Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

เรื่องอันไม่น่าเชื่อเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ผ่านมา เมื่อมีการเผยแพร่คลิปของนักวิชาการอาวุโสและอดีตผู้บัญชาการเหล่าทัพจำนวนหนึ่ง ที่มาประชุมกันสโมสรโปโลคลับ ลุมพินี แล้วตั้งขึ้นเป็นกลุ่มคณะ"รัฐบุคคล" ในข้ออ้างว่า เพื่อจะหาทางออกให้กับประเทศไทย ฝ่ายนักวิชาการที่เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย อมร จันทรสมบูรณ์ นักกฎหมายและอดีตกรรมการกฤษฎีกา ปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการฝ่ายพันธมิตร ชัยอนันต์ สมุทวณิช อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย สุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตหลายประเทศ และมีผู้สื่อข่าว คือ อัมพา สันติเมธินีดล ร่วมอยู่ด้วย ส่วนฝ่ายอดีตนายทหารที่เข้าประชุมประกอบด้วย พล.อ.สายหยุด เกิดผล อดีต ผบ.สส. อายุ 92 ปี เคยเป็นประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย และเป็นประธานในที่ประชุมครั้งนี้ สำหรับอดีตนายทหารอื่นคือ พล.อ.วิมล วงศ์วานิช อดีต ผบ.ทบ. พล.อ.อ.กันต์ พิมานทิพย์ อดีต ผบ.ทอ. พล.ร.อ.วิเชษฐ การุณยวนิช อดีต ผบ.ทร. พล.ร.อ. สุรวุฒิ มหารมณ์ อดีต เสธ.ทร. และ พล.อ.อ. เทอดศักดิ์ สัจจะรักษ์ อดีต เสธ ทอ. ซึ่งฝ่ายนายทหารส่วนมากก็อายุใกล้ 80 ปีแล้วทั้งสิ้น

พลเอกสายหยุด เกิดผลกล่าวในว่า ที่ให้ชื่อกลุ่ม”รัฐบุคคล” หรือ Man of the States เพราะหมายถึง “ทำงานเพื่อรัฐ ไม่ได้ทำงานเพื่อแสวงหาอำนาจ” และอธิบายว่า การนัดหารือลักษณะดังกล่าวของกลุ่มจะยังเกิดขึ้นต่อไป เพราะแกนนำหลักของรัฐบุคคลที่มีอยู่หลายคน ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ, อดีตทหาร, อดีตข้าราชการ จะมีการแยกกันเดินสายออกไปนัดพบปะพูดคุยกับผู้คนในวงการต่างๆ เพื่อรับฟังความเห็นจากหลายฝ่าย พล.อ.สายหยุดกล่าวว่า ที่ต้องมาเคลื่อนไหวเพราะบ้านเมืองไม่มีทางออก หากไม่มีใครคิดเสนอทางออกอะไร สุดท้ายประเทศก็จะลงเหว ทางออกที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คือ ประชาชนต้องตะโกนบอกให้ศาลและกองทัพให้ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อแก้ปัญหา

ในที่ประชุมมีความเห็นพ้องในหลักการของการเคลื่อนไหวของม็อบ กปปส. ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ โดยอธิบายว่าเป็นการชุมนุมที่มีประชาชนสนับสนุนนับล้านคน และสมาชิกในที่ประชุมทุกคนไม่เชื่อว่า การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยจะแก้ปัญหาอะไรได้ โดยเฉพาะการเลือกตั้งในครั้งนี้ เพราะมีความเสี่ยงทั้งต่อการเลือกตั้งที่จะเป็นโมฆะ หรืออาจใช้เวลานานกว่าจะได้ ส.ส.ที่ครบจนเปิดประชุมสภาฯ ซึ่งการให้รอนานขนาดนั้นคงไม่เป็นผลดีต่อประเทศ ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่าประเทศจะต้องมีการปฏิรูปตามข้อเรียกร้องของ กปปส. แต่การปฏิรูปจะดำเนินไปได้ไม่ใช่ด้วยพรรคการเมืองหรือรัฐบาลปัจจุบัน แต่ต้องอาศัยนายกรัฐมนตรีจากคนกลางที่เป็นไปตามมาตรา 7 อมร จันทรสมบูรณ์ ซึ่งเป็นนักกฎหมายได้เสนอต่อที่ประชุมด้วยว่า การนำมาซึ่งนายกรัฐมนตรีคนกลาง ไม่จำเป็นต้องยกเลิกรัฐธรรมนูญ แต่ให้งดใช้บางมาตราก็เพียงพอ เช่น มาตราที่ว่าด้วยนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง เป็นต้น

คงต้องอธิบายว่า กลุ่มนักวิชาการและอดีตนายทหารเหล่านี้มีสิทธิที่จะประชุมและเสนอความเห็นเพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง เพียงแต่ว่า ข้อเสนอที่เป็นจริงของกลุ่มรัฐบุคคลในการสนับสนุนให้กองทัพและศาลเข้ามาแก้ปัญหา สะท้อนให้เห็นรากฐานทางความคิดอย่างชัดเจนว่า คนเหล่านี้มีความคิดล้าหลังและเป็นปฏิปักษ์กับระบอบประชาธิปไตย ข้อเสนอทางออกจึงมาจากความไม่เชื่อว่า วิธีการแบบประชาธิปไตยจะแก้ปัญหาของประเทศได้ จึงต้องสนับสนุนวิธีการนอกระบบ เช่น ปราโมทย์ นาครทรรพ ได้เสนอในที่ประชุมสนับสนุนให้ฝ่ายกองทัพทำการรัฐประหารอย่างเปิดเผย โดยอธิบายว่า  ถ้ากองทัพไม่ดำเนินการการปฏิรูปประเทศจะไม่มีทางสำเร็จ ส่วน อมร จันทรสมบูรณ์ ก็อธิบายว่า ถ้าใช้แนวทางของศาลจะแก้ได้เพียงรายกรณี(เคสบายเคส) ต้องให้กองทัพดำเนินการจึงจะได้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์ที่จะทำการปฏิรูปได้อย่างสมบูรณ์ สำหรับ สุรพงษ์ ชัยนาม ได้อธิบายด้วยว่า กองทัพจะต้องลงมือกระทำเพราะเป็นภารกิจและหน้าที่ และการรัฐประหารก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องสนใจการคัดค้านจากโลกนานาชาติ เพราะทุกประเทศก็ต้องรักษาผลประโยชน์ของตนเองทั้งนั้น กลับกลายเป็นว่า ฝ่ายทหารเช่น พล.อ.วิมล วงศ์วานิช ที่ลังเลใจเพราะไม่ต้องการให้มีการเข่นฆ่าสังหารประชาชน พล.อ.วิมลเสนอว่า ต้องให้มีการดำเนินการโดยฝ่ายกฎหมาย คือศาลให้ถึงที่สุดเสียก่อน แล้วไม่มีทางออก จึงค่อยให้กองทัพกระทำการ

ที่น่าตกใจก็คือ กลุ่มบุคคลทั้งหลายในที่ประชุมไม่ได้สนใจในเรื่องสิทธิของประชาชนระดับล่างเลย ประเด็นสำคัญก็คือ ในระบอบประชาธิปไตยนั้น เสียงของประชาชนที่มีสิทธิเลือกตั้งย่อมมีความสำคัญ เพราะการเลือกตั้งเป็นเครื่องมืออันดีในการแสดงเจตนารมณ์ร่วมของประชาชน การเลือกตั้งสะท้อนความนิยมในพรรคการเมือง และนักการเมืองที่นำเสนอนโยบายให้ประชาชนได้ตัดสินใจ ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก แต่กลุ่มรัฐบุคคลกลับถือว่าตนเองเป็นชนชั้นนำจำนวนน้อยที่ส่ามารถเลือกสิ่งที่พวกเขาคิดว่าดีแทนประชาชนได้ โดยไม่ตระหนักเลยว่า การเมืองแบบรัฐประหารนั้นเป็นเรื่องล้าหลังย้อนยุค เป็นวิธีการอันประเทศที่เป็นอารยะในทางการเมืองจะไม่ใช้ เพราะการรัฐประหารก็คือการใช้อำนาจกระบอกปืนบีบบังคับประชาชนให้ยอมรับในเจตนารมณ์ของชนชั้นนำ และในภาวะที่ประชาชนไทยจำนวนมากตื่นตัวต่อประชาธิปไตยเช่นในขณะนี้ การรัฐประหารย้อนยุคจะต้องถูกต่อต้านจากประชาชนจำนวนมาก ได้คิดกันไหมว่าการรัฐประหารอาจจะเป็นจุดเริ่มของความรุนแรงและสงครามกลางเมือง ที่จะสงบได้โดยยาก

การแสดงท่าทีในลักษณะสนับสนุนม็อบ กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะมาถึงวันนี้ ก็เป็นที่ชัดเจนว่า ม็อบของนายสุเทพและพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้เป็นการต่อสู้ที่มีหลักการ ไม่ได้รักษากรอบของกฎหมาย แต่กลับเป็นม็อบอันธพาลกวนเมือง ที่โน้มนำให้เกิดความรุนแรงตลอดเวลากับประชาชนที่คิดต่าง ปิดบ้านปิดเมืองสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนไปทั่ว และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างหนัก ถ้าหากการใช้วิธีการต่อสู้ลักษณะนี้แล้วได้รับชัยชนะ สังคมไทยจะต้องยอมตาม คงไม่มีทางที่จะอธิบายต่อประชาชนไทย และต่อโลกนานาชาติได้ว่า เหตุใดประเทศไทยของเราจึงยอมรับการเล่นการเมืองนอกกติกา เอาวิธีการทางการเมืองแบบการข่มขู่ประชาชนมาแทนหีบบัตรเลือกตั้ง ซึ่งแสดงคะแนนนิยมของประชาชน

ดังนั้น ทางออกทางการเมืองตามที่กลุ่มรัฐบุคคลพยายามเสนอ จึงไม่ใช่ทางออกทางการเมืองที่จะแก้ปัญหาของประชาชน แต่เป็นทางออกแบบตามใจพวกเขา ในส่วนที่เสนอให้ศาลเข้ามาแก้ไขเหตุการณ์ ก็เป็นเพียงการใช้อำนาจศาลหรือตุลาการณ์ภิวัฒน์มาหยุดยั้งประชาธิปไตยและช่วยฟอกขาวให้กับการเมืองอันไม่ชอบธรรม ส่วนในเรื่องการรัฐประหาร ถ้ากองทัพไทยถือปฏิบัติตามก็จะยิ่งสร้างความเสียหายแก่ประเทศอย่างหนัก ข้อเสนอของรัฐบุคคลกลุ่มนี้ จึงเป็นข้อเสนอแบบโมฆะ ไม่สามารถปฏิรูปประเทศหรือทำให้ประเทศพ้นจากวิกฤตอะไรได้เลย

 

 

เผยแพร่ครั้งแรกใน  โลกวันนี้วันสุข ฉบับ 451 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2557

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net