28 ม.ค.2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา นายอิบราฮิม (สงวนนามสกุล) ชาวซาอุดิอารเบีย ผู้ต้องขังในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (2) (3) ได้รับพระราชทานอภัยโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเขาถูกกักตัวที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซอยสวนพลู 2 วันก่อนจะได้รับการประกันตัวโดยใช้หลักทรัพย์ 100,000 บาท (24 ม.ค.)
ภรรยาอิบราฮิมให้ข้อมูลว่าเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแจ้งว่า เขามีเวลาอีก 1 เดือนนับแต่วันปล่อยตัวจาก ตม.ก่อนจะถูกส่งตัวกลับประเทศและถูกแบ็คลิสต์ห้ามเข้าประเทศ ขณะที่การจดทะเบียนสมรสกับชาวไทยก็เป็นเรื่องยากมากสำหรับชาวซาอุฯ เนื่องจากเป็นรัฐศาสนาที่มีระเบียบเคร่งครัดและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-ซาอุฯ ก็ไม่ดี ทำให้ครอบครัวที่อยู่ในไทยไม่สามารถติดตามอิบราฮิมไปยังประเทศซาอุฯ ได้
“รู้สึกไม่ยุติธรรมเลย มันเหมือนพลัดพรากกันไปเลยทั้งที่เขาไม่ได้ทำผิดแบบไปฆ่าใคร เขาไม่ได้ตั้งใจ ในหลวงท่านก็ทรงพระราชทานอภัยโทษแล้ว แต่ก็ยังติดที่กฎหมายคนเข้าเมือง ตอนนี้มีเวลา 1 เดือนพยายามปรึกษาหน่วยงานต่างๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ รวมทั้งกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ” ภรรยาอิบราฮิมกล่าว
คดีของอิบราฮิมเกิดขึ้นเมื่อปี 2553 อิบราฮิมซึ่งพูดไทยได้เล็กน้อย อ่านและเขียนไทยไม่ได้ ได้อ่านข่าวสารในอินเตอร์เน็ตแล้วจึงทำการโพสต์ด้วยข้อความภาษาอังกฤษถึงเหตุที่เขาเข้าใจว่าทำให้ตลาดหุ้นตกเมื่อวันที่ 20 ส.ค.2553 เพื่อเตือนนักลงทุนในกระดานสนทนาของบริษัทหลักทรัพย์ คันทรี กรุ๊ป (มหาชน) ซึ่งเป็นพื้นที่ปิดที่เข้าถึงได้เฉพาะลูกค้าบริษัทเท่านั้น และผู้ดูแลกระดานสนทนาได้ลบข้อความดังกล่าวภายในเวลาไม่นาน ต่อมาบริษัทได้เข้าแจ้งความและตำรวจได้เข้าจับกุมเขาในวันที่ 6 ต.ค.53 เขาถูกควบคุมตัวนาน 51 วันจึงได้รับการประกันตัว
เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลคดีเสรีภาพโดยไอลอว์ ระบุถึงคำเบิกความของอิบราฮิมว่า “ขณะเกิดเหตุ นายอิบราฮิมคุยโทรศัพท์กับโบรกเกอร์และได้ทราบว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร ต่อมาอิบราฮิมเปิดเว็บไซต์วิกิลีกส์ก็พบข้อความว่า พระมหากษัตริย์ไทยสวรรคต จึงได้ลงข้อความตามฟ้องลงในเว็บไซต์ www.cgsec.co.th หลังจากโพสต์ข้อความตามฟ้องแล้ว นายอิบราฮิมได้ขอโทษโบรกเกอร์และได้เดินทางไปที่บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่กรุ๊ปเพื่อขอโทษบริษัทโดยตรง”
วันที่ 28 มี.ค.2555 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกเขา 3 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามเหลือจำคุก 2 ปี เขาอุทธรณ์คดี จนกระทั่งวันที่ 29 ส.ค.2556 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและไม่อนุญาตให้ประกันตัว อิบราฮิมถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และตัดสินใจไม่ต่อสู้ในชั้นฏีกา ภรรยาของเขาทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษเป็นรายบุคคลเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2556 และได้รับพระมหากรุณาธิคุณเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา
ภาพอิบราฮิมและครอบครัวเข้าลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ รพ.ศิริราช เมื่อหลายปีก่อน
อิบราฮิม กล่าวว่า เขารู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้เขาได้อิสรภาพและพบหน้าครอบครัวอีกครั้ง ที่ผ่านมาเขาเองก็นับถือในหลวงเช่นเดียวกับคนไทย เนื่องจากเห็นคนไทยรักและนับถือพระองค์ท่านมาก เมื่อพระองค์ประชวรก็ยังเคยพาครอบครัวไปลงนามถวายพระพรที่รพ.ศิริราช การกระทำผิดที่เกิดขึ้นเป็นไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อย่างไรก็ตาม รู้สึกว่าคดีลักษณะนี้รุนแรงมาก และการต่อสู้คดีเป็นไปด้วยความยากลำบาก
ทั้งนี้ อิบราฮิมเป็นชาวซาอุฯ อายุ 42 ปีจบปริญญาโทด้านประวัติศาสตร์อิสลามจากประเทศซาอุดิอารเบีย ประกอบอาชีพครูสอนเด็กชั้นอนุบาลนานหลายปี ก่อนจะลาออกและเดินทางไปทำงานยังประเทศต่างๆ จนกระทั่งลงหลักปักฐานอยู่ในประเทศไทยนับสิบปี เขาแต่งงานกับหญิงชาวไทย มีบุตรชายด้วยกัน 1 คน อายุ 6 ปี และอาศัยอยู่ในจังหวัดพะเยา ภรรยาประกอบอาชีพทำสวนส่วนอิบราฮิมหารายได้โดยการเล่นหุ้น ในคำอุทธรณ์ของจำเลยได้นำเสนอหลักฐานต่างๆ เพื่อยืนยันว่าอิบราฮิมเป็นผู้มีน้ำใจช่วยเหลือผู้คนไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงินสร้างมัสยิด เลี้ยงอาหารคนด้อยโอกาส รวมทั้งสอนภาษาอาหรับให้โรงเรียนหรือชุมชนที่ต้องการ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)