จุฬาราชมนตรีนำองค์กรมุสลิมแถลงจุดยืนคดีฆาตรกรรม ‘อัลรูไวลี่’ นักธุรกิจชาวซาอุฯ จี้อัยการสูงสุดอุทธรณ์คำพิพากษาเพื่อให้กระบวนการตัดสินคดีดังกล่าวอีกครั้งด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมอย่างแท้จริง

30 เม.ย.2557 นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี พร้อมด้วยประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 39 จังหวัด เปิดแถลงข่าวจุดยืนขององค์กรมุสลิมในไทย ต่อคดีฆาตกรรมนายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย ที่ห้องประชุมโรงแรมรีเจนท์ รามคำแหง 22 ระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา มีความตระหนักถึงผลกระทบจากคำพิพากษายกฟ้องในคดีฆาตกรรมอำพรางนายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี่ จึงมีมติให้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืน

ผศ.สุชาติ เศรษฐมาลินี กรรมการกลางอิสลาม เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ ระบุว่า สำนักจุฬาราชมนตรี คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั่วราชอาณาจักร รู้สึกเสียใจและเห็นใจเป็นอย่างยิ่งต่อประชาชนชาวซาอุดีอาระเบียและญาติของนายอัลรูไวลี่ที่ได้ถูกทำให้สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 12 ก.พ. 33 ซึ่งนานถึง 24 ปีมาแล้ว

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าต้องให้ความเคารพในคำตัดสินของศาลในทุกคดีความ แต่ก็มีความไม่สบายใจอย่างยิ่งต่อกระบวนการยุติธรรมของไทยในการตัดสินคดีเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยต่อสังคมทั่วไป โดยเฉพาะการเปลี่ยนตัวผู้พิพากษาท่านหนึ่งในองค์คณะก่อนการตัดสินเพียงไม่กี่วัน ดังนั้น จึงขอให้การสนับสนุนและขอเรียกร้องให้สำนักงานอัยการสูงสุดทำการอุทธรณ์คำพิพากษาเพื่อให้กระบวนการตัดสินคดีนี้ได้ดำเนินขึ้นอีกครั้งและเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมอย่างแท้จริงต่อไป

สำนักจุฬาราชมนตรีและคณะฯ ยังเห็นว่าหากกระบวนการยุติธรรมยังเป็นที่เคลือบแคลง จะส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย กลุ่มประเทศโลกอาหรับ และประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) 57 ประเทศ ซึ่งเลขาธิการโอไอซีเป็นชาวซาอุดีอาระเบีย ดังนั้น อาจนำมาซึ่งผลเสียต่อสภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการส่งออกสินค้าฮาลาล ซึ่งไทยมีสัดส่วนการส่งออกสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก

แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า ปรากฏการณ์การฆาตกรรมในลักษณะการถูกอุ้มฆ่าและหายตัวไปเช่นเดียวกับนายอัลรูไวลี่เกิดขึ้นหลายครั้งแล้วในประเทศไทย นับเป็นความรุนแรงและความอธรรมที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วน ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐทบทวนและปรับปรุงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้ไทยต้องสูญเสียภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในด้านการพิทักษ์สิทธิมนุษยชน

นายไพศาล พรหมยงค์ ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า องค์กรศาสนาถือเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ในการพยายามรักษาความสัมพันธ์กับประเทศซาอุดีอาระเบีย หลังจากที่ทั้งคดีฆ่านักการทูตซาอุฯ คดีเพชรซาอุฯ ถูกปล่อยให้หมดอายุความ และคดีนายอัลรูไวลี่ก็ตัดสินก่อนหมดอายุความแค่เดือนเดียว ซึ่งทำให้เกิดความเคลือบแคลงไม่ไว้วางใจอย่างมากต่อประเทศไทย

เรียบเรียงจาก สำนักข่าวไทย