Skip to main content
sharethis

สัมภาษณ์ลูกสาวลุงเหยื่อกระสุนหลักสี่ หลังถูกปั่นกระแสว่าเป็น ‘กปปส.’ บ้าง ‘เสื้อแดง’ บ้าง ล่าสุดถูกระบุว่าเป็น ‘กองกำลังลับของฮุนเซน’ ขณะที่หมอชี้อาจเป็น ‘อัมพาต’ พร้อมคุยกับหนุ่มในภาพนาทีชีวิตลุง

5 ก.พ.2557 หลังเหตุปะทะระหว่างกลุ่ม กปปส. กับกลุ่มที่พยายามไปชิงหีบบัตรเลือกตั้งกลับคืนที่หลักสี่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา นอกจากคลิปและภาพกองกำลังติดอาวุธสงครามจำนวนมาก ทั้งมือปืนถุงป๊อบคอร์น มือปืนถุงกีตาร์ ที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งประณามและยกย่องเป็นฮีโร่ แต่อีกภาพที่ถูกแชร์ในโซเชียลเน็ตเวิร์กมากที่สุดภาพหนึ่งคือภาพชายชราสวมเสื้อขาวถูกยิงนอนนิ่งอยู่ พร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่กับเขา บ้างก็บอกว่าชายคนดังกล่าวเป็น กปปส. เป็นประชาชนที่โดยเสื้อแดงยิงบาดเจ็บ ตั๊น จิตภัสร์ แกนนำ กปปส. โพสต์ต่อว่าเสื้อแดงที่ทำร้ายชายชราคนดังกล่าวว่า “จิตใจของพวกกองโจรนี้ทำด้วยอะไร มาฆ่าทำร้ายคนไทยกันเองแบบนี้ โดยเฉพาะปชช.มือเปล่าที่ไม่สามารถสู้อาวุธของกองกำลังโจรพวกนี้ได้ พวกนี้ก็คือสัตว์นรกที่ไม่มีจิตใจ ไม่สมเป็นไทย” (จากการตรวจสอบล่าสุดโพสต์ดังกล่าวถูกลบไปแล้ว)

บ้างก็ว่าชายชราคนนี้เป็นแกนนำเสื้อแดง แต่ชายหนุ่มที่เข้าไปช่วยเหลือเป็น กปปส. อย่างเพจ คณะเสนาธิการร่วม ระบุว่าเราเสี่ยงชีวิตไปช่วย "แดง" วีรบุรุษฝ่ายเรา ช่วยควายแดงที่นอนอยู่รอดตาย..” ขณะที่ล่าสุดชายชราคนดังกล่าว ถูกยกสถานะให้เป็นกองกำลังลับของฮุนเซน โดยเพจ Watch Red Shirt ศูนย์ปฏิบัติการติดตามผู้ชุมนุมเสื้อแดง อ้างข้อมูลจาก Gukonthai Neverdie ระบุว่า “วันนั้น อาเกว คือ ชายรายแรก ที่ถูกยิงจากกระสุนความเร็วสูงนอนสงบนิ่งอยู่ที่หลักสี่ เพื่อตัดทอนการสั่งการให้กองกำลังของอาเกว ทำการได้สำเร็จ เป้าหมาย พุทธะอิสระ และคนรอบข้าง เพื่อสร้างสถานการณ์ปฎิวัติตอนนี้ กองกำลังของอาเกวหลบหนี จากดอนเมือง กระจัดกระจาย หนีตาย เพื่อข้ามแดน กลับเขมร บางส่วนหนีขึ้นทางเหนือของไทย เพื่อใช้ช่องทางชายแดนกลับเวียดนาม กองกำลังนี้ มี ประมาณ 30 คน” (ซึ่งขณะนี้โพสต์ดังกล่าวถูกลบไปแล้ว)
 

ตั๊น จิตภัสร์ ที่ระบุว่าผู้บาดเจ็บเป็นผู้ถูกเสื้อแดงยิง โดยโพสต์เมื่อเวลา 18.59 น.วันที่ 1 ก.พ.
(ขณะนี้ลบโพสต์ไปแล้ว)
คลิกดูภาพใหญ่

เพจ คณะเสนาธิการร่วม ระบุว่าผู้บาดเจ็บเป็นเสื้อแดงขณะที่ผู้เข้าไปช่วยเป็น กปปส. คลิกดูภาพใหญ่

เพจ Watch Red Shirt ศูนย์ปฏิบัติการติดตามผู้ชุมนุมเสื้อแดง ระบุว่าผู้บาดเจ็บเป็นกองกำลังลับของฮุนเซน
(ซึ่งขณะนี้ลบโพสต์ไปแล้ว)
คลิกดูภาพใหญ่

โดยประชาไทได้มีโอกาสสัมภาษณ์ ยงยุทธ หมกคล้าย หรือลิง ชายหนุ่มวัย 27 ปีที่เข้าไปช่วยลุงดังกล่าวและปรากฏอยู่ในภาพ ซึ่งเขายืนยันว่าตนเองไม่ใช่ กปปส. แน่นอน แต่เป็นผู้ที่ต้องการเลือกตั้งและไม่ได้ชุมนุมกับกลุ่มโกตี๋ รวมทั้งสัมภาษณ์ เอื้องฟ้า แซ่ลิ้ว อายุ 41 ปี บุตรสาวชายชรา ที่ชื่อ อะแกว แซ่ลิ้ว วัย 72 ปี ผู้ถูกยิงที่ปรากฏในภาพดังกล่าว โดยเธอยืนยันว่าพ่อตัวเอง ไม่ใช่ กปปส. ไม่ใช่กลุ่มโกตี๋ และที่สำคัญไม่ใช่กองกำลังลับของฮุนเซน เป็นเพียงพ่อค้าขายน้ำ ที่ต้องการเลือกตั้ง ในวันเกิดเหตุด้วยความเป็นห่วงลูกสาวที่ทำงาน ไอทีสแควร์ (จุดเกิดเหตุ) จึงมาตามหา และที่สำคัญล่าสุดหมอคาดว่าอะแกวอาจเป็นอัมพาต
 

ลูกสาวอะแกว ยันพ่อแค่ต้องการเลือกตั้ง ระบุหมอคาดอาจเป็นอัมพาต

เอื้องฟ้า แซ่ลิ้ว อายุ 41 ปี บุตรสาวของอะแกว กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่มีการปะทะกันบริเวณไอทีสแควร์ ซึ่งตนเองทำงานอยู่ที่นั่น เมื่อพ่อทราบถึงเหตุการณ์จึงเป็นห่วงและออกมา โดยโทรหาตนในเวลาบ่าย 3 โมงกว่า พร้อมกับถามตนว่าอยู่ที่ไหน ตนจึงแจ้งพ่อไปว่าหลบอยู่ไม่ต้องห่วงและวางสายไป

เธอบอกว่า กว่าจะได้โทรกลับไปหาพ่อได้ก็เป็นเวลา 16.00 น. โดยโทรติดแต่ไม่มีคนรับ มาทราบอีกทีตอน 18.00 น. ทางโรงพยาบาลโทรแจ้งมาบอกว่าพ่อถูกยิง

เอื้องฟ้า ยืนยันว่าพ่อตนเองไม่ได้ร่วมชุมนุมกับฝั่งไหน แต่วันนั้นมีเหตุการณ์เกิดขึ้นด้วยความที่เป็นห่วงตน พ่อจึงออกมา และเมื่อเจอคนชุมนุมอยู่บริเวณนั้นจึงอาจเข้าไปดู เนื่องจากพ่อตนมีความสนใจเรื่องการเมือง โดยต้องการให้มีการเลือกตั้งแค่นั้น และแม้พ่อจะมีเชื้อสายจีน แต่ก็เกิดและใช้ชีวิตในไทยมาตลอดกว่า 70 ปี มีอาชีพขายน้ำอยู่หน้าโรงเรียนเคหะทุ่งสองห้องวิทยา หลักสี่

ขณะนี้พ่อตนเองยังอยู่ห้องไอซียูอยู่ และให้ออกซิเจน โดยคุณหมอบอกว่ามีโอกาสที่จะเป็นอัมพาตแน่นอน เนื่องจากกระสุนถูกเส้นประสาทที่กระสุนทะลุบริเวณคอ ขณะนี้ยังไม่พูดแต่ถามอะไรรู้เรื่อง จำได้ โดยใช้การพยักหน้าอยู่


ธิดา ถาวรเศรษฐ เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลวิภาวดี เมื่อวันที่ 2 ก.พ.

บุตรสาวของอะแกว กล่าวด้วยว่า เนื่องจากตนเป็นคนหาเช้ากินค่ำ บวกกับค่ารักษาพยาบาลสูง จึงเปิดบัญชีชื่อ ‘วลัยพร แซ่ลิ้ว’ ของธนาคารทหารไทย หมายเลขบัญชี 265-2-01981-7 ไว้เพื่อเป็นช่องทางสำหรับรับการช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลพ่อตนเองด้วย  


เรื่องเล่าจากหนุ่มในภาพนาทีชีวิตลุง 

ยงยุทธ หมกคล้าย หรือ 'ลิง' อายุ 27 ปี อาชีพค้าขาย ชายที่ปรากฏในภาพขณะเข้าช่วยเหลืออะแกว พร้อมทั้งเป็นผู้ถ่ายภาพขณะเกิดเหตุ จนมีผู้นำไปเผยแพร่ต่อในโซเชียลเน็ตเวิร์กเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับฝ่ายตนและทำลายความชอบธรรมให้กับฝ่ายตรงข้าม เล่าเหตุการณ์นาทีชีวิตของอะแกวและตนเองว่า ตอนแรกตนเองหลบอยู่ตรงทางเดินห้าง (ไอทีสแควร์) โดยช่วงแรกที่อะแกวถูกยิงนั้นมีคนพยายามเข้าไปช่วยแต่ไม่สามารถเข้าไปได้ มีเพียงเสียงคนตะโกนมาตลอดว่ามีคนบาดเจ็บ มีผู้ถูกยิง

ยงยุทธ เล่าว่า ขณะที่ตนเองนอนหมอบอยู่นานก็มีผู้ตะโกนว่าคนถูกยิงตายแล้ว เพราะไม่ขยับตัวไม่หายใจ ตนก็เลยเอากล้องซูมเข้าไปดู ซึ่งพบว่าผู้ถูกยิงขยับตัวเล็กน้อยและหายใจอยู่ จึงคิดว่าถ้าหากขณะนั้นเจ้าหน้าที่พยาบาลทราบว่าลุงยังไม่ตาย รถพยาบาลก็อาจจะเข้ามารับตัวลุงได้ ทันใดนั้นเมื่อเสียงเงียบไป ตนจึงตัดสินใจกระโดดลงไปโดยอาศัยรถสีเงินที่อยู่เคียงบังและค่อยๆ คลานไปจนไปถึงเสาและผู้บาดเจ็บ (ตามภาพ) แล้วก็สะกิดพร้อมถามว่ายังรู้สึกตัวไหม ซึ่งผู้บาดเจ็บตอบสนองกลับมา ตอนนั้นจึงถ่ายรูปลผู้บาดเจ็บแล้วอัพขึ้นเฟซบุ๊กทันที เพื่อขอความช่วยเหลือ

โดยตนอยู่กับผู้บาดเจ็บอยู่ตรงนั้นประมาณ 20 – 30 นาที จนมีเจ้าหน้าที่ทหารนำหน่วยพยาบาลเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งเป็นเวลาก่อนค่ำเพียงนิดเดียว ตลอดที่รอคนมาช่วยมีเสียงปืนยิงเข้ามาอย่างต่อเนื่อง มีคนที่อยู่บริเวณทางขึ้นห้างฝั่งเดียวกับตนชะโงกหน้าออกมาเพื่อสื่อสารกับตน และพยายามจะมองไปฝั่งตรงข้ามกลับถูกยิง โดยกระสุนเฉียวคนนั้นไปนิดเดียวและยังมีลอยกระสุนอยู่บริเวณนั้น

ภาพแรกของอะแกวที่ยงยุทธโพสต์เมื่อเวลา 17.15 น. วันที่ 1 ก.พ.

ยงยุทธ กล่าวว่า ฝั่งที่ตนอยู่นั้นเป็นลานตรงหน้าไอทีสแควร์ซึ่งเป็นที่โล่ง ขณะที่ฝ่ายที่ยิงเข้ามานั้นมีที่กำบังมาก ทำให้ไม่ทราบว่าใครเป็นคนยิงออกมา ประกอบกับฝั่งนั้นอยู่ใต้สะพานและเป็นเวลาเย็นจึงมีเงาบังจนมองไม่เห็นว่าผู้ใดเป็นผู้ยิง อย่างไรก็ตามบริเวณนั้นมีหน่วยทหารอยู่ด้วย เช่นเดียวกับหลังจุดที่เสื้อแดงถูกยิงซึ่งห่างไปไม่ถึง 100 เมตร ก็มีทหารประจำอยู่ด้วยเช่นกัน แต่ขณะนั้นทหารไม่เข้ามาช่วยผู้บาดเจ็บ จนกระทั่งหยุดยิงประมาณ 5 นาที ประกอบกับเมื่อตนเห็นคนสวมหมวกสีขาวสัญลักษณ์กาชาด จึงตัดสินใจโบกมือเพื่อเรียกทำให้ทุกคนวิ่งกรูเข้ามา รวมทั้งนักข่าวต่างประเทศด้วย

สำหรับเวลาที่เข้าไปหาผู้บาดเจ็บนั้นสามารถเช็คได้ในไทม์ไลน์เฟซบุ๊ก โดยหักเวลาอัพโหลดประมาณ 4-5 นาที

ภาพที่ยุงยุทธเข้าไปถ่ายในระยะใกล้พร้อมโพสต์ขอความช่วยเหลือในเฟซบุ๊ก เมื่อเวลา 17.43 น. วันที่ 1 ก.พ. โดยภาพดังกล่าวถูกนำไปใช้โพสต์ต่อเพื่ออ้างความชอบธรรมในฝ่ายตน อย่างเพจ ตั๊น จิตภัสร์ แกนนำ กปปส. ที่โพสต์ในเวลา 18.59 น. ของวันเดียวกันระบุว่าถูกเสื้อแดงยิง

ส่วนจังหวะที่อะแกวถูกยิงนั้น ยงยุทธ กล่าวว่าไม่เห็นเพราะช่วงเวลาฝั่งตรงข้ามเปิดฉากยิงนั้น ตนกำลังเดินมาห้ามบรรดาลุงๆป้าๆ ให้ถอยออกห่างแนวที่จะชนกับเขา ร่วมกับตำรวจที่กำลังต้อนคนออกจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งตำรวจก็ถูกลุงๆ ป้าๆ เหล่านั้นแสดงความไม่พอใจที่เข้ามาห้ามด้วย ขณะนั้นมีลุงเสื้อฟ้าคนหนึ่งอยู่บนลานห้างวิ่งออกไปสุดแนวรั้วแล้วขว้างก้อนหินไปฝั่งตรงข้าม แต่โดนขว้างระเบิดกลับเข้ามา หลังจากนั้นก็เปิดฉากยิงสนั่น

สำหรับฝั่งห้างที่ตนอยู่นั้น ยงยุทธ ระบุว่ามีตเพียงตำรวจใช้อาวุธปืนพกยิงตอบโต้ไปทางรางรถไฟซึ่งอยู่ตรงข้ามไอทีสแควร์ ประมาณ 3-4 นัด ซึ่งเป็นการยิงหลังจากที่อะแกวถูกยิง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ชุมนุมที่อยู่บริเวณห้างถูกยิงอีก รวมทั้งให้อีกฝั่งหยุดยิงและสามารถเข้าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้เนื่องจากอีกฝั่งมีอาวุธปืนจำนวนมากยิงกลับเข้ามา

ภาพขณะเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ โดยยงยุทธโพสต์เมื่อเวลา 17.54 น. วันที่ 1 ก.พ.

ยงยุทธ มองว่า ชายที่บาดเจ็บนี้ไม่ใช่คนเสื้อแดงที่มากับโกตี๋ เพราะตลอดเวลาตั้งแต่ตนไปถึงจนกระทั่งกลับไม่เห็นโกตี๋หรือกลุ่มเสื้อแดงเลย เห็นเพียงคนหลักสี่ที่เข้าไปเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งเท่านั้น

สำหรับสาเหตุที่ยงยุทธเข้าไปที่เกิดเหตุวันนั้น เขาอธิบายว่าเนื่องจากไปหาแฟน เพราะแฟนไปถ่ายรูปการชุมนุมและติดอยู่บริเวณไอทีสแควร์ ด้วยความเป็นห่วงจึงเข้าไปตาม แต่เมื่อไปถึงแฟนก็ออกไปก่อนหน้าสักพักแล้ว 

 

รวมภาพขณะที่ยงยุทธอยู่กับอะแกว ภาพโดย หัตถา :

เเจ้งความหมิ่นประมาทกล่าวหาพ่อเป็นหัวหน้ากองกำลังเขมร

ล่าสุด วันนี้ (5 ก.พ.) มติชนออนไลน์ รายงานด้วยว่า เวลา 13.00 น. เอื้องฟ้า บุตรสาวอะเเกว เดินทางเข้าเเจ้งความลงบันทึกประจำวันกับ ร.ต.ท.ตฤณ พ่วงโสม พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ภายหลังมีคนโพสต์ข้อความใส่ร้ายว่านายอะเเกวเป็นหัวหน้ากองกำลังเขมร ลูกน้องมือขวาของสมเด็จฯฮุน เซน เเละนำกองกำลังเขมรเข้ามาก่อเหตุในประเทศไทย ที่สนับสนุนฝ่ายเสื้อเเดง เเละเป็นลูกน้องของทักษิณ

เอื้องฟ้ากล่าวว่า ข้อความที่ถูกเผยเเพร่ทางโซเชียลมีเดีย เป็นการให้ร้ายป้ายสี ไม่มีมูลความจริง เนื่องจากพ่อตนเป็นคนไทย มีบัตรประชาชน การโพสต์ดังกล่าวทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เเละเป็นการตอกย้ำความเจ็บปวดทั้งที่พ่อของตนได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะ เเละคงต้องเป็นอัมพาต ยังทำใจไม่ได้ในส่วนของคดีที่พ่อของตนถูกยิงบาดเจ็บ ก็มีความหวัง อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายเพื่อมาดำเนินคดีให้ได้ เเต่ก็เผื่อใจเพราะเหตุการณ์ลักษณะนี้จับผู้กระทะความผิดได้ยาก คล้ายกับปี 2553 ก็ยังจับคนร้ายไม่ได้

"พ่อของตนไม่เคยเป็นทหาร เป็นคนไทยเชื้อสายจีน เกิดเเละเติบโตอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พอช่วงวัยหนุ่มก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯทำงานเป็นพนักงานบริษัททั่วไป เเละปัจจุบันพ่อก็มาอาศัยอยู่กับตนที่บ้านย่านหลักสี่ 10 กว่าปีเเล้ว เเละทำอาชีพค้าขาย โดยจะเข็นรถขายน้ำหวาน น้ำอัดลมที่บริเวณหน้าโรงเรียนเคหะทุ่งสองห้องวิทยา 2 โดยยืนยันว่าพ่อไม่เคยเข้าร่วมชุมนุมทางการเมือง เพียงเเต่มีความสนใจการเมือง ซึ่งจะติดตามข่าวสารตามหน้าจอโทรทัศน์ที่บ้าน โดยในวันเกิดเหตุ ขณะที่เกิดการปะทะกันตรงเเยกหลักสี่ พ่อเป็นห่วงที่ทำงานขายอาหารอยู่ฟู้ดเเลนด์ ภายในห้างไอทีสเเควร์ จึงได้เดินทางมาหา โดยโทรศัพท์หาเวลาประมาณ 15.30 น."

เอื้องฟ้ากล่าวว่า ตอนเเรกที่พ่อโทร.หาตอนบ่าย 3 โมงกว่า บอกพ่อว่าปลอดภัยเเล้ว อยู่หน้าห้างไอทีสเเควร์ พอตอน 4 โมงกว่า ก็พยายามโทร.หาพ่อ โทร.ติดเเต่ไม่มีคนรับ ก็ยังไม่คิดว่าพ่อจะเป็นอันตราย จนตอน 6 โมงเย็น ทาง รพ.วิภาวดีโทร.มาบอกว่าพ่อถูกยิงบาดเจ็บ รักษาตัวอยู่ที่ รพ. รู้สึกตกใจอย่างบอกไม่ถูก เเละเมื่อคืนที่ผ่านมาก็เห็นการเผยเเพร่ข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย ว่าพ่อไม่ใช่คนไทย เเต่เป็นหัวหน้ากองกำลังเขมร ก็รู้สึกตกใจเเละเครียดมาก ทั้งที่ไม่เป็นความจริง มันเหมือนการซ้ำเติมบาดเเผลความเจ็บปวด
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net