Skip to main content
sharethis

ศาลยกฟ้องเสื้อแดงเชียงรายคดีฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน ปี 53 ชี้การปราศรัยของฝ่ายจำเลยไม่มีข้อความอันทำให้ประชาชนเข้าใจผิด และการชุมนุมไม่ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่สงบเรียบร้อย เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ

25 มี.ค.56 เวลา 9.00 น. ศาลจังหวัดเชียงราย นัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.513/2555 ระหว่างฝ่ายโจทก์ พนักงานอัยการจังหวัดเชียงราย กับฝ่ายจำเลย นายอรรถกร กันทไชย และพวก รวม 5 คน ซึ่งเป็นแกนนำและดีเจสถานีวิทยุของกลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดเชียงราย ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จากกรณีเหตุการณ์การสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงในปี 2553 โดยศาลมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งห้าคน

คดีนี้เกิดขึ้นจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2553 ในขณะที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อยู่ และกลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดเชียงรายได้รวมตัวกันที่ถนนหน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงราย ก่อนจะพากันเดินไปยังศาลากลางจังหวัด เพื่อทำการยื่นหนังสือผ่านจังหวัด ขอให้รัฐบาลในขณะนั้นอย่าได้มีการใช้ความรุนแรงต่อคนเสื้อแดงที่ชุมนุมอยู่ที่สี่แยกราชประสงค์ ก่อนสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงรายจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่จำเลยทั้ง 5 คน ได้แก่ นายอรรถกร กันทไชย, นายทรงธรรม คิดอ่าน,นายธนิต บุญญนสินีเกษม, นายวิทยา ตันติภูวนาท และนางพิมพ์นารา หนองหารพิทักษ์

จำเลยที่ 1 และ 2 (นายอรรถกร และนายทรงธรรม) ถูกกล่าวหาจากการจัดรายการในสถานีวิทยุชุมชนคลื่น 107.5 MHz และได้กล่าวออกอากาศมีใจความว่ารัฐบาลและทหารไทยได้ร่วมกันฆ่าประชาชนที่ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและรัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินไม่เป็นธรรม พร้อมชักชวนให้ประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล จึงถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ส่วนจำเลยที่ 3-5 (นายธนิต, นายวิทยา และนางพิมพ์นารา) ถูกดำเนินคดีข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยชักชวนและจัดให้มีการชุมนุมและมั่วสุมกันของประชาชนตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง

โดยในคดีนี้ศาลจังหวัดเชียงรายได้เลื่อนการอ่านคำพิพากษามาแล้ว 2 ครั้ง เหตุเนื่องจากศาลต้องส่งร่างคำพิพากษาให้สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ตรวจ และศาลภาคได้ขอให้มีการปรับแก้รูปแบบการเขียนคำพิพากษา

สำหรับการอ่านคำพิพากษาในครั้งนี้ ศาลได้แจ้งฝ่ายจำเลยว่ามีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง โดยที่ไม่ได้อ่านรายละเอียดของคำพิพากษาให้ฟังแต่อย่างใด เนื่องจากคำพิพากษามีขนาดยาวและยังเป็นร่างลายมือที่ไม่ได้พิมพ์ แต่ศาลได้ส่งคำพิพากษาลายมือดังกล่าวให้ฝ่ายจำเลยและผู้สื่อข่าวที่เข้าฟังการพิจารณาดูคร่าวๆ ด้วย

เนื้อหาของคำพิพากษาบางส่วนระบุว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจนว่าได้กล่าวถ้อยคำบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร เพราะช่วงที่เกิดเหตุการณ์มีการชุมนุมที่กรุงเทพฯ มีการใช้อาวุธ และมีผู้เสียชีวิตจริง การปราศรัยไม่มีข้อความอันทำให้ประชาชนเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ

ส่วนจำเลยที่ 3 ถึงที่ 5 ได้ไปชุมนุมอย่างสงบและปราศจากอาวุธตามระบอบประชาธิปไตย โดยกล่าวปราศรัยเพื่อชักชวนผู้ชุมนุมไปยื่นหนังสือให้รัฐบาลยุติการใช้ความรุนแรงต่อผู้ชุมนุมในกรุงเทพฯ เนื่องจากไม่ต้องการให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายอีกเพียงเท่านั้น โดยไม่ปรากฏจากการนำสืบของโจทก์ให้ชัดแจ้งว่าจำเลยได้ร่วมกันชุมนุมมั่วสุมเคลื่อนไหวเกินกว่า 10 คนขึ้นไป และไม่ปรากฏว่าการเดินทางไปยื่นหนังสือดังกล่าวก่อให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่สงบเรียบร้อยแต่อย่างใด ย่อมเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 36 (บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการสื่อสารถึงกันโดยทางที่ชอบด้วยกฎหมาย) และมาตรา 63 (บุคคลย่อมมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ)

พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาจึงไม่เพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าฝ่ายจำเลยมีความผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

นายอรรถกร กันทไชย หนึ่งในจำเลยในคดี กล่าวภายหลังทราบคำพิพากษาว่ารู้สึกดีใจ ที่ศาลยกฟ้องให้พวกตนเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะเหตุที่นำไปสู่คดีนี้เป็นการทำตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ โดยในช่วงวันที่ 17 พ.ค. 53 นั้นเป็นช่วงที่เหตุการณ์คับขัน มีความสุ่มเสียงจากการกระชับพื้นที่และมีผู้คนล้มตายกัน จึงได้มีการยื่นหนังสือขอให้รัฐบาลในช่วงนั้นอย่าใช้ความรุนแรงต่อประชาชน แต่ก็ยังมีผู้บาดเจ็บล้มตายจากวันที่ 19 พ.ค.53 แต่ก็ถือว่าเราได้ทำหน้าที่ดีที่สุดเพื่อไม่อยากให้เพื่อนร่วมชาติต้องมาเข่นฆ่ากัน โดยคดีนี้ทำให้ตนเสียค่าใช้จ่ายในการต่อสู้คดีไปเยอะ และภรรยาก็ได้รับผลกระทบจากการทำงาน เพราะทนต่อกระแสจากเพื่อนร่วมงานไม่ไหว ต้องเกษียณก่อนกำหนดจากงานราชการ

อ่านรายละเอียดคดีเพิ่มเติมได้ที ศูนย์ข้อมูลกฎหมายและคดีเสรีภาพ (ไอลอว์)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net