‘อภิสิทธิ์’ นัด 8 เม.ย. ถก ปชป. วอน ‘สุเทพ-ยิ่งลักษณ์’ จับเข่าคุย หวั่นประเทศติดหล่ม ชี้ประเทศต้องปฏิรูปและเลือกตั้ง พร้อมตอบรับเข้าร่วมหารือ 22 เม.ย. หาก กกต.เป็นเจ้าภาพ

 

3 เม.ย. 2557 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ตนมาติดตามงานประชุมใหญ่สามัญประจำปี เรื่อง 10 ฐานรากพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศ เมื่อวันที่ 28-29 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งวันที่ 8 เม.ย.นี้ จะนัดประชุมคณะทำงานที่เกี่ยวข้องด้านนโยบายและกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด เพื่อให้ประชาชนเข้าใจง่ายขึ้นทั้งการปฏิรูปและนโยบายให้เห็นภาพอนาคตประเทศ

 

ส่วนจะมีการลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่อย่างไรนั้น ยังไม่มีการหารือภายในพรรค เพราะทุกคนเข้าใจดีว่า ต้องมีกระบวนการพรรคการเมืองและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องคุยกันก่อนที่พรรคต้องการ คือ ให้มีการเลือกตั้งที่เรียบร้อย แต่ยังมองไม่เห็นทาง นอกจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะต้องพูดคุยในประเด็นต่างๆ เพื่อให้เกิดความชัดเจน ทำอย่างที่เคยเสนอ และมาเริ่มต้นกระบวนการ จะเป็นแนวทางการหาคำตอบในเรื่องของการเลือกตั้งกับการปฏิรูปได้ โดยการถ่ายสดผ่านทางโทรทัศน์ คิดว่าข้อเสนอนี้นายสุเทพไม่ปฏิเสธรับนัด กกต.

 

 

เมื่อถามว่า ในวันที่ 22 เม.ย.นี้ ที่ กกต.จะนัดหารือพรรคการเมืองต่างๆ พรรค ปชป. จะเข้าร่วมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาถ้า กกต.เป็นผู้นัด เราให้ความร่วมมือมาโดยตลอด และหวังว่า วันที่ 22 เม.ย.นี้ จะมีบางฝ่ายขยับเพื่อให้เกิดการพูดคุยให้ได้มากขึ้น ส่วนกรณีที่แกนนำ กปปส.ประกาศเตรียมนัดชุมนุมใหญ่ภายใน 15 วัน หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำร้องสถานภาพนายกฯ ของกลุ่ม 40 ส.ว.ที่ย้าย นายถวิลเปลี่ยนศรี เลขาฯ สมช.นั้น ตนเป็นห่วงว่า ถ้าไม่มีกระบวนการที่ทำให้เกิดการพูดคุยอาจเกิดความวุ่นวาย และนำไปสู่จุดเสี่ยง เพราะแม้ยังไม่มีการชุมนุมใหญ่ แต่มีเคลื่อนไหวคู่ขนาน ที่เอาอาวุธมาใช้ ถูกจับอาวุธสงคราม มีการลอบยิงการ์ด คปท. จึงขอให้ตำรวจเข้มแข็ง สกัดไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง

 

 

พร้อมกันนี้ นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า เป็นห่วงหลังวันที่ 5 เม.ย. ประเทศก็ติดหล่มอยู่เช่นนี้ ผู้ชุมนุมของ กปปส.ก็ยังเรียกร้องให้มีการปฏิรูป ทำให้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งไม่เป็นที่ยอมรับ จะเกิดปัญหาต่อไป หากรัฐบาลคิด แต่จะพยายามยื้อเพื่อครองอำนาจให้นานที่สุด บ้านเมืองจะติดหล่มเช่นนี้ และคนที่เดือดร้อน คือ ประชาชน เพราะปัญหาต่างๆ ไม่ได้รับการแก้ไข จนประเทศเสียประโยชน์ ทั้งที่รัฐบาลน่าจะขยับเข้ามาเพื่อที่จะวางประเด็นเรื่องการปฏิรูปให้ชัด อย่าพูดด้านเดียว เพราะอย่างไรประเทศหนีสองเรื่อง คือ ปฏิรูปประเทศและเลือกตั้ง ไม่พ้น

 

ส่วนกรณีที่มีคนเสนอให้ ‘ตระกูลชินวัตร’ เว้นวรรคทางการเมือง 1 ปีนั้น ก็ไม่สามารถขจัดคอร์รัปชั่นได้ เพราะโจทย์จริง คือ การใช้อำนาจโดยมิชอบ และการทุจริตต่างๆ ซึ่งเป็นที่มาของการเรียกร้องปฏิรูปประเทศไทย ตัวบุคคล หรือครอบครัวที่อาจกลายเป็นสัญลักษณ์ของปัญหาเหล่านี้ ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ไม่ใช่คำตอบทั้งหมด