Skip to main content
sharethis

ศาลอาญาธนบุรีอนุมัติออกหมายจับ ‘ชุมพล จุลใส’ แกนนำ กปปส. ขวางการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ภาษีเจริญ โฆษก ตร.เผยยังมีเวทีชุมนุมคู่ขนาด 11 จังหวัด

19 มี.ค.2557 เฟซบุ๊กแฟนเพจทีมโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.โสภณ หมันชีด พงส.สน.ภาษีเจริญ ได้เดินทางไปที่ศาลอาญาธนบุรี เพื่อขอให้ศาลออกหมายจับนายชุมพล จุลใส และต่อมาศาลอาญาธนบุรี ได้อนุมัติออกหมายจับนายชุมพล จุลใส ตามหมายจับที่ จ.223/2557 ลงวันที่ 18 มี.ค.57 ในข้อหา "ร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย เพื่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สามารถใช้สิทธิได้ หรือขัดขวางหรือหน่วงเหนี่ยวมิให้ผู้มีสิทธิไปเลือกตั้งไป ณ ที่เลือกตั้ง หรือเข้าไปที่ ณ ที่ลงคะแนนเลือกตัั้ง หรือมิให้ไปถึง ณ ที่ดังกล่าว ภายในกำหนดเวลาที่จะลงคะแนนเลือกตั้งได้"

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า นายชุมพล แกน นำกปปส.พร้อม นายสมยศ แสงศรี ได้นำมวลชนไปปิดล้อม สำนักงานเขตภาษีเจริญ หน่วยเลือกตั้งที่ 31 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ต่อมาทาง ร.ต.อ.โสภณฯ พนังงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกผู้ต้องหาทั้ง 2 ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ปรากฎว่า เมือวันที่ 21 ก.พ.25 ซึ่งนายสมยศ ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อ ร.ต.อ.โสภณ แต่นายชุมพล ยังไม่มาตามหมายเรียกแต่อย่างใด โดยในคดีดังกล่าวมีอายุความ 10 ปี

 

โฆษก ตร.เผยยังมีเวทีชุมนุมคู่ขนาด 11 จังหวัด

เมื่อเวลา 11.00 น. ทีม โฆษก ตร. ได้แถลงประจำ โดย พล.ต.ต. อนุชา รมยะนันทน์ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์การชุมนุมวันนี้ยังคงเป็นปรกติโดยมีการชุมนุมตามเวทีหลักเช่นเดิม ส่วนในต่างจังหวัดมีเวทีคู่ขนาน 11 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคเหนือ 3 จังหวัด ภาคกลาง 1 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด และภาคใต้ 5 จังหวัด โดยในวันนี้กลุม กปปส. และกลุ่ม คปท. นัดรวมพลเคลื่อนขบวนไปยังสถานเอกอัครราชฑูตสหรัฐอเมริกา แต่ ณ เวลานี้ยังไม่มีการเคลื่อนขบวนแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีการจัดเสวนาในประเด็นต่างๆ ที่เวทีสวนลุมพินี ส่วนกลุ่ม นปช. ภาคตะวันออก มีการจัดกิจกรรมเวทีปราศรัยเกี่ยวกับการเคลื่อนพลคนประชาธิปไตย ที่จังหวัดชลบุรี และเมื่อคืนที่ผ่านมา จุดตรวจความมั่นคงสามารถตรวจยึดของกลาง อาวุธปืน 1 กระบอก กระสุนปืน 34 นัด ระเบิดแสวงเครื่อง 1 ลูก ประทัดยักษ์ 2 ลูก อาวุธมีด 1 เล่ม ยาไอซ์จำนวนหนึ่ง และพืชกระท่อม 447 ใบ

พล.ต.ต. อนุชา เปิดด้วยเผยว่า เมื่อคืนเวลาประมาณ 23.00 น. ด่านตรวจความมั่นคงบริเวณแยกชิดลม-เพชร แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตั้งด่านตรวจค้นบริเวณดังกล่าว พบนาย ปิยศักดิ์ คาตปรปักษ์ อายุ 31 ปี นั่งมาในรถแท็กซี่ ท่าทางมีพิรุธ จึงขอตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบของกลาง วัตถุระเบิดแสวงเครื่อง 1 ลูก เครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 25 นัด ปและประทัดยักษ์ 2 ลูก ในกระเป๋าผ้าสีขาว จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาข้อหา “มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,มีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลพญาไทเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ต. อนุชา กล่าวด้วยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา มีเหตุแทรกซ้อนเกิดขึ้น 2 เหตุการณ์ โดยเหตุการณ์แรก เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. บริเวณหลังป้อมจราจร แยกวิทยุ ถนนพระราม 4 แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตปทุมวัน ชุดปฎิบัติการมวลชน ทหาร หน่วย ม.พัน 3 ซึ่งประจำจุดแยกวิทยุ (ใต้สะพานไทยเบลเยี่ยม) ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิด จำนวน 2 ครั้ง เวลาใกล้เคียงกัน โดย ครั้งที่ 1 จุดกลับรถข้างป้อมจราจร แยกวิทยุ ถนนพระราม 4 ครั้งที่ 2 ฝั่งตรงข้ามตึก Q house ถนนพระราม 4 และพบวัตถุต้องสงสัย บริเวณบนถนนพระราม 4 ช่องซ้ายสุดใกล้แยกวิทยุ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ต่อมาเวลาประมาณ 07.14 น. เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด เข้าเก็บกู้วัตถุต้องสงสัยดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ส่วนเหตุการณ์แทรกซ้อนที่2 เมือเวลาประมาณ 03.00 น. เช่นกัน บริเวณลาดจอดรถร้านพิมพ์ ซอยโรจนมินทร์ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง จับกุม นายพนมไพร ช่างแต่ง อายุ 43 ปี พร้อมของกลาง อาวุธปืนสั้น ยี่ห้อ บาเรตต้า ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 73 นัด และแม็กกาซีน จำนวน 1 อัน ขณะผู้ต้องหานั่งอยู่ในรถยนต์ และมีท่าทางพิรุธ จึงขอตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบของกลางดังกล่าวข้างต้น จึงได้แจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีวิทยุสื่อสาร โดยไม่ได้รับอนุญาต” และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ภายหลังจากการปรับเปลี่ยนมาใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคงแล้ว พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้สำนักยุทธศาสตร์ และฝ่ายอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปรับการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งฝ่ายปฏิบัติและฝ่ายอำนวยการ ให้มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในห้วงนี้ รวมถึงติดตามเร่งรัดคดีต่างๆต่อไปด้วยความรอบคอบ โดยเน้นในเรื่องการเก็บวัตถุพยาน ให้ทุกตำรวจภูธรภาคต่างๆ ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆ พร้อมระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์แทรกซ้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผชิญหน้าของกลุ่มมวลชนที่เห็นต่าง โดยให้ฝ่ายสืบสวนรวบรวมข้อมูลของการ์ดผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม เพื่อเก็บไว้ในฐานข้อมูล

พล.ต.ต. อนุชา กล่าวเสริมว่า ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังเป็นกองกำลังในการปฏิบัติภารกิจรักษาความสงบเรียบร้อย โดยมี พล.ต.อ. อดุลย์ เป็น รอง ผอ.ศรส.จึงได้สั่งให้ปรับภารกิจให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่และการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทหาร

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net