7 องค์กรภาคเอกชน ประกาศยุติบทบาทตัวกลางประสานปฏิรูปประเทศ ขณะที่หอการค้าไทยชี้การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กระทบความเชื่อมั่นต่างชาติ ระบุภาคบริการเริ่มปลดคนงานแล้วจากการเมืองกระทบธุรกิจ เผยสูญเงินวันละ 700 ล้านบาท

 

22 ม.ค.2557 นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า ขณะนี้ทาง 7 องค์กรภาคเอกชน ได้ขอยุติบทบาทการเป็นตัวกลางในการประสานทุกภาคส่วนเพื่อปฏิรูปประเทศ เนื่องจากไม่ได้รับการตอบรับข้อเสนอจากทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งการยุติบทบาทนี้จะเป็นแค่ชั่วคราวเท่านั้น โดยภาคเอกชนจะเข้าไปช่วยเหลือภาคธุรกิจที่กำลังได้รับผลกระทบโดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอี ทั้งเรื่องความสามารถทางการแข่งขัน สภาพคล่อง และการขยายตลาด

 

ส่วนการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของรัฐบาลในขณะนี้ ยอมรับว่า จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ในสายตานักลงทุนต่างชาติ ซึ่งผลกระทบอาจจะเห็นในภาคการท่องเที่ยวก่อนและระยะยาวอาจจะทำให้การลงทุนชะลอตัวด้วย

 

ทั้งนี้ ผลกระทบจากปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นทำให้ภาคธุรกิจในกรุงเทพได้รับผลกระทบเสียหายวันละ 500 - 700 ล้านบาท โดยเฉพาะในส่วนภาคบริการก็ได้เริ่มมีการปลดคนงานแล้ว ส่วนตามต่างจังหวัดนักท่องเที่ยวลดลงถึง 30% ขณะเดียวกันการจับจ่ายของประชาชนก็ลดลงจากราคาสินค้าเกษตรที่ลดลง รวมถึงชาวนายังไม่ได้รับเงินจากโครงการรับจำนำข้าว ทำให้ประชาชนประหยัดการใช้จ่ายส่งผลภาคการค้าชะลอตัวตามไปด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ทางหอการค้า ประเมินว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะขยายตัวได้ 3% - 4% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 4% - 5% เนื่องจากผลกระทบทางการเมือง โดยแรงขับเคลื่อนหลักมาจากการส่งออกในปีนี้ที่ดีขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงและจากเศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้น คาดขยายตัวได้ 3% - 4% รวมถึงการค้าชายแดน ซึ่งจะมีการประเมินผลกระทบจากปัญหาการเมืองอีกครั้ง