Skip to main content
sharethis

สภาองค์การลูกจ้างแรงงานสัมพันธ์แห่งประเทศไทยเรียกร้องให้บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด รับลูกจ้างกลับเข้าทำงาน หลังมีการเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นแกนนำในการเจรจาข้อเรียกร้องและก่อตั้งสหภาพแรงงาน

27 ธันวาคม 2556 - สภาองค์การลูกจ้างแรงงานสัมพันธ์แห่งประเทศไทยออก "แถลงการณ์คัดค้านการเลิกจ้างแกนนำในการเจรจาข้อเรียกร้องและแกนนำในการจัดตังสหภาพแรงงานของบริษัทซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย" ถึงเพื่อนพี่น้องผู้ใช้แรงงาน, ประชาชนและสื่อมวลชน กรณีมีการเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นแกนนำในการเจรจาข้อเรียกร้องและก่อตั้งสหภาพแรงงาน ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย จำนวนกว่าสิบคน เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2556 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 

แถลงการณ์คัดค้านการเลิกจ้างแกนนำในการเจรจาข้อเรียกร้องและแกนนำในการจัดตังสหภาพแรงงานของบริษัทซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย

สภาองค์การลูกจ้างแรงงานสัมพันธ์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เป็นองค์กรที่เป็นการรวมกลุ่มกันของสหภาพแรงงานในประเทศไทยและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีสมาชิกเป็นผู้ใช้แรงงานมากกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันคนโดยมีสหภาพแรงงานฯ ที่เข้าร่วมเป็นสมาชิก 40 สหภาพแรงงานซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ของลูกจ้าง  เป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสารและให้การศึกษาด้านการบริหารงานขององค์กรของผู้ใช้แรงงาน เพื่อช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องผู้ใช้แรงงานและสังคม

สภาองค์การลูกจ้างแรงงานสัมพันธ์แห่งประเทศไทย มีความเป็นห่วงอย่างยิ่งในกรณี ที่มีการเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นแกนนำในการเจรจาข้อเรียกร้องและก่อตั้งสหภาพแรงงาน ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย จำนวนกว่าสิบคน เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2556 เป็นต้นมา ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มาลูกจ้างได้ให้ร่วมมือกับทางบริษัทฯ ในการที่จะทำให้บริษัทฯ ได้มีผลกำไรอย่างสูงสุด ถึงแม้ว่าพนักงานต้องปฏิบัติงานที่ต้องเสี่ยงกับอุบัติเหตุในการทำงานอย่างสูงและความปลอดภัยมีน้อย พนักงานทุกคนก็ยังเต็มใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความขยันหมั่นเพียรเพื่อให้งานเป็นไปตามเป้าหมายตามที่บริษัทฯ ต้องการ บริษัทฯ ได้มีรายได้เพิ่มอย่างต่อเนื่อง ในปี 2554 มีรายได้จาการขาย 1935 ล้านบาท และปี 2555 เพิ่มเป็น 12,333 ล้านบาท และในปี 2556 ยอดการผลิตรถซูซูกิ เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว ซึ่งคาดว่าน่าจะมีรายได้จากการขายไม่น้อยกว่า 24,000 ล้านบาท แต่สภาพการจ้างและคุณภาพชีวิตของลูกจ้างยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำมาก เงินเดือนเฉลี่ยพนักงานอยู่ที่ค่าแรงขั้นต่ำคือ 9,000 บาทเท่านั้นเอง เป็นการใช้ต้นทุนค่าแรงในการผลิตต่ำมาก ซึ่งเป็นการจ้างงานที่เอาเปรียบผู้ใช้แรงงานเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีสวัสดิการอื่นใด ที่จะเป็นเครื่องการันตีความมั่นคงในอาชีพ และรายได้ที่จะเพียงพอต่อการดำรงชีพในสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้พนักงานต้องออกมายื่นข้อเรียกร้องเพื่อขอปรับปรุงสภาพการจ้างงานและรวมตัวเพื่อก่อตั้งสหภาพแรงงาน เพื่อต้องการความมั่นคงในการประกอบอาชีพ และต้องแบ่งปันผลกำไรจากการผลิตอย่างเป็นธรรมและเหมาะสม รวมถึงปัญหาสภาพแวดล้อมความปลอดภัยในการทำงานไม่มี พนักงานเกิดอุบัติเหตุจากการทำงานถึงขั้นนิ้วมือขาดแต่นายจ้างกลับเพิกเฉยไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงาน หรือสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด จากสภาพปัญหาเหล่านี้ พนักงานจึงได้มีการรวมตัวกันเพื่อยื่นข้อเรียกร้องและจัดตั้งสหภาพแรงงาน จึงนำมาสู่การเลิกจ้างผู้แทนเจรจาข้อเรียกร้องและแกนนำในการจัดตั้งสหภาพแรงงานฯ

ดังนั้น สภาองค์การลูกจ้างแรงงานสัมพันธ์แห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับข้อร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากพนักงานบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด เสมือนหนึ่งผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน จึงเรียนมายังบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ได้โปรดพิจารณาให้ความเป็นธรรมกับพนักงานและสมาชิกสหภาพแรงงานฯทุกคน และขอให้บริษัทฯ หาข้อยุติการละเมิดสิทธิแรงงานโดยด่วน

จากปัญหาต่างการเลิกจ้างผู้แทนเจรจาและแกนนำในการจัดตั้งสหภาพแรงงานฯ ที่กล่าวมาข้างต้นโดยมีผลการเลิกจ้างตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2556 แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านายจ้างมีเจตนาที่จะละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของพนักงานในการรวมตัวกันเป็นสหภาพแรงงานฯ ซึ่งเป็นสิทธิ์ของลูกสามารถกระทำได้ ตามความมาตรา 86 และมาตรา 89 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ 2518 ซึ่งสอดคล้องกับปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่ให้ผู้ใช้แรงงานมีสิทธิ์ในการก่อตั้งสหภาพแรงงานและเข้าร่วมเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน และอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ อนุสัญญาหลักฉบับที่ 87 และ 98 ในเรื่องสิทธิเสรีภาพในการรวมตัวและการเจรจาต่อรองร่วม การที่บริษัทฯ เลิกจ้างลูกจ้างในกรณีดังกล่าวนี้ จึงเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ 2518 อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ขัดต่อปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน นอกจากนั้นการเลิกจ้างดังกล่าวยังขัดต่อมาตรา 121, 123 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ 2518 ซึ่งเป็นการเลิกจ้างระหว่างข้อตกลงสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับ และเป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 และยังเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2551 ในมาตรา 64 เรื่องสิทธิเสรีภาพในการรวมกันเป็นสหภาพฯ ...... ซึ่งทุกคนจะต้องได้รับการคุ้มครอง

ดังนั้น เพื่อความเป็นธรรมของลูกจ้างทั้งหมด และเพื่อประโยชน์แก่องค์กรของลูกจ้างที่จัดตั้งมาเพื่อประโยชน์ของพนักงานบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ทุกคนมีสิทธิ์เจรจาต่อรองร่วมและเป็นสมาชิกสหภาพแรงงาน จึงขอเรียกร้องให้บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ปฏิบัติตามกฎหมายและรีบดำเนินการดังต่อไปนี้

1. ให้บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด รับลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างในกรณีดังกล่าวทั้งหมดเข้าทำงานต่อไป ในสภาพการจ้างเดิมขณะก่อนเลิกจ้าง โดยให้ได้สิทธิและผลประโยชน์ตามเดิมทุกประการพร้อมทั้งให้ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ชดใช้ค่าจ้างทั้งหมดในระหว่างที่ถูกเลิกจ้าง พร้อมดอกเบี้ยร้อยละสิบห้าบาทต่อปี นับแต่วันเลิกจ้างจนถึงวันที่รับกลับเข้าทำงาน

2. ห้ามมิให้บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด ขัดขวางการดำเนินงานของสหภาพแรงงานซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม

3. ห้ามมิให้บริษัทฯ  ขัดขวางการดำเนินการโดยการกลั่นแกล้งการลงโทษหรือเลิกจ้างลูกจ้างที่เป็นผู้แทนเจรจาและผู้ที่เกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้องและสมาชิกของสหภาพแรงงานฯ โดยไม่เป็นธรรมอีกต่อไป

4.  ให้บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด จัดให้มีการเจรจาหาข้อยุติปัญหาการเลิกจ้างระหว่างผู้แทนของสหภาพแรงงานฯ และผู้แทนของบริษัทฯ เพื่อหาทางออกร่วมกันโดยเร็ว

ดังนั้น  สภาองค์การลูกจ้างแรงงานสัมพันธ์แห่งประเทศไทย จึงขอประณามการเลิกจ้างลูกจ้างของบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด และขอร้องเรียนมายังทุกท่านให้ดำเนินการช่วยเหลือให้สมาชิกสหภาพแรงงานฯ  ได้รับความเป็นธรรมและให้นายจ้างเคารพกฎหมายและยุติพฤติกรรมที่เป็นการละเมิดกฎหมายเพื่อไม่ให้พนักงานได้รับความเดือดร้อนและเป็นการส่งเสริมการแรงงานสัมพันธ์อันดีในระบบทวิภาคีที่ยั่งยืนตลอดไป
จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์จากท่าน

กรรมกรจงรวมกันเข้า
บุญยืน สุขใหม่
ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานสัมพันธ์แห่งประเทศไทย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net