4 มกราคม 2557 ณ ห้องประชุมพาขวัญ(ชั้นใต้ดิน) อาคารขวัญมอ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มีการจัดแถลงข่าวก่อตั้งองค์การอย่างเป็นทางการของ สหพันธ์ประชาชนเสรีเพื่อประชาธิปไตย หรือ สปป.
โดยช่วงเช้าจะเป็นการร่วมเสนอแนะทิศทางการทำงานโดยมีนักวิชาการเข้าร่วมประกอบไปด้วยศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ (นักวิชาการอิสระ) รศ.ดร.บัวพันธ์ พรหมพักพิง อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.ขอนแก่น) ผศ.ดร.สมชัย ภัทรธนานันท์ (อดีตคณะบดีวิทยาลัยการเมืองการปกครอง ม.มหาสารคาม) ผศ.พฤกษ์ เถาถวิล (อาจารย์ประจำคณะศิลปศาสตร์ ม.อุบลราชธานี) มีรายละเอียดดังนี้
บัวพันธ์ พรหมพักพิง มองว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มทุนนิยมจารีตกับกลุ่มทุนนิยมโลกาภิวัฒน์ กลุ่มทุนนิยมจารีตได้นำเสนอบทวิเคราะห์สังคมชนบทที่มีความขัดแย้งในตัวเองกล่าวคือในขณะที่เขาพูดถึงปัญหาการล่มสลายของสังคมชนบทเขาก็ยังเสนอว่าชนบทคือพลังที่จะต่อสู้กับทุนนิยม สิ่งที่เราควรทำคือการมีบทเคราะห์ที่ถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นปัญหาและกำหนดยุทธศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง
สำหรับข้อเสนอในการจัดตั้งองค์กรประชาชนอย่าง สปป. นักวิชาการจาก ม.ขอนแก่น ได้เสนอให้ สปป.แสดงบทบาทในการสร้างประชาธิปไตยในสนามพื้นที่ชนบทโดยที่สามภารกิจที่ต้องทำคือ 1)สร้างผู้นำรุ่นใหม่ โดยเขาให้นิยามคนรุ่นใหม่ว่าไม่ใช่เรื่องอายุ หรืออาวุโส แต่หมายถึงพวกที่หลุดออกมาจากกรอบความคิดกระแสหลักไม่ว่าจะเป็นกรอบคิดแบบศักดินา หรือพรรคการเมือง มีทักษะในการคิดและวิเคราะห์สังคม และต้องมีความคิดในเชิงบวกต่อประชาธิปไตย 2)ขยายเพื่อนมิตรและเครือข่าย ควรมีผู้นำท้องถิ่น นักศึกษา เยาวชน โดยเฉพาะในต่างจังหวัดเข้าร่วมด้วย 3)แทรกซึมและยึดพื้นที่สนามในการปฏิบัติ เช่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น,องค์กรจัดตั้งส่วนต่างๆในท้องถิ่น และการผลักดันเรื่องการกระจายอำนาจ
นอกจากนี้เขายังมองความสัมพันธ์ระหว่าง สปป.กับคนเสื้อแดง ว่าควรมีความเป็นอิสระระดับหนึ่ง ซึ่งไม่ได้หมายถึงแยกออกจากเสื้อแดง แต่สปป.ควรจัดการฐานมวลชนระดับล่างให้ได้
สมชัย ภัทรธนานันท์ อดีต คณะบดีวิทยาลัยการเมืองการปกครอง ม.มหาสารคาม มองว่าหากจะมีการจัดตั้งองค์กรประชาชนใหม่ เราต้องมีความแตกต่างจากองค์กรเดิมที่มีอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นเราก็ควรเข้าร่วมกับองค์กรเดิมที่มีอยู่แล้ว ผศ.ดร.สมชัย ได้สะท้อนถึง สปป.ดังนี้ 1) สปป.ต้องมีความแตกต่างจากสีเสื้อ การใช้สื่อ สัญลักษณ์ ภาษา ควรมีความแตกต่างกันชัดเจนยุทธศาสตร์ควรแตกต่างกัน สปป. ต้องมีตัวตนที่ชัดเจน 2) สปป.ควรมีการกำหนดยุทธศาสตร์ตามสภาพความเป็นจริงและกำลังที่เป็นจริง มีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในแต่ละระยะ ระยะสั้น กลาง ยาว แล้วจึงไปกำหนดว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง ไม่ควรกำหนดสิ่งที่อยากได้ก่อน ควรทะลายข้อจำกัดส่วนตัวของ องค์กรเพื่อขยายงานมวลชนเสื้อแดงในชนบท การจัดตั้งโรงเรียนการเมืองควรมีการพูดเรื่องใหม่ๆไม่ควรพูดเรื่องเดิมๆซ้ำๆกับกลุ่มคนใหม่ไม่ใช่คุยกับเองกับคนเก่าๆ 3) สปป.ต้องไปแย่งชิงพื้นที่ปฏิบัติการกับ”ภาคประชาชน”กระแสหลัก ทำให้เราเป็นองค์กรภาคประชาชน หรือเป็นองค์กรประชาสังคม ให้ สปป.มีพื้นที่ในระนาบเดียวกับ สสส. สภาพัฒนาการเมือง หรือ พอช. เป็นต้น
ศิโรตน์ คล้ามไพบูลย์ นักวิชาการอิสระมองว่าความขัดแย้งในปัจจุบันเป็นความขัดแย้งของเครือข่ายนิยมเจ้า กับผู้นิยมประชาธิปไตย เครือข่ายนิยมเจ้าได้ใช้เครื่องมือต่างๆในการกำจัดฝ่ายตรงข้ามนับตั้งแต่รัฐประหาร 2549 เป็นต้นมาไม่ว่าจะเป็น ทหาร ศาล และปัจจุบันกำลังใช้มวลชนและองค์กรอิสระ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้คนส่วนใหญ่เห็นว่าเครื่องมือกลไกและสถาบันต่างๆเหล่านั้น ไม่ได้รับใช้หรือเป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ หากแต่เป็นเครื่องมือให้กับเครือข่ายนิยมเจ้าให้การจัดการกับผู้นิยมประชาธิปไตย
สิ่งที่น่าสนใจในเวลานี้คือ ความพยายามล้มการเลือกตั้งซึ่งเป็นไปไม่เลยถ้าไม่มีการฉีกรัฐธรรมนูญ สิ่งที่เครือข่ายนิยมเจ้าอยากทำอยู่เวลานี้คือการทำรัฐประหารที่สรุปบทเรียนจากการรัฐประหาร 2549 คือหนึ่งไม่ใช้ทหาร สองจัดการกวาดล้างให้เด็ดขาด
พฤกษ์ เถาวถวิล จากคณะศิลปศาสตร์ ม.อุบลราชธานี เสนอว่า ภายใต้กรอบการมองสถานการณ์ความขัดแย้งปัจจุบันในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ปัญหาที่ผมคิดว่าเป็นประเด็นปัญหาสำคัญคือการปรับความสัมพันธ์ระหว่างมวลชน กับสมาชิกพรรคการเมือง(สส.) คือให้ลดความสัมพันธ์ในแนวดิ่งแบบเจ้ากับนาย ให้เป็นเป็นในแนวราบ โดยที่ นักเคลื่อนไหว มวลชน ชาวบ้านสามารถต่อรองกับพรรคการเมืองได้ พฤกษ์ชี้ว่า วัฒนธรรมดังกล่าวนี้เป็นตัวกีดกันการเมืองของชาวบ้านออกไปไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายผู้นิยมเจ้าซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะราชนิกูล คนกรุง เท่านั้น แต่ยังพบได้โดยทั่วไปเช่นองค์กรเอ็นจีโอ สภาพัฒนาการเมือง หรือแม้กระทั่งพรรคเพื่อไทยเอง ที่กีดกันชาวบ้านออกจากการเมือง ต่อกรณีเขาเสนอให้เพิ่มอำนาจประชาชนดังนี้
1.อาจจะตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาแข่ง เช่นพรรคของคุณจิตรา คชเดช แม้ว่าในทางยุทธศาสตร์เขามองว่าอาจจะไม่ได้รับเลือก แต่ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่สะท้อนได้ถึงการเติบโตของประชาชน
2.จัดให้มีไพรมารีโหวต โดยการคัดกรองผู้สมัครแต่ละเขตประชาชนในเขตนั้นๆ เช่นที่เชียงใหม่ซึ่งมีการผลักดันกันอยู่ แนวทางนี้เขามองว่าแม้อาจจะเป็นไปได้ยากเพราะขึ้นอยู่กับคุณภาพของประชาชนเป็นตัวแปรสำคัญ แต่ก็ต้องผลักดันกันต่อไป
ต่อบทบาทของ สปป. เขาเสนอให้มีการชิงพื้นที่ในเครือข่ายนิยมเจ้า ซึ่งคล้ายกับที่ สมชัยได้เสนอเอาไว้แล้วคือ แย่งชิงพื้นที่ประชาสังคม และทำงานเครือข่ายกับชาวบ้านให้ได้มากที่สุด
หลังการอภิปราย แกนนำ สปป.ได้อ่านแถลงการณ์โดยมีเนื้อหาดังนี้
เอกสารแถลงข่าว / คำประกาศการก่อตั้ง
“สหพันธ์ประชาชนเสรีเพื่อประชาธิปไตย” (สปป.)
เนื่องจากสถานการณ์การเมืองที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบัน รัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตย ได้ใช้วิธีการบริหารจัดการการชุมนุมตามหลักสากลและเป็นอารยะอย่างถึงที่สุด ในการคลี่คลายและประคับประคองสถานการณ์ไม่ให้การชุมนุมทางการเมืองบานปลาย กลายเป็นการก่อจราจลและพัฒนาขึ้นสู่สงครามกลางเมืองนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากฝ่ายอนุรักษ์นิยมหรือฝ่ายต่อต้านรัฐบาลนั้น ดำเนินการทุกวิถีทาง เพื่อสร้างเงื่อนไขให้เกิดความรุนแรง และดำเนินการเข้ายึดพื้นที่สาธารณะ หน่วยงานราชการที่สำคัญๆ โดยได้ออกแถลงการณ์อันเลื่อนลอย ไร้เหตุผล ให้หยุดงาน หยุดการเรียนการสอน พร้อมทั้งได้บังคับ ข่มขู่ ให้สื่อสารมวลชน สนับสนุนและเสนอผลงาน การกระทำอันบ้าคลั่งของตนและกลุ่ม รวมทั้งข้อเสนอต่อสังคมที่ไม่สามารถอธิบายหรือกำหนดไว้ในประมวลกฎหมาย ใดๆ ในประเทศนี้ ทั้งนี้ ก็เพราะว่าธาตุแท้จริงๆแล้ว พวก กปปส. ไม่สามารถยอมรับ ระเบียบ วิธีการ กติกา และหลักการประชาธิปไตยอันเป็นอารยะได้ จึงสร้างสถานการณ์ “ปฏิวัติประชาชนจอมปลอม” ขึ้นมา โดยมี “กลุ่มอำนาจนอกระบบเหนือรัฐ” เป็นตัวหนุนการกระทำทุกอย่างยืนผงาดอยู่เบื้องหลัง
ข้างฝ่ายประชาชน “กลุ่มพลังประชาธิปไตย” ที่ยืนหยัดการต่อสู้มาร่วม 10 ปี หลังเกิดการรัฐประหาร ปี 2549 พวกเราได้ทุมเทแรงใจแรงกายเสียสละ เลือดเนื้อ และชีวิต เพื่อปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานทางการเมือง ซึ่งเป็นหลักประกันสำคัญต่อการมีอยู่มีกินของชนชั้นล่าง ล่าสุดการชุมนุมใหญ่ ของ นปช. ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ประชาชนจากทั่วสารทิศผู้รักความเป็นธรรม ได้แสดงพลังและมติมหาชนว่า ประเทศไทยต้องปกครองโดย “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข” เท่านั้น หากมีบุคคล กลุ่ม หรือฝ่ายใด ดำเนินการละเมิดต่อแนวทางตามหลักการประชาธิปไตยดังกล่าว พี่น้องเสื้อแดงจะร่วมกันต่อสู้อย่างถึงที่สุด ซึ่งครั้งนี้พี่น้องเสื้อแดงได้มีบทเรียน ประสบการณ์ และมีความเข้าใจต่อแนวทางการต่อสู้มากขึ้น การดำเนินการต่อต้าน “กบฏเทพเทือก” และ“ปกป้องระบอบประชาธิปไตย” จึงต้องมีความละเอียดรอบคอบอย่างยิ่ง
จากการประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน ข้างฝ่าย “กลุ่มพลังอนุรักษ์นิยม/ จารีตนิยมขวาจัด” ยังไม่ละความพยายามในการชุมนุมเพื่อขับไล่ “รัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ฯ” พยายามก่อกระแสขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อโบกมือเรียกให้ “ทหาร” ออกมาใช้กำลังทำรัฐประหารเยี่ยงอดีต และล่าสุด “กปปส.” ได้ประกาศอย่างเหิมเกริมว่า จะปิดประเทศในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2557 นี้ ซึ่งข้างฝ่าย “กลุ่มพลังประชาธิปไตย” ทั้งหลาย ต้องมีการ “เตรียมพร้อม” ต่อสถานการณ์ดังกล่าวทั่วประเทศ
ในอีกด้านหนึ่ง “กลุ่มอนุรักษ์นิยม/ จารีตนิยมขวาจัด” ก็ได้ “ออกแบบวางแผน” ใช้ “กลไก” หรือ “เครื่องมือ” ที่พวกเขาควบคุมอยู่ เช่น “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” กับ “ปปช.” รวมทั้ง “กกต.” ในการ “จัดการขั้นเด็ดขาด” กับ “รัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ฯ” ด้วยเหตุดังกล่าว พวกเราในฐานะประชาชน เสรีชน และผู้รักประชาธิปไตย จำนวนหนึ่ง เห็นว่า ฝ่ายประชาชนหากไม่มีการตระเตรียมความพร้อม สร้างและประสานพลังการต่อสู้อย่างเป็นปึกแผ่น ก็ยากที่จะ “ชนะศึก” และดำรงอำนาจรัฐของฝ่ายประชาชนที่รักประชาธิปไตยไว้ได้ การเตรียมความพร้อมที่สำคัญในระยะเร่งด่วนนี้ คือ “ 4 เตรียม” หมายถึง 1.เตรียมคนให้พร้อมทั้งยุวชน เยาวชน คนรุ่นใหม่ นิสิต นักศึกษา ประชาชน เสรีชน และผู้รักประชาธิปไตยทั่วประเทศ 2.เตรียมจิตใจให้เข้มแข็งห้าวหาญ ติดอาวุธความคิด จัดตั้งมวลชนให้มีระบบมีองค์กร 3.เตรียมเสบียงอาหาร เงินทองให้พร้อม และ 4. เตรียม “อุปกรณ์” ต่างๆในการรณรงค์ต่อสู้ให้พร้อมตลอดเวลา เพื่อ “ต่อต้านกบฎ ปกป้องระบอบประชาธิปไตย ไม่เอารัฐบาลพระราชทาน คัดค้านสภาประชาชน” นี่จึงเป็นแนวทางที่ถูกต้องและสอดคล้องต่อสถานการณ์ของประชาชนและเป็นข้อเสนอหลักกับสังคมไทย
ด้วยเหตุดังนั้น สหพันธ์ประชาชนเสรีเพื่อประชาธิปไตย (สปป.) อันเป็นขบวนการของ “คนเสื้อแดง” กลุ่มหนึ่งที่ร่วมต่อสู้กับพี่น้องเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มสมาชิกประกอบด้วย เยาวชน, คนรุ่นใหม่, นิสิต, นักศึกษา, ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย, เสรีชน, กรรมกร, เกษตรกร, พ่อค้า, นักธุรกิจ, ปัญญาชน, นักวิชาการ, คนจนเมือง, แรงงานนอกระบบ ฯลฯ ที่เคลื่อนไหวอยู่ทั่วประเทศไทย จึงได้ “สถาปนา” ตัวตนขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว
โดยมีวัตถุประสงค์ ดังนี้
1.เพื่อรณรงค์ เผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ เรื่อง ประชาธิปไตย และเหตุการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ให้พี่น้องคนเสื้อแดงและประชาชนทั่วไปได้รับรู้ข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ถูกต้อง
2. เพื่อเปิดพื้นที่ของกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ร่วมทั้งระดม ข้อเสนอแนะ แนวทางแก้ไข และทางออกต่อปัญหาทางการเมืองในปัจจุบัน
3. เพื่อสร้างขวัญกำลังใจ และหนุนเสริม “การรวมพลังประชาชน” ที่รักความเป็นธรรม รักประชาธิปไตย ให้สามารถ “รวมกลุ่ม” แสดงพลัง และให้สามารถจัดการ “ชุมนุม” โดยสงบ สันติ โดยปราศจากอาวุธ ตามกรอบของกฎหมายรัฐธรรมนูญ
4. เพื่อประสานความร่วมมือกับ “นปช.แดงทั้งแผ่นดิน” และ “กลุ่มแดงอิสระ” อื่น ๆ รวมทั้ง “กลุ่มพลังฝ่ายประชาธิปไตย” ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อ “สร้างสรรค์ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แท้จริง”
และ ณ ที่พวกเรามาร่วมชุมนุมกันแห่งนี้ พวกเรา ในนาม “สหพันธ์ประชาชนเสรีเพื่อประชาธิปไตย” (สปป.) ขอประกาศจุดยืน ดังต่อไปนี้
1.จะต่อต้านการ “รัฐประหาร” ไม่ว่าจะเป็นการ “รัฐประหารเงียบ” ของพวก “ตุลาการภิวัฒน์”
หรือ การ “รัฐประหารแบบดั้งเดิม” โดยการใช้ “กองกำลังทหารติดอาวุธป่าเถื่อน” ในทุกรูปแบบ
2.คัดค้านสภาประชาชน ที่เปรียบเสมือน “สภาขุนนาง” ที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน
3.ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ (รัฐบาลพระราชทาน/ รัฐบาลที่มาจาก ม.7)
4.ขอประณามแนวทางอันธพาลทางการเมือง ที่กำลังก่ออาชญากรรม กระทำพฤติกรรมเยี่ยงโจรของพวก “กบฏ กปปส.” และจะต่อสู้เพื่อขจัดพวก “กบฏลูกสมุนอำมาตย์” ให้สิ้นซากไปจากแผ่นดิน
5.จะขอปกป้อง “ระบอบประชาธิปไตย” และรัฐบาลที่มาจากระบอบประชาธิปไตยอย่างถึงที่สุด
ประกาศอย่างมีชัยชนะ ณ ห้องพาขวัญ อาคารขวัญมอ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัขอนแก่น!!!
ประชาชน เสรีชน ผู้รักประชาธิปไตย จงลุกขึ้นสู้ !!!
“สหพันธ์ประชาชนเสรีเพื่อประชาธิปไตย” (สปป.)
4 มกราคม 2557
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)