนตรี) มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งคณะทำงานเฉพาะเร่งด่วนเพื่อค้นหานายบิลลีหรือพอละจี รักจงเจริญทันที โดยให้มีสัดส่วนองค์ประกอบคือ1.ฝ่ายปกครอง ทั้งท้องถิ่นและท้องที่ 2.ฝ่ายองค์กรอิสระเช่นกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ 3.ตัวแทนจากภาคีประชาสังคมหรือมูลนิธิต่างๆ และตัวแทนองค์กรเครือข่ายชาวกะเหรี่ยง 4.ตัวแทนหน่วยงานราชการที่ที่กำกับดูและในพื้นที่ และตัวแทนองค์การระหว่างประเทศผู้ทำหน้าที่รณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนเป็นต้น
 
2.ให้กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งด่วน ถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัดเพื่อของความร่วมมือและอนุเคราะห์ประสานงานกับทุกภาคส่วนในพื้นที่เขกปกครองให้ช่วยติดติดตามและค้นหานายบิลลี่ หรือนายพอละจี รักจงเจริญ
 
3.ให้กระทรวงมหาดไทยทำหนังสื่อถึงสื่อต่างๆ เช่นรายการโทรทัศน์ สมาคมนักข่าวหนังสือพิมพ์ทั้งในประเทศและนานาชาติช่วยลงขาวประกาศตามหานายบิลลี อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะพบเจอและนำตัวนายบิลลี่กลับคืนสู่ครอบครัวอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด
 
4.ขอให้รัฐบาลให้ความคุ้มครอง ครอบครัว แกนนำ และสมาชิกในชุมชนกะเกรี่ยงโป่งลึก-บางกลอยให้มีความปลอดภัยและปราศจากการคุกคามโดยอำนาจที่ไม่เป็นธรรม ในช่วงสถานการณ์ที่ล่อแหลมและเปราะบางนี้ด้วย
 
และ 5.ให้คณะทำงานและหรือกลไกส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการค้นหานายบิลลี่รายงานผลโดยด่วนและต่อเนื่องทุกๆ 5 และ 7 วัน
 
นอกจากนี้ ทางกลุ่มยังได้ขอให้ทางจังหวัดเร่งติดตามโครงการขยายถนนในพื้นที่ของบ้านกลาง จำปุยและแม่ส้าน และขยายเขตไฟฟ้าในพื้นที่ตำบลนาแก อำเภงาว ซึ่งยังไม่มีไฟฟ้าเข้าถึงอีกด้วย
 
ด้านนายฤทธิพงษ์ เตชะพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ได้ลงมารับเรื่องแทน และบอกกับชาวบ้านว่าจะเร่งส่งเรื่องดังกล่าวให้กับส่วนราชการ เพื่อดำเนินการตามข้อเรียกร้อง โดยเฉพาะการเร่งติดตามหาตัวนายบิลลี่ ส่วนเรื่องโครงสร้างทั้งการขยายถนนและการขยายเขตไฟฟ้า เป็นงบของกองทุนพัฒนาพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ก็จะได้ทำหนังสือทวงถามและเร่งให้ดำเนินการโดยด่วนต่อไป
 
 
สมาพันธ์กะเหรี่ยงสยามจ่อจัดคอนเสิร์ตช่วยครอบครัวบิลลี่
 
เนชั่นรายงานว่า 8 พ.ค. 2557 นายสรศักดิ์ เสนาะพรไพร เลขาธิการสมาพันธ์ชาวกะเหรี่ยงสยาม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามตัวนายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ว่า หลังจากได้มีการส่งหนังสือไปที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการอำนวยการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกระเหรี่ยง กระทรวงวัฒนธรรม นายอำเภอแก่งกระจาน ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี รวมทั้งมีการส่งหนังสือไปหานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งทางสมาพันธ์ก็จะมีการติดตามการดำเนินการคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นจะให้เวลากับหน่วยงานภาครัฐในการดำเนินการตามขั้นตอน แต่หากภายใน 1-2 สัปดาห์ยังไม่มีความคืบหน้า ก็จะมีการกำหนดท่าทีเคลื่อนไหวหรือประท้วงอีกครั้งหนึ่ง
 
ทั้งนี้ เรื่องของการระดมทุนเบื้องต้นเพื่อจะช่วยเหลือและให้กำลังใจ ครอบครัวของบิลลี่ ภรรยาและลูกทั้ง 5 คนที่กำลังลำบากอยู่ โดยจะมีการจัดกิจกรรม มินิคอนเสิร์ต ของกลุ่มพี่น้องชาติพันธุ์ ที่ไม่ได้มีแต่เพียงพี่น้องสมาพันธ์กะเหรี่ยงเท่านั้น ยังมีพันธมิตรจากชาวอาข่าและชาวม้ง ที่รู้จักและให้ความสำคัญกับการหายตัวไปของนายบิลลี่ ตกลงเข้าร่วมด้วย ระดมทุนช่วยกัน โดยกำลังอยู่ในช่วงการหารือประสานงานจากทั้ง 3 กลุ่มชาติพันธุ์ ว่าจะจัดที่ไหนอย่างไรต่อไป
 
"จะมีการประชุมสัมมนาในเรื่องที่เกิดขึ้นและหาแนวทางแก้ปัญหาจากตัวแทนพี่น้องชาวกระเหรี่ยงทั้งหมดจากทั่วประเทศ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการกำหนดวันเวลา ภายในระยะเวลาอันใกล้ ส่วนการจัดพิธีกรรมเช่นการจุดเทียนทำพิธีขอพรสิ่งศักดิ์สิทธ์คุ้มครองนายบิลลี่ เหมือนเมื่อ 2 วันก่อนนั้น ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ต้องปรึกษากับผู้อาวุโสให้เป็นไปตามครรลอง ก่อนที่จะมีการจัดพิธีใดๆขึ้น" นายสรศักดิ์ กล่าว
 
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันที่ทางสมาพันธ์ กำลังเร่งดำเนินการ คือ การทำสื่อ โปสเตอร์ โปสการ์ด ประกาศคนหายในสื่อออนไลน์ และมีการไปติดตั้งและแจกจ่ายตามสถานที่คนชุกชุม เช่นสถานีขนส่ง ตามมหาวิทยาลัย และสวนสาธารณะต่างๆ รวมทั้งขอความอนุเคราะห์สื่อ สิ่งพิมพ์ วิทยุ และโทรทัศน์ในการช่วยประกาศเพิ่มขึ้น ซึ่งในวันพรุ่งนี้ เรื่องของกิจกรรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นน่าจะชัดเจนมากขึ้นกว่านี้
 
ด้านข่าวสดรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2557 นายธรรมรัตน์ วงศ์โสภา ผอ.ส่วนอุทยานฯ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 3 (บ้านโป่ง) ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนกรณีนายพอละจี หรือ บิลลี่ รักจงเจริญ หายตัวไปในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน กล่าวว่า เบื้องต้นได้สอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ประมาณ 10 รายแล้ว ทั้งภรรยาของนายพอละจี เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน รวมทั้งนักศึกษาที่นายชัยวัฒน์อ้างว่าอยู่ในเหตุการณ์ด้วย คดีการหายตัวไปของนายพอละจีจะเป็นทิศทางใด คงต้องเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
 
นายธรรมรัตน์กล่าวต่อว่าในส่วนของ อุทยานฯ ได้สอบสวนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ข้าราชการว่า ปฏิบัติงานโดยมิชอบ หรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่หรือไม่ ซึ่งตนจะพยายามเก็บข้อมูลหลักฐานต่างๆ ให้ได้มากที่สุด คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะสรุปผลแล้วเสร็จ จากนั้นจะนำไปรายงานต่อนายสมัคร ดอนนาปี ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ
 
 
ที่มา: เรียบเรียงจาก ไทยโพสต์, ข่าวสด, เนชั่น, ไทยพีบีเอส
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net